สนธิสัญญาทะเลหลวงจากเกือบ 200 ประเทศ ปกป้อง 30% ของทะเลโลก
หลังจากพูดคุยกันมา 20 ปี ในที่สุด เกือบ 200 ประเทศก็ทำข้อตกลงที่จะปกป้องพื้นที่ทะเล ลงนามสนธิสัญญาปกป้องสิ่งมีชีวิตในน่านน้ำสากล
ข้อตกลงนี้ชื่อว่า “High Seas Treaty” หรือ สนธิสัญญาทะเลหลวง มีขึ้นเพื่อที่จะกำหนดให้พื้นที่ 30% ของทะเลทั่วโลกเป็น “พื้นที่คุ้มครอง” ภายในปี 2030 เพื่อปกป้องและฟื้นฟูธรรมชาติใต้น้ำ เมื่อวันเสาร์ที่ 4 มีนาคม 2022 ที่ผ่านมา ที่ศูนย์บัญชาการใหญ่สหประชาชาติในนิวยอร์ก หลังจากหารือมา 2 อาทิตย์
ซึ่งก่อนที่จะมีการตกลงในครั้งนี้ ก็มีการหารือกันอยู่หลายครั้งในเวลาเกือบ 20 ปี
ข้อตกลงระดับนานาชาติเกี่ยวกับการปกป้องทะเลก่อนหน้านี้มีขึ้นเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ในปี 1982 โดยมีชื่อว่า “UN Convention on the Law of the Sea” หรือ “อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล” ได้กำหนดให้พื้นที่ที่เรียกว่า high seas หรือพื้นที่น่านน้ำสากล ที่ทุกประเทศมีสิทธิเข้ามาทำการประมงและทำงานวิจัย แต่ในพื้นที่นี้มีแค่ 1.2% ที่เป็นพื้นที่คุ้มครอง ดังนั้น สิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่อยู่นอกพื้นที่นี้จึงเสี่ยงได้รับผลกระทบทั้งจากการประมงเกินขนาด การขนส่งทางเรือ และภาวะโลกรวน
ในรายงานครั้งล่าสุดขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) เผยว่า สิ่งมีชีวิตใต้น้ำของโลกเรามีถึง 10% ที่เสี่ยงสูญพันธุ์
พื้นที่คุ้มครองใหม่นี้ที่มีถึง 30% จึงจะช่วยกำหนดว่าจะมีการประมงเกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน เส้นทางใดบ้างที่สามารถใช้ในการเดินเรือขนส่งสินค้า และสามารถใช้ในการทำวิจัยและทำเหมืองใต้ทะเล ที่นำแร่ธาตุใต้ทะเลลึก 200 เมตรหรือมากกว่าออกมา
อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมก็ยังเป็นกังวลเรื่องการทำเหมืองใต้ทะเลว่าอาจจะรบกวนพื้นที่สืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต และสร้างมลพิษทางเสียง ปล่อยสารเคมี ให้แก่สิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ซึ่งหน่วยงานที่ดูเรื่องการจดทะเบียนทำกิจกรรมเหล่านี้ The International Seabed Authority ก็ชี้ว่า ในอนาคต ทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นใต้พื้นทะเลจะถูกกำหนดให้อยู่ภายใต้กฎหมายที่เข้มงวด เพื่อที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ภายใต้ความรับผิดชอบ และส่งผลกระทบน้อยทีสุด
สิ่งที่ทำให้พวกเขาพูดคุยกันนานคือเรื่องของงบประมาณ สิทธิในการประมง และการเข้าถึงและแบ่งปันทรัพยากรทางทะเล เพราะทรัพยากรเหล่านี้มีประโยชน์ต่อสังคม เช่นในวงการเภสัช ในวงการอุตสาหรรม และในวงการอาหาร ปัญหาคือประเทศที่รวยมีงบเพียงพอที่จะเข้าไปในพื้นที่ใต้ทะเลเพื่อหาทรัพยากรดี ๆ แต่ประเทศที่ยากจน แม้ไม่มีงบแต่ก็อยากที่จะได้สิทธิประโยชน์เท่าเทียมกัน มากไปกว่านั้น ด้วยความกว้างใหญ่ของทะเล จึงไม่มีใครรู้ว่าทรัพยากรเหล่านี้มีค่ามากแค่ไหนและก็ไม่รู้ว่ควรจะแบ่งกันอย่างไรด้วย
ถึงกระนั้น ก็เป็นเรื่องที่ดี แม้ว่าจะมีการเห็นต่าง การถกเถียงมากน้อยเพียงใด สุดท้ายก็สามารถทำข้อตกลงนี้ได้ เพื่อจุดประสงค์สูงสุดคือการปกป้อง ให้ทะเลสามารถต่อสู้กับภาวะโลกรวนและความต้องการของผู้คนกว่าพันล้านคนได้
แต่นี่ก็ถือว่ายังไม่สิ้นสุด ประเทศที่ทำข้อตกลงจะมาเจอกันอีกเพื่อที่จะตกลงเรื่องการนำข้อตกลงไปใช้อย่างเป็นทางการ ก่อนที่ข้อตกลงนี้จะถูกนำไปใช้จริง
ที่มา
BBC: Ocean treaty: Historic agreement reached after decade of talks
The Guardian: High seas treaty: historic deal to protect international waters finally reached at UN
Al Jazeera: ‘Historic’ deal to protect high seas agreed by UN member states
CNN: Countries agree on historic oceans treaty to protect the high seas