นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 2567 - มี.ค. 2568) พบว่าสามารถเบิกจ่ายได้สูงถึง 79,173 ล้านบาท คิดเป็น 106% ของแผนการเบิกจ่าย สะท้อนความคืบหน้าในการลงทุนภาครัฐซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
โดยในปี 2568 รัฐวิสาหกิจภายใต้การติดตามของ สคร. จำนวน 43 แห่ง มีกรอบงบลงทุนรวมทั้งสิ้น 258,372 ล้านบาท โดยผลการเบิกจ่ายสะสมจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. 2568 แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่สูงกว่าเป้าหมาย และเมื่อพิจารณาแยกตามกลุ่ม รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีบัญชีตามปีงบประมาณ (34 แห่ง) มีแผนการเบิกจ่ายสะสม 6 เดือน (ต.ค. 67 – มี.ค. 68) อยู่ที่ 55,789 ล้านบาท สามารถเบิกจ่ายได้ 56,496 ล้านบาท คิดเป็น 101% ของแผนการเบิกจ่าย
รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีบัญชีตามปีปฏิทิน (9 แห่ง) ซึ่งมีแผนการเบิกจ่ายสะสม 3 เดือน (ม.ค. 68 – มี.ค. 68) อยู่ที่ 18,749 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจริงได้ 22,676 ล้านบาท หรือสูงถึง 121% ของแผนการเบิกจ่าย เมื่อรวมทั้ง 43 แห่ง มีแผนการเบิกจ่ายสะสมรวม 74,538 ล้านบาท และสามารถเบิกจ่ายได้รวม 79,173 ล้านบาท คิดเป็น 106% ของแผนการเบิกจ่าย
รัฐวิสาหกิจที่มีผลการเบิกจ่ายได้โดดเด่นและมีมูลค่าการเบิกจ่ายสูงสุด 3 อันดับแรกในแต่ละกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณที่มีผลการเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 95% ของแผน คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และการประปานครหลวง
กลุ่มรัฐวิสาหกิจปีปฏิทินที่มีผลการเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 95% ของแผน คือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ ภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุน ณ ไตรมาสที่ 2 ของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ และไตรมาสที่ 1 ของรัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายการเบิกจ่ายที่สูงกว่า 95% ของแผนการลงทุน ซึ่งมีมูลค่ารวมเกือบ 8 หมื่นล้านบาท
โดยโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สำคัญของรัฐวิสาหกิจซึ่งมีการเบิกจ่ายสูงกว่าแผน และทั้ง 3 โครงการสามารถเบิกจ่ายได้เต็ม 100% ของแผน ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ ของ รฟม., โครงการก่อสร้างรถไฟ สายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ ของ รฟท., และโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน ระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา) ของ รฟท.
อย่างไรก็ตาม สคร. จะยังคงติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนภาครัฐจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง