โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

นักวิทย์พบว่าทฤษฎี “จ่าฝูง” สำหรับใช้ ฝึกสุนัขนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดและไม่จริง

Howl

เผยแพร่ 24 มี.ค. 2565 เวลา 00.30 น.

ไม่ใช่อยู่ด้วยคำสั่ง แต่เราเข้าใจกันด้วยความสัมพันธ์ครอบครัว

แนวคิดเรื่องการฝึกสุนัขด้วยการให้เจ้าของเป็น “จ่าฝูง” เพื่อให้น้องหมาของเรายอมรับคำสั่งนั้นเป็นแนวคิดที่เราคงเคยได้ยินและเป็นที่นิยมมากมาถึงปัจจุบัน แต่เชื่อไหมว่าในปัจจุบันนั้น นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานเกี่ยวกับหมาป่าส่วนใหญ่ต่างออกมายืนยันตรงกันว่าแนวคิดเรื่องจ่าฝูงในหมาป่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดและไม่เป็นจริง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เราจะมาสรุปให้ฟังกันเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้เลย

  • แนวคิดเรื่องจ่าฝูงนั้นเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1947 จากคุณ Rudolf Schenkel ได้สังเกตพฤติกรรมของหมาป่าในสวนสัตว์ซึ่งมีพื้นที่จำกัด ในพื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร มีหมาป่าอาศัยอยู่ 10 ตัว ทำให้เกิดความเครียดและต่อสู้เพื่อชิงความเป็นผู้นำขึ้น โดยเขาสังเกตว่าหมาป่าตัวผู้และตัวเมียที่เก่งที่สุดจะจับคู่กันเองและปกครองหมาป่าที่เหลือ ทำให้เกิดแนวคิด “จ่าฝูง” หรือ “Alpha” ขึ้นมา
  • แนวคิดเรื่องจ่าฝูงยิ่งโด่งดังมากขึ้นเมื่อ David Mech นักวิจัยด้านหมาป่าได้อ้างอิงผลการทดลองของ Rudolf Schenkel และเขียนเป็นหนังสือว่าด้วยพฤติกรรมของหมาป่าออกมาในปี ค.ศ.1970 ซึ่งหนังสือนี้ก็โด่งดังและแนวคิดเรื่องจ่าฝูงก็ถูกแพร่กระจายเป็นวงกว้างไปทั่วโลกทันที
  • แต่จริงๆ แล้วหลังจากที่ David Mech ออกหนังสือมา ก็มีนักวิทยาศาสตร์ได้ไปสังเกตหมาป่าตามพื้นที่ธรรมชาติอีกมาก และพบผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจคือหมาป่าที่เราคิดว่าชอบอยู่กันเป็นฝูงใหญ่นั้น จริงๆ แล้วกลับอยู่กันแบบครอบครัวคือมีแค่พ่อ แม่ และลูกๆ อีก 2-3 ตัวเท่านั้น และไม่มีแนวคิดเรื่องจ่าฝูงหรือลำดับชั้น มีเพียงความสัมพันธ์แบบครอบครัวที่พ่อแม่คอยดูแลลูกเท่านั้นเอง
  • งานวิจัยใหม่ๆ หลายชิ้นได้ข้อมูลตรงกัน จนกระทั่งทาง David Mech ก็ยอมรับแล้วว่าแนวคิดเรื่องจ่าฝูงนั้นพลาดไป สถานการณ์ที่มีจ่าฝูงเกิดขึ้นเฉพาะในที่ๆ หมาป่าอยู่ด้วยกันจำนวนมากในพื้นที่จำกัดเท่านั้น เขาเลยไปขอร้องให้สำนักพิมพ์หยุดขายหนังสือของเขา แต่หนังสือยังคงขายดี สำนักพิมพ์เลยยังไม่หยุดขาย ทำให้ตัวเขาเองต้องออกมาประกาศหลายครั้งว่าแนวคิดเรื่องจ่าฝูงนั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไป
  • ต่อมาแนวคิดเรื่องจ่าฝูงก็ได้มาถึงวงการฝึกสุนัข โดยการฝึกสุนัขมีต้นกำเนิดมาจากการฝึกสุนัขในกองทัพ ซึ่งตอบรับกับแนวคิดเรื่องจ่าฝูงได้เป็นอย่างดี จากนั้นวิธีการฝึกสุนัขโดยให้เจ้าของเป็นจ่าฝูงเพื่อข่มสุนัขที่เลี้ยงให้ทำตามคำสั่งก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นแนวคิดเรื่อง “จ่าฝูง” มาถึงในปัจจุบัน
  • การฝึกสุนัขด้วยการให้เจ้าของเป็นจ่าฝูงและเมื่อสุนัขไม่ยอมทำตามคำสั่งก็ทำโทษนั้นอาจจะไม่ใช่การฝึกสุนัขที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดอีกต่อไป เพราะอย่างแรกที่สุดคือสุนัขบ้านต่างจากหมาป่าพอสมควร สุนัขบ้านได้วิวัฒนาการคู่กับมนุษย์มาเกือบ 11000 ปี ทำให้สุนัขบ้านมีความเป็นสัตว์เลี้ยงสูงมาก สามารถที่จะเข้าใจและอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้โดยที่ไม่ต้องใช้แนวคิดเรื่องฝูงมากำกับ
  • ภายหลังปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา แนวคิดการฝึกสุนัขทั่วโลกได้เปลี่ยนเป็นการฝึกสุนัขด้วยการให้รางวัลและคำชมเชยแทนการลงโทษหรือที่เรียกกันว่า Positive Reinforcement ซึ่งกลายเป็นแนวคิดที่ได้รับการยอมรับจากนักพฤติกรรมสัตว์ทั่วโลกว่าเป็นวิธีการฝึกสุนัขที่มีประสิทธิภาพที่สุด  

ถึงจะมีความพยายามลบล้างจากเจ้าของแนวคิดเองมาตลอดหลายสิบปี แต่แนวคิดเรื่อง “จ่าฝูง” หรือ “Alpha” ก็ยังคงเป็นแนวคิดที่แพร่หลายในสังคมทั่วโลก จนถึงขั้นกลายเป็นคำพูดติดปาก ซึ่งอาจจะยังคงต้องใช้เวลาเพื่อค่อยๆ ลบแนวคิดนี้ให้หายไป โดยเฉพาะในการฝึกสุนัขที่การฝึกสุนัขด้วยความรักและการให้รางวัลจะได้ผลที่ดีกว่า เพราะการอยู่ด้วยกันไม่ใช่การปกครองและฟังคำสั่ง

หากแต่เป็นการมอบความรักและการเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง

“ศึกษาวิธีทำให้มนุษย์กลายเป็นทาสหมาภายใน 1 วัน”

 

อ้างอิงข้อมูล

https://sciencenorway.no/ulv/wolf-packs-dont-actually-have-alpha-males-and-alpha-females-the-idea-is-based-on-a-misunderstanding/1850514

https://www.youtube.com/watch?v=tNtFgdwTsbU

https://www.businessinsider.com/no-such-thing-alpha-male-2016-10

#Howl

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...