เรียกได้ว่า "สมเด็จเจ้าพะโคะ" หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า"หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" ที่พุทธศาสนิกชนเลื่อมใสศรัทธาดังที่เราเห็นปัจจุบัน บ้างก็บูชาท่านไว้บนหิ้งพระในบ้านเพื่อเป็นสิริมงคล บูชาไว้หน้ารถเพื่อให้แคล้วคลาดจากอันตราย ห้อยคอเพื่อให้ได้รับความอุ่นใจ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากอภินิหารของท่านที่เล่าขานกันมา ความศรัทธาในคุณงามความดีของท่าน จึงเป็นบ่อเกิดของความเลื่อมใส
ซึ่งหลวงปู่ทวดมีนามเดิมว่าปูเป็นบุตรของนายหูนางจัน เกิดที่เมืองจะทิ้งพระ (อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลาในปัจจุบัน) ในสมัยอยุธยาตอนกลาง ซึ่งตามตำนานเล่าว่า ตอนท่านยังเป็นทารก มีงูจงอางมาพันรอบเปลที่ท่านนอนอยู่ วางดวงแก้วทิ้งไว้ในเปลโดยที่ไม่ทำอะไรท่านเลย (ปัจจุบันดวงแก้วอยู่ที่วัดพะโคะ จังหวัดสงขลา)
ส่วนเรื่องเหยียบน้ำทะเลจืดนั้น มีหลายตำนานก็มีความใกล้เคียงกัน คือเมื่อท่านนำเท้าจุ่มลงทะเล ทำให้น้ำทะเลบริเวณนั้นมีรสจืด ตำนานแรกบอกว่าท่านจะเดินทางไปศึกษาพระธรรมที่กรุงศรีอยุธยา แต่ระหว่างทาง ฟ้าดินเกิดวิปริตทำให้เดินเรือต่อไปไม่ได้ สามวัน สามคืน บนเรือจึงขาดแคลนน้ำจืด เจ้าของเรือกล่าวโทษว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเพราะท่านที่ขึ้นมาบนเรือ จึงไล่ท่านลงจากเรือ เมื่อท่านเอาเท้าจุ่มน้ำทะเล แล้วบอกให้ลูกเรือตักน้ำขึ้นมาดื่ม ปรากฏว่าน้ำบริเวณนั้นมีรสจืด เจ้าของเรือจึงนิมนต์ท่านขึ้นมาบนเรืออีกครั้ง
ส่วนอีกตำนานคือ ท่านโดนโจรสลัดจับตัวขึ้นไปบนเรือ แต่เรือแล่นไปได้ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เรือไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ และติดอยู่ที่เดิมหลายวัน ทำให้น้ำจืดในเรือหมดลง เมื่อท่านเห็นพวกโจรเดือดร้อน จึงยื่นเท้าเหยียบลงบนผิวน้ำ จากนั้นก็บอกให้พวกโจรตักน้ำขึ้นมา แล้วลองชิมดู ปรากฏว่าน้ำตรงนั้นจืดสนิท เมื่อโจรสลัดเห็นอภินิหารของท่านจึงพากันไหว้ขอขมาและหาวิธีนำท่านส่งขึ้นฝั่ง
แม้ในปัจจุบันจะมีหลักทางวิทยาศาสตร์ออกมาเผยว่า ในทะเลมีบ่อน้ำจืดซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับอภินิหารใด ๆ แต่จากตำนานเราจะเห็นได้ว่าท่านเป็นผู้ที่มีความเมตตาเป็นยิ่งนัก เพราะแม้แต่ผู้ที่ไม่ประสงค์ดีกับท่าน ท่านก็ไม่ได้ถือโกรธ แต่กลับช่วยเหลือเมื่อเห็นผู้นั้นเดือดร้อน
ทั้งนี้ ตำนานเล่าขานที่มาจะมีความแตกต่างกันบ้าง แต่ความศรัทธาในความศักดิ์สิทธ์ของท่านก็ยังไม่แปรเปลี่ยนไป เรายังเคารพท่านในฐานะ ผู้ปกป้อง เรายังบูชาท่านในฐานะ ผู้ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แม้ท่านจะล่วงลับไปนานแล้ว แต่ความดีที่ของท่านยังมีอยู่ให้เห็นสืบมา
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews
ความเห็น 0