*1. Learn - ฤดูแห่งการเรียนรู้ *
เราทุกคนก็อยากที่จะอยู่ในฤดูกาลที่มันดีที่สุดสำหรับเรานั่นแหละ
แต่ถ้ามองกลับมาดูดีๆ ก่อนที่เราจะไปถึงฤดูกาลแห่งความสำเร็จ
เราควรจะต้องหยุดเพื่อเรียนรู้อะไรสักอย่างก่อน
Learn หรือการเรียนรู้ คือสิ่งแรกที่เราควรเริ่ม
เราอาจเข้าใจไปเองว่าการเริ่มต้น คือการลงมือทำ
แต่จริงๆ แล้วการเริ่มทำอะไรสักอย่างที่ตัวเองต้องการในชีวิต
มันเริ่มจากการลุกขึ้นไปหาข้อมูล เข้าไปเรียนรู้สิ่งนั้น
ซึ่งมันเป็นฤดูที่ถูกลืมมากๆ
เพราะเราเองก็คิดไปเองอีกว่า เราไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรหรอก
เราก็พอรู้อยู่บ้างแหละน่า ทำๆ ไปก่อนเถอะ
แต่ก็มีหลายครั้งที่เราเจอปัญหาใหญ่ๆ
แล้วถึงต้องกลับมานั่งคิดว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นแล้วจะแก้มันยังไง
ยกตัวอย่างง่ายๆ
เราแทบไม่เปิดคู่มือรถ หรือโทรศัพท์ก่อนใช้งานกันเลย
เครื่องซักผ้า เครื่องดูดฝุ่น ทีวี หรืออะไรก็ตาม
เราจะมาเปิดดูมันอีกที ก็ตอนที่กดปุ่มอะไร สักอย่างแล้วมันไม่ติด
มันเสีย เราถึงค่อยกลับไปเรียนรู้ว่าจริงๆ แล้วมันใช้งานยังไง
ในชีวิตเรามันก็ไม่มีคู่มืออีกเหมือนกัน
แต่ประเด็นคือ การที่เราได้เรียนรู้ในสิ่งที่เราสนใจ
ได้เข้าไปทำความเข้าใจ
ได้เข้าไปสัมผัสด้วยตัวเอง
มันก็จะทำให้เราเข้าใจก่อนที่จะเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างที่ชอบ
ไม่ได้หมายถึงว่าต้องไปอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว
แต่การเรียนรู้คือการเข้าไปหาคนที่เขาถนัด
คนที่เขาอยู่ในจุดๆ ที่เราอยากไปถึง
แต่เดี๋ยวนี้โลกมันก็ง่าย จนทำให้บางคนมักง่าย
หลายครั้งที่เราไม่เคยที่จะพยายามทำไรเลย
อาศัยแค่มีเพื่อนในเฟซบุ๊คหรือทวิตเตอร์เยอะๆ
แล้วก็โพสลอยๆ ว่าอยากเป็นนั่น อยากเป็นนี่ ทำไงได้บ้าง
รอให้คนอื่นเค้าเค้ามาช่วยเหลือ ในขณะที่ตัวเองนอนเล่นโทรศัพท์อยู่เฉยๆ
แต่เมื่อเราได้เข้าใกล้คนที่อยู่ในที่ที่เราอยากไปถึงแล้ว
การเรียนรู้ผ่านการตั้งคำถามที่มันเป็นประโยชน์กับเราจริงๆ จะช่วยได้มากเลยนะ
แทนที่จะถามว่า อยากเป็นนักเขียนทำไงดี
อยากไปทำงานที่ญี่ปุ่นทำไงดี
อยากทำงานเก่งๆ ทำไงดี
อยากประสบความสำเร็จในธุรกิจทำยังไงดี
อยากลืมเค้า ทำยังไงดี
ลองเปลี่ยนคำถาม แล้วถามพวกเขาไปว่า
อะไรคือจุดที่ยากที่สุดในการเป็นนักเขียน
อะไรคือสิ่งที่พี่คิดว่า พี่ควรจะรู้ตั้งแต่แรกก่อนที่พี่จะเริ่มทำธุรกิจ
ในวันที่พี่ลุกขึ้นมารักตัวเองแล้ว วันนั้นพี่คิดอะไรอยู่
ยิ่งเราถามคำถามที่มันไม่ได้เฉพาะเจาะจง
คนที่เราจะให้เขาแนะนำก็จะไม่ได้ตอบในสิ่งที่เราอยากรู้
เพราะคำถามมันกว้างมาก
ไปญี่ปุ่นไปตอนไหนดี โอ้ยยย ไปตอนไหนก็ได้ถ้ามีตังค์
เป็นผม ผมก็จะตอบแบบนี้นะ
แล้วลองถามคำถามที่มันดูเป็นคำถามทางอารมณ์กับพวกเค้าดูบ้างนะ
ไม่ใช่ถามทางเทคนิคอย่างเดียว
เช่นแบบ ถามว่า อะไรคือสิ่งที่พี่รักที่สุดในการทำ…..
ช่วงเวลาที่พี่แย่ที่สุดในการเป็น….มันคืออะไร แล้วพี่ออกมาจากมันได้ยังไง
เรียนรู้จากทุกๆ อย่างที่เกี่ยวข้อง อ่าน ฟัง พูดคุย
ทุกอย่างที่เราค้นหาจะทำให้เรามองภาพออกว่าเราควรจะเดินไปทางไหน
ถ้าตอนนี้รู้สึกตัน รู้สึกว่าไม่รู้จะไปทางไหน
เริ่มต้นด้วยการเรียนรู้ อย่าข้ามฤดูนี้ แล้วไปหาเอาข้างหน้าที่ฤดูอื่น
*2. Experiment - ฤดูแห่งการทดลอง *
ใช้ในสิ่งที่เราเรียนรู้ มาทดลองทำ
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอยากเป็นนักเขียน ลองหาข้อมูลแนวทางที่ชอบ
แล้วลองบอกตัวเองว่าจะเขียนมันดูทุกๆ วันละสองหน้าเอสี่
ลองทำดูสักสัปดาห์ ดูว่าตัวเองชอบการทำแบบนี้มั้ย เวิร์ครึเปล่า
อยากว่ายน้ำเก่ง ลองว่ายทุกๆ วัน ละร้อยเมตร ห้าสิบเมตร
อยากเก่งภาษา ลองฝึกพูดทุกวัน วันละห้าประโยค
ทดสอบตัวเองด้วยการทดลองว่าสิ่งที่เราอยากทำเราทำมันได้จริงๆ มั้ย
บางทีพอผ่านไปแล้วอาจจะพบว่า เราเขียนได้แค่วันละหน้า
ว่ายได้แค่วันละยี่สิบห้าเมตร หรือพูดภาษาได้แค่วันละประโยค
ซึ่งฤดูกาลนี้ มีคำเตือนอยู่ว่า
อย่าตัดสินตัวเอง
อย่าโทษตัวเอง ถ้าการทดลองมันล้มเหลว
เมื่อลองทำแล้วมันไม่ได้
นั่นหมายความว่า เราอาจจะต้องหาวิธีอื่นมาลองทำอีก
อนุญาตให้ตัวเองทำผิดพลาดในฤดูนี้
เพราะยิ่งเราผิดพลาดมากเท่าไหร่
ไม่ได้หมายความว่าเราล้มเหลว
แต่มันหมายความว่าเราได้รู้วิธีที่จะทำให้มันได้ผล
ให้เวลาตัวเองได้เรียนรู้จากความผิดพลาด
แล้วเริ่มทดลองกับตัวเองใหม่
*3. Perform - ฤดูแห่งการลงมือทำ *
Perform คือการลงมือทำมันแบบจริงๆ
ให้นึกถึงฤดูการสอบ
เราเรียน เราทดลองทำแบบฝึกหัด
ตอนนี้แหละที่เราจะเอาทั้งหมด
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีปล่อยมันออกมา
เหมือนนักกีฬาที่ฝึกซ้อมทุกวัน
แล้วรอวันที่กรรมการเป่านกหวีด
เอาการทดลองที่ดีที่สุดของเราออกมาอวด
เรารู้แล้วว่าอะไรที่ดีที่เหมาะสำหรับเรา
นี่คือฤดูแห่งการตั้งหน้าตั้งตาทำในสิ่งที่คุณรัก
ที่คุณชอบ ทำมันซ้ำๆ ไปตามจังหวะที่เราต้องการ
ถือว่าเป็นฤดูกาลที่สำคัญมากๆ เลยนะ
เพราะมันจะทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าของสิ่งที่เราทำ
ซึ่งถ้าบางคนข้ามฤดูแรกๆ ไม่เรียนรู้ ไม่ทดลอง แล้วมาที่ตรงนี้เลย
ผมว่ามีหนาวๆ นะ เพราะไม่รู้เลยว่าสนามที่ตัวเองจะมายืนอยู่มันเป็นยังไง
ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนี้
แนะนำให้กลับไปที่สองฤดูแรกก่อน แล้วค่อยมาเริ่มที่นี่อีกครั้ง
*4. Struggle ฤดูแห่งการดิ้นรน ฟ่าฟัน *
ฤดูถัดมา ไม่ใช่ฤดูแห่งความรัก แน่นอน
ฤดูนี้มันโหดกว่านั้น เรียกว่าเป็นฤดูกาลแห่งการดิ้นรน ฟ่าฟัน
หรือภาษาอังกฤษเค้าใช้คำว่า struggle
ในการที่จะทำอะไรสักอย่างมันจะมีช่วงที่เรารู้สึกแย่
รู้สึกว่ามันไม่ได้อย่างที่ใจต้องการ มันแย่ มันป่วย มันหดหู่
เรียกว่าเป็นปกติที่เราจะต้องเจอและมีฤดูกาลนี้ในชีวิต
เพียงแค่ยอมรับว่า มันจะเกิดขึ้นกับเราแน่นอน ความรู้สึกแบบนี้
อย่าพยายามที่จะหนีมัน
แต่ให้พยายามที่จะเข้าใจ และหาทางแก้ปัญหา
อย่าคิดว่ามันจะเป็นฤดูที่เราจะต้องอยู่กับมันตลอดไป
มันเป็นอีกฤดูที่เราต้องผ่านมันไปให้ได้
เพราะจริงๆ แล้วอีกนิดเดียว
ถ้าเราพยายาม มันก็อาจจะทำให้เราผ่านมันไปได้จริงๆ
*5. ฤดูกาลแห่งความสำเร็จ *
ฤดูกาลสุดท้าย
คือฤดูกาลแห่งความสำเร็จ
เรียกว่าเป็นช่วงที่สิ่งที่เราทำมามันออกดอกออกผล
ช่วงที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เราคิด
ช่วงที่เราได้รางวัล ช่วงที่ยอดขายเราพุ่ง ช่วงที่เรามีความสุขกับตัวเอง
ช่วงที่เราเห็นผลว่า การทดลองซ้ำๆ ทำให้เรามาถึงจุดนี้
แต่รู้อะไรมั้ย
ฤดูกาลนี้ มีอายุอยู่เพียงแค่ 1% ของทุกๆ ฤดูกาล
ถ้าสังเกตความสำเร็จของใครหลายๆ คน คนที่ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดนั้น
เราจะเห็นค่ำคืนแห่งความสำเร็จ วันแห่งความสุข
ซึ่งเราเข้าใจไปว่า คืนนั้น ตรงนั้น คือทั้งหมดของชีวิตแล้ว
ซึ่งมันไม่ใช่ มันคือ 1% ที่จะเกิดขึ้นในฤดูนี้
แล้วทุกอย่างจะกลับไปวนลูปทั้งห้าฤดูกาลใหม่
เราอาจเห็นคนฉลองกันมากมาย
แต่เค้าไม่ได้ฉลองกันทุกวัน
ทุกๆ วันเค้าทำงาน สร้างผลงาน คิด เรียนรู้ ทดลอง ลงมือทำ หกล้ม
วนเวียนไปมาไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อที่จะให้อีก 1% ในชีวิตเกิดขึ้นอีกครั้ง
คุณค่าจริงๆ ของชีวิตอาจไม่ได้อยู่ที่ 1% ตรงนี้ก็ได้
แต่มันอยู่กับว่าในทุกฤดูกาลเรามีความสุขกับแต่ละฤดูได้มากน้อยแค่ไหน
แต่อย่างน้อยฤดูนี้ก็จะเติมเต็มความรู้สึกในจิตใจ
ให้เรามีกำลังใจที่จะกลับไปเรียนรู้สิ่งใหม่ที่เราตกหลุมรัก
หรือสิ่งเก่าที่จะทำให้มันดีกว่าเดิม
ชีวิตเราก็มีแค่นี้แหละ
5 ฤดูแห่งการเติบโต
*ฤดูแห่งการเรียนรู้ *
*ฤดูแห่งการทดลอง *
*ฤดูแห่งการลงมือทำ *
*ฤดูแห่งการดิ้นรน *
*และฤดูกาลแห่งความสำเร็จ *
*ค่อยๆ ผ่านมันไปทีละฤดู *
*แล้วค่อยๆ ลิ้มรสกับ 1% สุดท้ายที่เราเฝ้ารอ *
ความเห็น 2
ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมากับในชีวิตก็ตาม หากว่าได้คิดพิจารณาถึงในหลักของความเป็นจริงกับในสิ่งที่เกิดขึ้นมาอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว เชื่อว่ายังไงก็ย่อมที่จะต้องมีหนทางที่จะแก้ไขเพื่อให้เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้องได้เสมอ.
13 ธ.ค. 2562 เวลา 07.12 น.
เธอทำให้ผมกลับมาเชื่อว่า__
อะไรที่เราไม่ได้ทำไว้
ต่อให้พยายามไขว่คว้าสักเท่าไร
...... เราก็จะไม่มีวันได้มันมาครอบครอง...
15 ธ.ค. 2562 เวลา 17.17 น.
ดูทั้งหมด