ศุกร์ใดเล่า จะเท่าสุข เสาร์ อาทิตย์ เชื่อว่ามนุษย์ทำงานและวัยรุ่นทั้งหลายต่างโหยหาวันหยุดเพื่อจะได้พักผ่อน นอนดูซีรีส์ และตื่นสาย แต่บรรดาท่านสว. (สูงวัย) ทั้งหลายกลับเห็นต่างจะวันไหนๆ ก็เหมือนกันหมด ยังคงตื่นเช้า ส่งสวัสดีกันผ่านไลน์ดังติ๊งตั้งๆ
พอได้ฤกษ์งามยามดี เปิดปฎิทินเจอวันมงคลในรอบ 2 ปี (เพราะอยู่แต่บ้านช่วงโควิด) ประจวบกันอากาศเริ่มเย็นเลยอยากไปสัมผัสอากาศหนาวซะหน่อย ถ้าจะขึ้นเหนือโค้งเยอะก็ไม่ไหว วัยรุ่นและวันเก๋าเราจึงพบคำตอบกันครึ่งทางที่… เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
เราตัดสินใจเหมารถตู้พร้อมคนขับโดยเสิร์ชจากกูเกิ้ลง่ายๆ นี่แหละ จิ้มจึกจ่ายมัดจำสรุปรายละเอียดจุดรับและปลายทางเรียบร้อยผ่านไลน์ล่วงหน้า สะดวกสุดๆ รถมารับเจ็ดโมงตรงเป๊ะ สภาพรถดี มีที่กั้นระหว่างคนขับและส่วนที่นั่งผู้โดยสาร
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เดินทางได้ราวชั่วโมง ให้คนขับแวะ "บ้านสวน" ศูนย์รวมของฝากและศูนย์อาหาร เพื่อทานมื้อเช้าก่อน ที่นี่มีร้านอาหารให้บริการหลากหลาย ราคาสุดคุ้ม เริ่มต้นที่ 30 บาท สารพัดคาวหวาน เลือกได้ตามใจชอบ วันรุ่นอย่างเราจัดข้าวหมูกรอบ ซอสฉ่ำๆ เคียงซุปร้อน ส่วนสว.บอกขอจัดเบาๆ ก่อนเป็นเย็นตาโฟ เวลาไม่เช้า ออกเดินทางต่อ มุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์กันค่ะ
เดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงเรามาถึงจุดหมายแรก "Pino Latte Restaurant & Cafe" เพื่อทานมื้อเที่ยงกัน ที่ร้านแบ่งออกเป็น 2 โซน นั่งทานอาหารและสั่งเครื่องดื่มได้ทั้งสองโซนนะคะ แต่ใครที่อยากทานก๋วยเตี๋ยวขอเรียนเชิญฝั่งซ้ายมือค่ะ
ถึงจะเป็นวันธรรมดาแต่คนยังค่อนข้างเยอะ เราจึงเลือกฝั่งซ้ายและหามุมเหมาะๆ ชมวิวไปพลาง ที่นี่ต้องบริการตัวเอง เมื่อสั่งอาหารเครื่องดื่มและชำระเงินแล้ว จะได้เครื่องเรียกคิวแล้วไปรับอาหารด้านใน มื้อนี้จัดไปเบาๆ พาสต้าผัดขี้เมา พิซซ่าหน้าฮาวายเอี้ยน&แฮมและเห็ด เสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ เราเลือกชาไทย ชามะนาว และช็อกโกแลต ลาเต้
มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ขอย้ำ! เยอะมาก ท่านสว.ของเราอยากถ่ายมุมไหน ช่างภาพอย่างเราจัดหายยยยย
- มุมป้ายร้าน
- มุมเห็นวิววัดผาซ่อนแก้ว
- มุมนั่งจิบเครื่องดื่มเห็นภูเขา
และมุมนี้ที่ต้องห้ามพลาด! โปรดยืนด้วยความระมัดระวังกันนะคะ หากสว.ท่านไหนเข่าไม่ค่อยดี แนะนำให้นำรถมาจอดด้านล่าง มีถนนเป็นทางลาด จะได้หลีกเลี่ยงการเดินลงบันไดมาค่ะ
เก็บภาพความประทับใจ (ได้หลายร้อยรูปแล้ว 555) เราไปสถานที่ถัดไปกันเลยค่ะ "The Bluesky Garden" สวนดอกไม้สไตล์อังกฤษที่เขาบอกว่ามีปราสาทด้วย จ่ายค่าเข้า 100 บาท/คน ด้านหน้ามีร้านเช่าชุดสไตล์เทพนิยาย เจ้าหญิง สำหรับสาวๆ หรือคุณหนูๆ ที่สนใจ มีหลายชุดให้เลือกนะคะ
ก้าวเท้าเข้ามาด้านในจัดสวนอลังการมาก ดอกไม้สีสันสวยงาม เราเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปหลายมุมที่ถูกใจ จุดไฮไลท์ที่ต้องมาให้ได้ ตรงนี้เลยค่ะ ปราสาท ราชรถ และทุ่งดอกไม้หลากสี มีสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดยืนอวดโฉมรอให้นักเที่ยวมาถ่ายรูปด้วย เด็กๆ น่าจะชอบกันนะคะ ส่วนสว.ไม่เหลือค่ะ (ผายมือ)
ทริปนี้เราพักกันที่ "ภูแก้ว รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ พาร์ค" เข้าเช็กอิน จ่ายมัดจำห้องและรับกุญแจจากเจ้าหน้าที่ เนื่องจากห้องพักเราอยู่บนเขาจึงต้องนั่งรถกระบะขึ้นไป บริการฟรีจากโรงแรมค่ะ
และแล้วก็มาถึงห้องพักของเรา Cabin 5 บ้านหลังน้อย มีระเบียงยื่นออกมาให้รับลมชมวิว เปิดประตูเข้าไปให้ฟีลแบบบ้านสไตล์อิงลิชคอทเทจ พักผ่อนกันสักพักแล้วโทรเรียกรถให้มารับเราลงไปทานมื้อเย็นกันค่ะ อากาศเริ่มเย็น อย่าลืมหยิบเสื้อหนาวไปด้วยนะคะ
ที่ภูแก้วคอทเทจมีอาหารให้เลือกเยอะมาก หลักๆ จะเป็นชุดชาบู หมูกระทะ หรือจะเป็นอาหารไทย เราจึงเลือกอาหารไทยกันละเมนู พร้อมข้าวสวยร้อนๆ ถึงจะเป็นอาหารทะเล แต่สดใช้ได้เลยค่ะ
โถงต้อนรับและสวนด้านหน้ามีจัดซุ้มตกแต่งต้อนรับวันคริสต์มาสด้วย บรรยากาศอบอุ่น เลยแวะถ่ายรูปสักหน่อยก่อนนั่งรถของโรงแรมกลับห้องพัก
ตอนเช้าชมทะเลหมอกจากหน้าห้องพักได้นะคะ แต่อาจจะเห็นไกลๆ หน่อย เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนไม่อยากตื่นเช้า เพราะอากาศหนาวมากค่ะ
เก็บสัมภาระมาเช็กเอาท์และทานมื้อเช้ากัน มีทั้งอาหารเช้าแบบอเมริกันเบรกฟาสต์ ข้าวสวย กับข้าว ชา กาแฟ ผลไม้ สลัด และที่สำคัญมีไข่กระทะ ทำกันใหม่ๆ ตรงนั้นเลย
เติมพลังเต็มที่แล้ว นั่งรถกระบะขึ้นไปจุดชมวิวด้านบนเลยห้องพักเราไปอีกหน่อย ลูกค้าที่มาพักที่โรงแรมจะได้คูปอง 2 เที่ยว ส่วนคนทั่วไปมีค่าบริการ 40 บาท/คน รถออกทุกๆ 15 นาที ให้บริการตั้งแต่ 06.00 - 17.30 น. มีฉากกั้นระหว่างที่นั่ง แต่ตอนขาขึ้นจับให้แน่นๆ นะคะ เพราะเขาชันมาก
นั่งรถมาประมาณ 5 นาทีก็มาถึงจุดชมวิว "ภูแก้วพีค" เราเดินตรงขึ้นไปหามุมสวยๆ ถ่ายรูปกัน จุดแรกให้กลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ๊นญี่ปุ่น สายตาเหลือบไปเห็นข้อมูลที่น่าสนใจ จึงทำให้รู้ว่าจุดนี้เราเขียนขอพรบนป้ายไม้ได้นะ
"สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ คือ ภูแก้วพีค มีจุดแห่งพลังศักดิ์สิทธิ์และเป็นจุดรับกระแสพลังที่ดี เพราะมีการทำบุญประจำปีอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ตลอดทุกเวลา บริเวณนี้สามารถขอพรในสิ่งที่ตัวเองมุ่งหวังได้ผ่านป้ายไม้ขอพร" (อ้างอิงข้อความจากป้ายบริเวณจุดขอพร)
ข้างๆ มี "ชิงช้าไม้" ไว้ถ่ายรูปเก๋ๆ
จุดถัดไปเป็นพระพุทธรูปตั้งอยู่บนเนิน ที่มีสะพานแขวนเชื่อม มุมนี้ก็สวย เยื้องๆ มีรังนก เขาไปนั่งโพสท่าชิคๆ มีวิวภูเขาเป็นแบ็กกราวน์
"ป้ายภูแก้วพีค" เดี๋ยวเขาหาว่ามาไม่ถึง ถ่ายคู่กับป้ายโพสไปเลยสิบท่า
"มือพระเจ้า" เป็นรูปมือยื่นออกไป จุดไฮไลท์ที่มาแล้วต้องเก็บภาพไว้ ด้านข้างมีจุดชมวิว 180 องศา แค่เดินหน้า ยืนไปรับลมชมวิวก็คุ้มแล้ว
ยังไม่หมด ตามเรามาต่อกันที่ "ภูแก้วพีคคาเฟ่" มีจำหน่ายเครื่องดื่ม ป้ายไม้ และมุมอีกแยะไว้ให้แชะถ่ายรูป
สักพักแดดเริ่มแรงขอโบกมือลาไปทัศนาที่ต่อไป เราเดินทางออกจากที่พักไปแวะยัง "ตั๊กม้อเขาค้อ & โรงเตี๊ยมสุดขอบฟ้า" ไม่ทันถึงไหน สว.ถึงกับหยุดชะงักเพราะโดนทักว่า "สักใบไหมคะ" วัยเก๋าเลือกไป วัยรุ่นจ่ายยยย
ที่นี่ตกแต่งสไตล์จีนๆ จะนั่งทานอาหารหรือซื้อเครื่องดื่ม เบเกอรี่ เลือกได้ตามสะดวก เราอุดหนุนเครื่องดื่มของทางร้าน และเดินชมรอบๆ
ระหว่างทางกลับคนขับเอ่ยขึ้นมาว่าผบ.ทบ. (ผู้บัญชาการที่บ้าน) ให้แวะซื้อมะขาม อยากจะลงไปเลือกดูของฝากไหม เราก็ปฎิเสธไป แต่ไหงพอรถจอดปุ๊บมือเมอ ขาเขอไปเอง ไหนจะมะขามหวาน มะขามแช่อิ่ม บ๊วย แถมใช้คนละครึ่งได้อีก สว.เลยจัดไปซะหลายถุง ที่นี่มะขามหวานขึ้นชื่อ แวะอุดหนุนสินค้าท้องถิ่นติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้านกันค่ะ
ใครที่อยากไปเที่ยวภูเขา แต่กังวลเรื่องการเดินทาง ไหนจะต้องวางแผนนั่นนี่ อ่านรีวิวนี้แล้วไปตามรอยกันได้นะคะ เพราะเที่ยวเขาค้อง่ายๆ วัยไหนก็ไปได้
