โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

จาก “สลัม” สู่ “สตาร์” เปิดที่มาของ “ซูเปอร์สตาร์” เมืองไทย “เบิร์ด – ธงไชย แมคอินไตย์”

TheHippoThai.com

เผยแพร่ 26 เม.ย. 2562 เวลา 01.00 น. • THE HIPPO | Another Point Of View
จาก “สลัม” สู่ “สตาร์” เปิดที่มาของ “ซูเปอร์สตาร์” เมืองไทย “เบิร์ด – ธงไชย แมคอินไตย์”

เมื่อกล่าวถึงคำว่า “ซูเปอร์สตาร์” ของเมืองไทย ชื่อของ “เบิร์ด - ธงไชย แมคอินไตย์” ย่อมผุดขึ้นในใจผู้ชมผู้ฟังเป็นแน่แท้ เพราะตลอดระยะเวลากว่า 33 ปี ที่ยืนในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะเดิน หรือวิ่ง จะเร็ว หรือช้า มาราธอนในวงการบันเทิงของพี่เบิร์ดก็ยังคงเป็นเจ้าของสถิติสูงสุดที่ยากจะล้มลงได้

แต่ก่อนที่เขาจะเดินทางมาถึงจุดนี้ เบื้องหลังรอยยิ้มจริงใจ จะได้เผยเรื่องราวจากใจจริงของศิลปินผู้นี้ออกมาบ้าง ขอเชิญทุกท่านร่วมติดตามเรื่องราวเกร็ดเล็กเกร้ดน้อยของผู้ชายคนนี้ ที่เรานำมา “เล่าสู่กันฟัง” ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้รู้จักผู้ชายคนนี้ดีกว่าที่เคย และไม่แน่ว่า เรื่องราวของเขา (ที่เราไม่รู้) อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้เรารู้จักตัวเอง เหมือนที่เขาเดินตามความฝันมาจนประสบความสำเร็จ (เกินฝัน) ในวันนี้

เด็กชายธงไชย ผู้ภูมิใจที่จะเรียกตัวเองว่า “เด็กสลัม”

ชีวิตในวัยเด็กของพี่เบิร์ดนั้นเริ่มขึ้นที่บ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่งที่อยู่ท้ายสวนย่านบางแค ในตำแหน่งลูกคนที่ 9 จาก 10 คน ของครอบครัวแมคอินไตย์ ซึ่งพี่เบิร์ดนั้นไม่เคยคิดจะปกปิดอะไร และให้สัมภาษณ์อย่างจริงใจเสมอว่าเขานั้นเป็น “เด็กสลัม” โดยคุณพ่อคุณแม่นั้นมีอาชีพทำดิกชันนารี จึงไม่ค่อยมีรายได้คล่องมือ ลูก ๆ บ้านนี้ทุกคนจึงต้องใช้เวลาว่างช่วยแม่พับถุงขาย ไม่ก็สอนภาษาอังกฤษให้เด็กในสลัม คิดค่าเรียน 5 บาท 10 บาท แล้วแต่ใครจะบริจาค

แต่ความเป็นศิลปินก็ฉายแววในครอบครัวมาตั้งแต่พวกเขายังเด็ก ๆ ด้วยการตั้งวงดนตรีแรกในชีวิต อันประกอบไปด้วยพี่น้อง 7 คน ชื่อวง “มองดูเลี่ยน”  เล่นในงานโรงเรียน ซึ่งชื่อวงนั้น ได้แรงบันดาลใจมาจากการเห็นหมาขี้เรื้อนที่ไม่มีขน มองดูเลี่ยน ๆ เตียน ๆ นั่นเอง !

 

จากลำไพ่พิเศษ “พนักงานเปิดประตู” สู่ “บทบาทการแสดง”

เราอาจจะเคยได้ยินกันมาว่าพี่เบิร์ดนั้น ได้เคยเป็นพนักงานธนาคารประจำแผนกต่างประเทศของธนาคารกสิกรไทย หาเลี้ยงชีพด้วยเงินเดือน 6,000 บาท แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ในระหว่างทำงานประจำนั้น เขาก็หาลำไพ่พิเศษไปด้วย ตั้งแต่เป็นหนูทดลองสินค้า ถ่ายแบบโฆษณา รับหมดทุกงานที่เขาสามารถจะทำได้ รวมทั้งการเป็นพนักงานเปิดประตูดิสโก้เธคของโรงแรมแอมบาสเดอร์ ซึ่งในคืนแรกของการทำงานก็ “ได้เรื่อง” ทันที เพราะผู้ใช้บริการนั้นเป็นนักแสดงจากช่อง 3 ซึ่งเขาได้รับมอบหมายให้ไปช่วยดูแลแขกโต๊ะนี้ เพราะคนขาด

ธงไชยในวันนั้นจึงวาดลวดลายทั้งร้อง ทั้งเต้นจนเข้าตาของ “ไก่ – วรายุฑ มิลินทจินดา” ผู้เห็นแววศิลปินของเขาถึงขนาดไปตามตัวถึงบ้านในวันรุ่งขึ้น ! และนั่นก็เป็นเหตุให้ ธงไชย แมคอินไตย์ ได้ปรากฏโฉมบนจอแก้วเป็นครั้งแรกในฐานะนักแสดงสมทบละครเรื่องน้ำตาลไหม้ (2526) ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยมรางวัลเมขลาอีกด้วย

“รับไหว้ไม่ได้นะ…จับของอยู่”

เราทุกคนต่างรู้ดีว่า พี่เบิร์ดได้แจ้งเกิดในฐานะนักร้องอีกหนึ่งตำแหน่ง ด้วยการเชื่อคำยุยงของ ไก่ วรายุฑ ให้เข้าไปประกวดร้องเพลงของสยามกลการ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ เหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาผู้นี้ เกิดขึ้นในห้องน้ำ หลังเวทีประกวดในปีนั้นที่โรงแรมเอเชีย ที่ “เต๋อ – เรวัต พุทธินันทน์” หัวเรือใหญ่ของ GMM Grammy ที่มารับหน้าที่พิธีกรพร้อมเฟ้นหาศิลปินหน้าใหม่พร้อม ๆ กัน

เมื่อพี่เบิร์ดได้เอ่ยทักทาย “อาเต๋อ” เมื่อได้เจอในห้องน้ำ วันประกาศผลรางวัล ซึ่งคำแรกที่เต๋อ เรวัต ตอบเขานั้นเป็นคำพูดติดตลกว่า “รับไหว้ไม่ได้นะ…จับของอยู่” เมื่อทั้งสองคนยืนปลดทุกข์อยู่โถข้าง ๆ กัน ก่อนที่อาเต๋อ จะเอ่ยประโยคสั้น ๆ แต่มีความหมายยิ่งใหญ่ยาวนานจนทุกวันนี้ว่า “อยากร้องเพลงไหม”

นั่นจึงเป็นจุดกำเนิดของเบิร์ด ธงไชย ในฐานะนักร้อง ซึ่งใช้เวลาบ่มเพาะทั้งคนทำเพลงและตัวศิลปินเองต่อจากวันนั้นกว่า 2 ปี จนออกมาเป็นอัลบั้ม “หาดทราย สายลม สองเรา” ซึ่งวางแผงในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2529 โดยเพลง "ผ่านมา ผ่านไป" นั้นเป็นเพลงแรกที่เข้าบันทึกเสียง แต่เพลงแรกที่เผยแพร่ผ่านสื่อ และนับว่าเป็นเพลงแจ้งเกิด “เบิร์ด ธงไชย” คือ "ด้วยรักและผูกพัน" จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพี่เบิร์ด ถึงได้เรียกอาเต๋อ จนติดปากว่า “พ่อ”

“บ้าน” ของเบิร์ด ที่ชื่อว่า “แกรมมี่”

บนเส้นทางนักร้องของพี่เบิร์ดนั้น ล้วนมีเพื่อนร่วมเดินทางที่สนุกสนานและจริงจังในคราวเดียวกัน (เหมือนกันกับตัวศิลปิน) แวะเวียน ประคับประคองเป็น “ลมใต้ปีก” ให้กับเขาในบ้านที่ชื่อว่า “แกรมมี่” หลังนี้เสมอ เริ่มตั้งแต่ ผู้จัดการส่วนตัว “นกน้อย - พรพิชิต พัฒนถาบุตร” ที่รู้จักกันมาตั้งแต่พี่เบิร์ดเป็นพนักงานธนาคาร และนกน้อยทำงานฝ่ายขายและการตลาดของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ด้วยความที่คุยกันถูกคอ นกน้อยก็เลยบินมาพร้อม ๆ กับเบิร์ดจนวันนี้ และที่สำคัญ พี่นกน้อยนั้นได้เล่น MV ให้กับพี่เบิร์ดด้วย ในเพลง “อยากถามก็ตอบ” ซึ่งพี่นกน้อยนั้นก็คือชายหนุ่มใส่แว่นในนาทีที่ 1.10 ผู้ซึ่งเดินออกมาจากตึกและ “มองแรง” ใส่พี่เบิร์ดมากนั่นเอง

นอกจากนี้แล้ว พี่เบิร์ดยังมักจะพูดติดตลกบ่อย ๆ แซว Project พิเศษของตนเองที่มีชื่อว่า “ขนนกกับดอกไม้” ซึ่งเป็นการทำเพลงร่วมกับศิลปินหญิงแห่งยุคนั้น ๆ ว่า แท้จริงแล้วยังมีอีกหนึ่งดอกไม้ที่ร่วม Feat. กับพี่เบิร์ดมาตั้งแต่วันแรกนั่นก็คือ “เล็ก – บุษบา ดาวเรือง” เพราะในวันที่รอออกอัลบั้มแรก ไม่มีใครสอนร้อง สอนเต้น พี่เบิร์ดคล้องแขนลากพี่เล็ก ไปเรียนเต้นที่โรงเรียนสอนเต้นแห่งแรก ๆ ของเมืองไทย นาม “อารีย์นาฏยศิลป์” (โดยครูอารีย์ สหเวชชภัณฑ์) เพื่อแก้ไขจุดอ่อนเรื่องการเต้นของตัวเอง และจากวันนั้น จนวันนี้ พี่เบิร์ดก็มักจะยังกล่าวว่า “ได้ทำอะไรบ้า ๆ” กับพี่เล็กมาตลอด

“แบบ เบิร์ด เบิร์ด โชว์”

เรารู้จักคอนเสิร์ต “แบบ เบิร์ด เบิร์ด โชว์”  ว่าเป็นคอนเสิร์ตของพี่เบิร์ดที่การันตีความสนุกสนาน Production อลังการ และความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง แต่สิ่งที่เราอาจจะไม่รู้คือ การจัดคอนเสิร์ตแบบ เบิร์ด เบิร์ด โชว์ ครั้งแรกในปี 2529 นั้น คือจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย เพราะนี่คือคอนเสิร์ตแรกของแกรมมี่ และคอนเสิร์ตแรกของเมืองไทยที่เป็นธุรกิจ Showbiz ครบวงจร มีการเก็บค่าบัตร จัด Production อย่างคอนเสิร์ตต่างประเทศเป็นครั้งแรก และที่น่าขนลุกยิ่งกว่า คือคอนเสิร์ตนี้ไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตที่จัดครั้งสองครั้ง แต่อยู่มานานกว่า 33 ปี 162 รอบการแสดง ! คุณพระคุณเจ้า !

แบบ เบิร์ด เบิร์ด โชว์นั้น เริ่มต้นครั้งแรกที่ ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ครั้งที่ 2 - ครั้งที่ 8 จัดที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และตั้งแต่ครั้งที่ 9 เป็นต้นไป จัดที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี โดยคอนเสิร์ตและโชว์ครั้งที่ 1-8 มีผู้ชมรวม 264,400 คน จาก 131 รอบ

โดยในคอนเสิร์ตครั้งที่ 9 สร้างสถิติสูงสุดของคอนเสิร์ตไทยที่จัดขึ้น ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี จำนวน 12 รอบ (รวมรอบอังกอร์พลัส) โดยมีผู้ชม 120,000 คน และครั้งที่ 10 สร้างสถิติการจัดคอนเสิร์ตในคราวเดียวกัน 10 รอบ โดยมีผู้ชม 100,000 คน สร้างปรากฏการณ์ยอดผู้ชมสูงสุดในเมืองไทย จากการจำหน่ายบัตรต่อเนื่องในคราวเดียว !

ล่าสุด คอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ 2018 ตอน “DREAM JOURNEY” จำนวนรวม 5 รอบ บัตรจำหน่ายหมดทุกที่นั่ง ด้วยผู้ชม 50,000 คน และมีการเปิดรอบรีสเตจอีก 2 รอบการแสดงในเดือน มีนาคม 2562 รวมแล้ว 7 รอบการแสดง

ตำนานนี้ มีเพียงคนเดียว !

**************

ข้อมูลเพิ่มเติม *: *

https://today.line.me/TH/pc/article/xzoZ76?utm_source=lineshare

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0