“หนี้” ของ “EA” ณ สิ้นไตรมาส1/24 กว่า 6.42 หมื่นล้านบาท... เป็น “ตราสารหนี้” กว่า 50% ที่จะครบชำระปีนี้ 6.9 พันลบ. !!!
สาระFund วันละนิด: กรณีของ“บมจ.พลังงานบริสุทธิ์” (EA) นั้น เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง แต่ก็เริ่มส่งผลกระทบในตลาดการเงินของไทยแล้ว
ต้องไม่ลืมว่า…ในระบบ “สินเชื่อแบงก์” ก็ยังมี “หนี้เสีย” (NPL) ใน “ตลาดหุ้น” ก็มี “หุ้นเน่า” ถ้าใน “ตลาดตราสารหนี้” จะมี “ตราสารหนี้มีปัญหา” บ้างก็คงไม่แปลกอะไร เพราะเป็นเรื่องปกติที่มีอยู่ในโลกของการลงทุน
แต่ที่ไม่ปกติ คือ “บริษัทที่มีธรรมาภิบาล” (ESG) อย่าง EA เกิดเคสประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารถูกกล่าวโทษว่าทุจริต โดย “สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์” (ก.ล.ต.) แล้วมาตรฐาน ESG นี้ นักลงทุนจะยังหยิบเอาไปประกอบการตัดสินใจได้จริงหรือ?
ผลกระทบในฝั่ง “ตลาดหุ้น” คงเห็นกันไปแล้ว ราคาหุ้น EA ติดฟลอร์ 2 วันซ้อน
ในฝั่ง “ตลาดตราสารหนี้” เองผลกระทบค่อนข้างจำกัด เพราะ “ตลาดหุ้นกู้ไทย” เป็นตลาดของกลุ่ม“Investment Grade” (IG) กว่า 95% เลยทีเดียว ในครึ่งปีหลังมีหุ้นกู้ครบอายุ 4.42 แสนล้านบาท ก็เป็น IG ถึง 89%
กรณีของ EA จึงเป็นความเสี่ยงเฉพาะบริษัท และผลจากปัญหาทั้งกรณีผู้บริหารถูกกล่าวโทษเป็นดาบแรก ก่อนจะถูก “TRIS Rating”หั่นอันดับเครดิตของบริษัทเหลือ “BB+” ร่วงลงสู่ “Junk Bond” หรือ “High Yield” ทันที่ จากเดิมเป็น IG ที่เรทติ้ง “BBB+” พร้อมแนวโน้มเครดิตเป็นลบ “Negative”
ทำแผนออกหุ้นกู้ของ EA สะดุดไปเรียบร้อยทันที และต้องจับตาว่าทาง EA จะปรับแผนมาแก้ไขได้ทันท่วงทีหรือไม่ และได้ตามเม็ดเงินที่ต้องการเดิมมั้ย
“หุ้นกู้ EA” ที่จะครบชำระในปีนี้กว่า 6,900 ล้านบาท จะผ่านไปได้เรียบร้อยเหมือนที่ทาง “ทีมผู้บริหารชุดใหม่” หรือไม่นั้น?คงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด วันนี้ ทีมงาน ‘Wealthy Thai’ มีมุมมองที่น่าสนใจในเรื่องนี้มาฝากกัน
“ตลาดหุ้นกู้” ไม่กระทบ เหตุ 95% เป็น “Investment Grade”…ส่วน “หุ้นกู้ EA” อาจขายยากขึ้นหลังเป็น “High Yield”
โดย “อริยา ติรณะประกิจ” รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย มองว่า กรณีของ “หุ้นกู้ EA” เป็นเรื่องเฉพาะบริษัทและไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดในภาพรวมแต่ประการใด เพราะส่วนใหญ่95% เป็นกลุ่ม“Investment Grade” (IG) แต่แผนออกหุ้นกู้ของ EA คงต้องล่าช้าออกไป จากเดิมที่เตรียมเสนอขายประชาชนทั่วไป(PO) 2 รุ่น 23 – 25 ก.ค. 24 ต้อง “ยกเลิก” เพราะผู้บริหารโดนคดีและถูกลดเรทติ้งเป็น “High Yield” (HY)หรือ “Junk Bond” ทำให้กระบวนการออกล่าช้าขึ้น ทาง EA จะต้องยื่นเปลี่ยน “ทีมผู้บริหารชุดใหม่” เข้ามาแทนชุดเดิม และเมื่อเป็น “High Yield” การยื่นออกก็ต้องยื่นเข้ามาเป็นชุดๆ จะใช้แบบเดิมที่ยื่นมาทั้งโครงการเหมือนตอนเป็น “IG” ไม่ได้ ตรงนี้กระบวนการออกก็อาจจะล่าช้าออกไปจากเดิม
“เมื่อเป็น ‘HY’ต้นทุนดอกเบี้ยก็จะสูงขึ้น จากเดิมที่ให้อยู่ 5.5% เมื่อเป็นเรทติ้ง ‘BB+’ ตอนนี้ก็อยู่ประมาณ 7% กว่า ก็เพิ่มขึ้นมาพอสมควร และกลุ่มเป้าหมายจะแคบลงเหลือเพียง ‘นักลงทุนรายใหญ่’(High Net Worth: HNW) เท่านั้น ซึ่งในภาวะตลาด ‘HY’ ที่ซบเซามาตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรก เป็นกลุ่มที่ออกแล้วขายยาก ออกมาแล้วขายไม่หมด แต่ที่นักลงทุนเชื่อมั่น ‘HY’ บางตัวก็ยังสามารขายได้ดีเช่นกัน ตรงนี้อาจเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย ทาง EA ก็คงต้องประเมินสำรวจความต้องการของตลาดกันอีกครั้ง ว่าจะได้วงเงินเท่าที่ตั้งใจเดิมหรือไม่ ที่เตรียมมาชำระคืนหนี้หุ้นกู้ชุดเดิม ส่วนนักลงทุนเองก็คงต้องศึกษาข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน ดูงบการเงินและอัตราส่วนการเงินต่างๆ ประกอบการตัดสินใจด้วยเช่นกัน”
“EA” มี “ตราสารหนี้” ที่ครบชำระในปี24 รวม 6.9 พันล้านบาท…ชี้ “Set Aside” กองตราสารหนี้ทำถูกต้อง-ดูแลผลประโยชน์ผู้ลงทุน
จากข้อมูลใน Fact Sheet เสนอขายหุ้นกู้ที่ถูกยกเลิกไปล่าสุด พบว่า ณ 31 มี.ค. 24 EA มีหนี้สินรวม 64,213 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 46.98%, 2) ตราสารหนี้ 49.90% และ3) อื่นๆ อีก 3.12%
โดยมีหุ้นกู้ 16 รุ่น ที่จะทยอยครบอายุในช่วง 10 ปี รวม 31,166 ล้านบาท โดยมีตราสารหนี้ที่จะครบชำระในปี24 นี้ 6,900 ล้านบาท แบ่งเป็น “ตั๋วแลกเงิน” 4 รุ่น 1,400 ล้านบาท และ“หุ้นกู้” 2 รุ่น 5,500 ล้านบาท
ซึ่งทางทีม “ผู้บริหารชุดใหม่” ก็ออกมายืนยันว่ามีแผนชำระคืนเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามทาง “TRIS Rating” ได้ให้ความเห็นในการปรับลดเครดิตเรทติ้งล่าสุดเอาไว้ว่า ประเด็นเรื่องธรรมภิบาลของบริษัทนั้นน่าจะสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นของเจ้าหนี้และนักลงทุนที่มีต่อบริษัท และทำให้ความเสี่ยงในการรีไฟแนนซ์สูงขึ้นสำหรับภาระหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในเร็วๆ นี้
“นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังมองว่าการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงอาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน และเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอาจส่งผลให้บริษัทผิดเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ที่มีกับธนาคารซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องรักษาผู้บริหารหลักไว้”
ทางอริยา ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ในส่วนของ “กองทุนตราสารหนี้” ที่ทำการ “Set Aside” นั้นทำถูกต้องแล้ว เป็นการรักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทุน เพราะมีการแยก “หุ้นกู้ EA” ออกมาต่างหาก ในอนาคตถ้าได้รับชำระเงินคืนก็ค่อยนำกลับเข้ามาคืนให้ผู้ถือหน่วยต่อไป
“ESG-ไทย” เชื่อได้แค่ไหน?…เมื่อ “บลจ.” ไม่ได้บริหารผิดพลาด
ในขณะที่ “คมสัน ผลานุสนธิ” กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส มองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ EA เกิดขึ้นเร็ว และกรณีของ EA ก็ไม่เหมือน “STARK” แต่กระแสข่าวที่สื่อสารผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ ไปเร็วมาก แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมามีกรณีที่ไม่ค่อยดีนักเกิดขึ้นใน “ตลาดตราสารหนี้” อย่างต่อเนื่อง ประสบการณ์ของนักลงทุนเองเดิมก็อาจจะไม่ค่อยดีอยู่แล้วด้วย พอมีข่าวเกิดขึ้นและมาต่อด้วยการที่ EA ถูกลดเครดิต นักลงทุนก็ไม่มั่นใจแล้วว่าจะเกิดกรณีแบบนี้กับหุ้นกู้ตัวอื่นๆ อีกมั้ย เป็น “Panic” ไปเรียบร้อยแล้ว ทางบลจ.แม้จะทำการ Set Aside รักษาผลประโยชน์ผู้ลงทุน เมื่อข่าวลือ ข่าวร้าย มาติดๆ กัน พื้นฐานดี หลักการดี ก็ไม่ช่วยอะไร เพราะนักลงทุน “ไม่มั่นใจ” เขาก็พร้อมจะขาย อันนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญที่เราต้องเรียนรู้
“กรณีของ ‘หุ้นกู้ EA’ ไม่ใช่การลงทุนที่ผิดพลาดของบลจ. ทุกอย่างเป็นไปตามเกณฑ์ แต่ใครจะรู้ว่าบริษัทที่มี ‘ธรรมาภาบาล’จะมี ‘ผู้บริหาร’ที่มีคดีทุกจรติเกิดขึ้น องค์กรที่จัดความน่าเชื่อถือ จัด ‘เรทติ้ง ESG’ ที่ให้กับบริษัทเหล่านี้ ในมุมของ ‘นักลงทุน’ยังสามารถเชื่อมั่นได้แค่ไหน ที่จะเอาไปประกอบการตัดสินใจลงทุน ในอนาคตเราคงต้องมองการลงทุนให้หลากหลายในทุกมิติมากขึ้น แต่เรื่องของผู้บริหารเองก็เป็นเรื่องที่ดูได้ยาก อาจจะต้องมีการกระจายไปลงทุนในต่างประเทศในบริษัทที่มี ESG ที่น่าเชื่อถือมากกว่าเพิ่มขึ้นก็ได้”
สำหรับนักลงทุนก็ไม่ต้องตื่นตระหนกแต่ประการใด ทาง “บลจ.” ได้มีการ “Set Aside” หุ้นกู้ EA ไปหมดแล้ว ส่วนใครที่จะลงทุนใน “หุ้นกู้ EA” ก็คงต้องดูข้อมูลประกอบการตัดสินใจด้วย ล่าสุดทาง “สมาคมบริษัทจัดการลงทุน” (AIMC) มีมติจัดให้หลักทรัพย์ของ EA อยู่ใน “Restricted List” จำกัดการทำธุรกรรมและห้ามมิให้มีการลงทุนเพิ่มจนกว่าจะมีความชัดเจนในแนวทางการดำเนินงานของบริษัทไปเรียบร้อยแล้ว
ท้ายสุดการกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ ซึ่งบทสรุปจะเป็นยังไงคงต้องติดตามกันต่อไป แต่ในส่วนของตัวธุรกิจของ EA นั้นคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ต่อไปเพียงแต่ในทิศทางใดเท่านั้นเอง