จัดพอร์ตลงทุนตามวัตถุประสงค์ ซื้อๆขายๆ ยังไงก็ไม่งง
ติดตามบทความการเงิน การลงทุนดีๆ เพิ่มเติมได้ที่ Facebook | Blockdit
เคยไหม? ที่มีหลายพอร์ต แล้วแต่ละพอร์ตมีกองทุนมากมาย จะซื้อจะขายก็งง ว่าทำพอร์ตนี้แล้วต้องทำอีกพอร์ตด้วยไหม?
วันนี้ #เด็กการเงิน ขอพามารู้จัก "การจัดพอร์ตตามวัตถุประสงค์" หรือ 1 พอร์ต 1 วัตถุประสงค์กันเถอะ
ถ้าทำได้เราก็จะไม่ซื้อ-ขาย หรือโยกย้ายกองทุนไปมาบ่อยๆ ก่อนอื่น เราต้องเริ่มจากเป้าหมายทางการเงินก่อนว่าเราควรมีอะไรบ้าง ไล่ตั้งแต่พอร์ตเกษียณ, Goal, Income, เงินฉุกเฉิน และเก็งกำไร ดังนี้
1. พอร์ตลงทุนเพื่อเกษียณ เพราะออมเงินสดอย่างเดียว อาจจะทำให้เราไม่ถึงเป้าหมายเกษียณที่สุขสบายได้ การจัดพอร์ตเกษียณแบบ Asset Allocation แบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือระยะสะสม ระยะมั่งคั่ง และระยะอุทิศ
จากระยะแรกที่รับความเสี่ยงได้มาก มีระยะเวลาในการลงทุนนาน ต้องการให้เงินเติบโต ก็เหมาะสมที่จะมีสินทรัพย์เสี่ยงมาก เช่น หุ้น 70-80% และสัดส่วนจะลดลงมาเมื่ออยู่ในระยะมั่งคั่งและอุทิศ พอร์ตนี้มักวางแผนควบคู่ไปกองลดหย่อนภาษีที่ใช้กรอบเวลาในการลงทุนนาน (ห้ามถอน) และ ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีไปพร้อมกัน
2. พอร์ต Goal สำหรับผู้ที่มีเป้าหมายทางการเงินที่อยู่ระหว่างทางทางไปเกษียณ เช่น บ้าน รถ แต่งงาน เก็บเงินให้ลูก อันนี้ต้องแยกพอร์ตออกจากการเกษียณให้ชัดเจนเพราะว่า เราจะซื้อๆขายๆ ปนกัน บางที เราต้องการใช้เงินเร็วๆนี้แล้ว แต่ขายพอร์ตเกษียณออกมา เป็นต้น ดังนั้นเราแนะนำให้แยก ซึ่งเราจะมีหลาย port Goal ก็ได้ หรือพอร์ต Goal เดียวก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้เงินในแต่ละช่วงเร็วๆนี้ หรืออีก 5-10 ปี ข้างหน้าเลย
3. พอร์ตกระแสเงินสด พอร์ตนี้สำหรับคนที่ต้องการเงินสดมาใช้จ่ายเป็นประจำ เป็น passive income ที่เสริมจากการทำงาน หรือใช้เป็นแหล่งรายได้หลัก
เมื่อจัดพอร์ต วางสัดส่วน asset allocation ไว้เหมาะสมแล้ว ก็ควรปล่อยให้มันทำผลงานบ้าง ศึกษาให้ดีก่อนลงทุน และอย่าเลือกซื้อๆขายๆบ่อยเกินไป
4. เงินเก็บฉุกเฉิน เราแนะนำว่าไม่ต้องจัดพอร์ต แต่เงินเก็บฉุกเฉินนั้นอยู่ในที่ที่ปลอดภัย มีผลตอบแทนที่โตมากกว่าเงินเฟ้อเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นเงินฝากประจำ เงินฝากออนไลน์ ดอกสูง กองทุนเงิน หรือกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นๆ ซึ่งเราสามารถนำออกมาใช้ได้ทันใจ
5. เก็งกำไร หุ้น/กองทุน แนะนำให้ทำเป็นรายตัว ตั้งจุดทำกำไรและ stop loss ให้ชัดเจน
เมื่อพอร์ตขาดทุนทำอย่างไร???? ขายกองทุนทิ้งเลยไหม????
ถ้าเป็นพอร์ตระยะยาว เราต้องไปดูว่าจัด asset allocation เหมาะสมไหม แล้วกองทุนที่เราเลือก เมื่อเทียบกับเพื่อนๆประเภทเดียวกันเป็นอย่างไร? การปรับสัดส่วน และกองทุนเข้าออกนั้น เราแนะนำให้ทำตามรอบ rebalance ทุก 6-12 เดือน หรือตั้งเป้าสัดส่วนเปลี่ยนไป -20 ถึง +20% จะมีการ rebalance เพื่อนำเงินสดในพอร์ตไปซื้อหุ้น (Buy on Dip) หรือ ล๊อคกำไร (Take Profit)
ติดตามบทความการเงิน การลงทุนดีๆ เพิ่มเติมได้ที่ Facebook | Blockdit