ขอบคุณภาพต้นฉบับจากผู้ใช้งานทวิตเตอร์ @GUITARTARR1
เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่สร้างความหวังใหม่ให้กับสังคมไทยอย่าง #ผูกโบว์ขาวต้านเผด็จการ เพราะเป็นการเคลื่อนไหวของ “เยาวชน” ที่ต้องการแสดงท่าทีต่อการทำงานของรัฐบาลปัจจุบัน โดยกลุ่มเคลื่อนไหวที่ใช้สัญลักษณ์ “ริบบิ้นสีขาว” ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนในระดับมัธยมศึกษา แสดงออกโดยการผูกผมด้วยโบว์สีขาว หรือติดโบว์สีขาวไว้บนกระเป๋าของตนเอง และถ่ายลงโซเชียลพร้อมติดแฮชแท็ก #ผูกโบว์ขาวต้านเผด็จการ นั่นเอง
เมื่อเด็ก ๆ กลายมาเป็นกำลังหลักในการเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้กับระบบการเมืองที่พวกเขามองว่าไม่เป็นธรรม และอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดอนาคตของประเทศ อยากที่จะส่งเสียงให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้ยิน และรับฟังพวกเขาบ้าง ในการชุมนุมครั้งใหญ่ในวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็นำโดยกลุ่ม “เยาวชนปลดแอก” ที่เป็นผู้เสนอ 3 ข้อเสนอ 2 หลักการ และ 1 ความฝัน หรือว่าจะเป็นกลุ่ม “ธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ที่เสนอข้อเรียกร้อง 10 ประการ ด้วยการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เพิ่มความเข้มข้นขึ้น จึงทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในโรงเรียนระดับมัธยมด้วย ถือเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง เพราะโรงเรียนนั้นเป็นสถานที่ที่ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการขัดเกลาทางสังคมของคนในประเทศ เมื่อเกิดการเคลื่อนไหวของเด็ก ๆ ในโรงเรียน จึงเปรียบเสมือนการท้าทายกับระบบในอีกทางหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสังคมไทย
แต่รู้กันไหมว่าการใช้ “ริบบิ้น” มาเป็นการแสดงออกทางการเมือง หรือจุดยืนในเรื่องต่าง ๆ นั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่ตอนไหนกัน?
แม้ว่าจะไม่ได้มีประวัติศาสตร์ที่แน่ชัด เพราะบางคนก็เชื่อว่าเกิดขึ้นในยุคกลางที่ผู้หญิงนั้นจะมอบริบบิ้นให้กับเหล่านักรบ หรืออัศวินเพื่อแสดงถึงความรักและความภาคภูมิใจ หรือบ้างก็เชื่อว่าเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในช่วงยุคสงครามกลางเมือง โดยผู้หญิงจะติดริบบิ้นสีเหลือเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงคนรักของพวกเธอที่กำลังรบอยู่ในสนามรบ
สำหรับสมมติฐานข้อหลังนั้นดูจะมีมูลมากกว่า มีหลักฐานที่สนับสนุนการใช้ริบบิ้นสีเหลือง ผ่านเรื่องเล่าว่าในเดือนพฤศจิกายน 1979 มีหญิงสาวคนหนึ่งใช้ริบบิ้นสีเหลืองผูกรอบบ้านของตัวเอง เพื่อเป็นการยกย่องสามีของเธอที่ถูกคณะปฏิวัติจับเป็นตัวประกัน โดยเธอได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงเก่าแก่ที่ชื่อว่า “Tie a Yellow Ribbon Round the Ole Oak Tree”
ถึงเรื่องราวนี้จะผ่านมาเป็นเวลานาน แต่การใช้ริบบิ้นสีเหลืองนั้นยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน และริบบิ้นเหลืองเองก็ถูกใชเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงทหารที่รบต่างแดนโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แต่ริบบิ้นเหลืองก็มีความหมายอื่น ๆ ด้วย เช่นในอังกฤษใช้เป็นสัญลักษณ์สร้างความตระหนักถึงผู้สูญหาย รวมไปถึงการถูกใช้เป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ประชาธิปไตยในฮ่องกง
สำหรับสีของริบบิ้นที่มีความหมายเป็นสากล ก็มีอยู่ไม่น้อย เช่น สีขาว หมายถึง การยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี, สีเหลือง หมายถึง ความหวัง การรอคอย และการกลับมาพบกัน, สีดำ หมายถึง ความอาลัย การไว้ทุกข์ การระลึกถึง, สีแดง หมายถึง วันเอดส์โลก, สีชมพู หมายถึง การรณรงค์มะเร็งเต้านม และสีน้ำเงิน หมายถึง ความเป็นเลิศ ดีเยียม มีสีของริบบิ้นอีกมากมายที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ในการแสดงออกต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับสีของริบบิ้น และเวลาในการติด สามารถเช็กได้ที่นี่ https://fundraisingforacause.com/pages/ribbon-color-meanings
สุดท้ายการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้ของประเทศไทย ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะเป็นพลังของคนรุ่นใหม่ที่อยากกำหนดอนาคตของตัวเอง และมีความเชื่อว่าถ้าการเมืองดี อนาคตของพวกเขาก็จะดีด้วย นอกจากการใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ มากมาย ใช้เนื้อหาจากป็อปคัลเจอร์ หรือจากสื่อต่าง ๆ ทั้งไทยและเทศ ไวรัล ฯลฯ มาเป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมแล้ว ก็ยังมีการขับเคลื่อนทางโซเชียลมีเดียอีกมากมาย ถือเป็นอีกประวัติศาสตร์หน้าใหม่สำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมืองประเทศไทย .
ขอบคุณข้อมูลจาก
ความเห็น 135
Danai
BEST
ปล่อยให้พวกเค้าแสดงออกดีแล้วครับ
18 ส.ค. 2563 เวลา 02.20 น.
SUNSHlNE
BEST
ยุคดิจิตอล ข้อมูลข่าวสารไปไว ใครทำอะไรไว้เห็นผลเร็ว จะว่าเด็กอย่างเดียวไม่ได้ ก็ผู้ใหญ่ไปทำเรื่องเอาไว้ให้เด็กมันรู้มันเห็นนี่ ก่อนจะว่าจะสอนเด็ก ผู้ใหญ่ก็ทำตัวเองให้เด็กมันดูเป็นแบบอย่างก่อน
18 ส.ค. 2563 เวลา 02.25 น.
S.P
BEST
กลัวว่ามันจะลามไปทั่วทุกชนหมู่รวมถึงข้าราชการทุกหน่วย รัฐบาลต้องทบทวนและสร้างบรรทัดฐานที่ดีมีมาตรฐานเดียวกัน ทำลายระบบคอรัปชั่น ระบบกระบวนการยุติธรรม ไม่งั้นบ้านเมืองย่อยยับพังทลายได้ ต้องยอมรับความจริงได้แล้ว มีประโยชน์อะไรกับอำนาจแล้วประเทศพังทลาย
18 ส.ค. 2563 เวลา 05.54 น.
ชัยมงคล
แสดงออกได้เต็มที่นะ ภายใต้กฎหมาย
18 ส.ค. 2563 เวลา 13.04 น.
Pond Lim (林芃 )
แอดมินไลน์อวยสุดๆ ไปให้สุดๆๆไปเลย
18 ส.ค. 2563 เวลา 02.04 น.
ดูทั้งหมด