โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

สนธิสัญญาทะเลหลวงจากเกือบ 200 ประเทศ ปกป้อง 30% ของทะเลโลก

Environman

เผยแพร่ 08 มี.ค. 2566 เวลา 00.00 น.

หลังจากพูดคุยกันมา 20 ปี ในที่สุด เกือบ 200 ประเทศก็ทำข้อตกลงที่จะปกป้องพื้นที่ทะเล ลงนามสนธิสัญญาปกป้องสิ่งมีชีวิตในน่านน้ำสากล

ข้อตกลงนี้ชื่อว่า “High Seas Treaty” หรือ สนธิสัญญาทะเลหลวง มีขึ้นเพื่อที่จะกำหนดให้พื้นที่ 30% ของทะเลทั่วโลกเป็น “พื้นที่คุ้มครอง” ภายในปี 2030 เพื่อปกป้องและฟื้นฟูธรรมชาติใต้น้ำ เมื่อวันเสาร์ที่ 4 มีนาคม 2022 ที่ผ่านมา ที่ศูนย์บัญชาการใหญ่สหประชาชาติในนิวยอร์ก หลังจากหารือมา 2 อาทิตย์

ซึ่งก่อนที่จะมีการตกลงในครั้งนี้ ก็มีการหารือกันอยู่หลายครั้งในเวลาเกือบ 20 ปี

ข้อตกลงระดับนานาชาติเกี่ยวกับการปกป้องทะเลก่อนหน้านี้มีขึ้นเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ในปี 1982 โดยมีชื่อว่า “UN Convention on the Law of the Sea” หรือ “อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล” ได้กำหนดให้พื้นที่ที่เรียกว่า high seas หรือพื้นที่น่านน้ำสากล ที่ทุกประเทศมีสิทธิเข้ามาทำการประมงและทำงานวิจัย แต่ในพื้นที่นี้มีแค่ 1.2% ที่เป็นพื้นที่คุ้มครอง ดังนั้น สิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่อยู่นอกพื้นที่นี้จึงเสี่ยงได้รับผลกระทบทั้งจากการประมงเกินขนาด การขนส่งทางเรือ และภาวะโลกรวน

ในรายงานครั้งล่าสุดขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) เผยว่า สิ่งมีชีวิตใต้น้ำของโลกเรามีถึง 10% ที่เสี่ยงสูญพันธุ์

พื้นที่คุ้มครองใหม่นี้ที่มีถึง 30% จึงจะช่วยกำหนดว่าจะมีการประมงเกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน เส้นทางใดบ้างที่สามารถใช้ในการเดินเรือขนส่งสินค้า และสามารถใช้ในการทำวิจัยและทำเหมืองใต้ทะเล ที่นำแร่ธาตุใต้ทะเลลึก 200 เมตรหรือมากกว่าออกมา

อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมก็ยังเป็นกังวลเรื่องการทำเหมืองใต้ทะเลว่าอาจจะรบกวนพื้นที่สืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต และสร้างมลพิษทางเสียง ปล่อยสารเคมี ให้แก่สิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ซึ่งหน่วยงานที่ดูเรื่องการจดทะเบียนทำกิจกรรมเหล่านี้ The International Seabed Authority ก็ชี้ว่า ในอนาคต ทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นใต้พื้นทะเลจะถูกกำหนดให้อยู่ภายใต้กฎหมายที่เข้มงวด เพื่อที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ภายใต้ความรับผิดชอบ และส่งผลกระทบน้อยทีสุด

สิ่งที่ทำให้พวกเขาพูดคุยกันนานคือเรื่องของงบประมาณ สิทธิในการประมง และการเข้าถึงและแบ่งปันทรัพยากรทางทะเล เพราะทรัพยากรเหล่านี้มีประโยชน์ต่อสังคม เช่นในวงการเภสัช ในวงการอุตสาหรรม และในวงการอาหาร ปัญหาคือประเทศที่รวยมีงบเพียงพอที่จะเข้าไปในพื้นที่ใต้ทะเลเพื่อหาทรัพยากรดี ๆ แต่ประเทศที่ยากจน แม้ไม่มีงบแต่ก็อยากที่จะได้สิทธิประโยชน์เท่าเทียมกัน มากไปกว่านั้น ด้วยความกว้างใหญ่ของทะเล จึงไม่มีใครรู้ว่าทรัพยากรเหล่านี้มีค่ามากแค่ไหนและก็ไม่รู้ว่ควรจะแบ่งกันอย่างไรด้วย

ถึงกระนั้น ก็เป็นเรื่องที่ดี แม้ว่าจะมีการเห็นต่าง การถกเถียงมากน้อยเพียงใด สุดท้ายก็สามารถทำข้อตกลงนี้ได้ เพื่อจุดประสงค์สูงสุดคือการปกป้อง ให้ทะเลสามารถต่อสู้กับภาวะโลกรวนและความต้องการของผู้คนกว่าพันล้านคนได้

แต่นี่ก็ถือว่ายังไม่สิ้นสุด ประเทศที่ทำข้อตกลงจะมาเจอกันอีกเพื่อที่จะตกลงเรื่องการนำข้อตกลงไปใช้อย่างเป็นทางการ ก่อนที่ข้อตกลงนี้จะถูกนำไปใช้จริง

ที่มา

BBC: Ocean treaty: Historic agreement reached after decade of talks

The Guardian: High seas treaty: historic deal to protect international waters finally reached at UN

Al Jazeera: ‘Historic’ deal to protect high seas agreed by UN member states

CNN: Countries agree on historic oceans treaty to protect the high seas

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...