โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

จาก “ริบบิ้น” ธรรมดา สู่อีกหนึ่งการแสดงออกทางการเมืองของเยาวชนไทย

LINE TODAY ORIGINAL

เผยแพร่ 17 ส.ค. 2563 เวลา 17.37 น. • J.PNP

ขอบคุณภาพต้นฉบับจากผู้ใช้งานทวิตเตอร์ @GUITARTARR1

เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่สร้างความหวังใหม่ให้กับสังคมไทยอย่าง #ผูกโบว์ขาวต้านเผด็จการ เพราะเป็นการเคลื่อนไหวของ “เยาวชน” ที่ต้องการแสดงท่าทีต่อการทำงานของรัฐบาลปัจจุบัน โดยกลุ่มเคลื่อนไหวที่ใช้สัญลักษณ์ “ริบบิ้นสีขาว” ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนในระดับมัธยมศึกษา แสดงออกโดยการผูกผมด้วยโบว์สีขาว หรือติดโบว์สีขาวไว้บนกระเป๋าของตนเอง และถ่ายลงโซเชียลพร้อมติดแฮชแท็ก #ผูกโบว์ขาวต้านเผด็จการ นั่นเอง

เมื่อเด็ก ๆ กลายมาเป็นกำลังหลักในการเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้กับระบบการเมืองที่พวกเขามองว่าไม่เป็นธรรม และอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดอนาคตของประเทศ อยากที่จะส่งเสียงให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้ยิน และรับฟังพวกเขาบ้าง ในการชุมนุมครั้งใหญ่ในวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็นำโดยกลุ่ม “เยาวชนปลดแอก” ที่เป็นผู้เสนอ 3 ข้อเสนอ 2 หลักการ และ 1 ความฝัน หรือว่าจะเป็นกลุ่ม “ธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ที่เสนอข้อเรียกร้อง 10 ประการ ด้วยการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เพิ่มความเข้มข้นขึ้น จึงทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในโรงเรียนระดับมัธยมด้วย ถือเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง เพราะโรงเรียนนั้นเป็นสถานที่ที่ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการขัดเกลาทางสังคมของคนในประเทศ เมื่อเกิดการเคลื่อนไหวของเด็ก ๆ ในโรงเรียน จึงเปรียบเสมือนการท้าทายกับระบบในอีกทางหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสังคมไทย

แต่รู้กันไหมว่าการใช้ “ริบบิ้น” มาเป็นการแสดงออกทางการเมือง หรือจุดยืนในเรื่องต่าง ๆ นั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่ตอนไหนกัน? 

แม้ว่าจะไม่ได้มีประวัติศาสตร์ที่แน่ชัด เพราะบางคนก็เชื่อว่าเกิดขึ้นในยุคกลางที่ผู้หญิงนั้นจะมอบริบบิ้นให้กับเหล่านักรบ หรืออัศวินเพื่อแสดงถึงความรักและความภาคภูมิใจ หรือบ้างก็เชื่อว่าเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในช่วงยุคสงครามกลางเมือง โดยผู้หญิงจะติดริบบิ้นสีเหลือเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงคนรักของพวกเธอที่กำลังรบอยู่ในสนามรบ

สำหรับสมมติฐานข้อหลังนั้นดูจะมีมูลมากกว่า มีหลักฐานที่สนับสนุนการใช้ริบบิ้นสีเหลือง ผ่านเรื่องเล่าว่าในเดือนพฤศจิกายน 1979 มีหญิงสาวคนหนึ่งใช้ริบบิ้นสีเหลืองผูกรอบบ้านของตัวเอง เพื่อเป็นการยกย่องสามีของเธอที่ถูกคณะปฏิวัติจับเป็นตัวประกัน โดยเธอได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงเก่าแก่ที่ชื่อว่า “Tie a Yellow Ribbon Round the Ole Oak Tree”

ถึงเรื่องราวนี้จะผ่านมาเป็นเวลานาน แต่การใช้ริบบิ้นสีเหลืองนั้นยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน และริบบิ้นเหลืองเองก็ถูกใชเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงทหารที่รบต่างแดนโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แต่ริบบิ้นเหลืองก็มีความหมายอื่น ๆ ด้วย เช่นในอังกฤษใช้เป็นสัญลักษณ์สร้างความตระหนักถึงผู้สูญหาย รวมไปถึงการถูกใช้เป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ประชาธิปไตยในฮ่องกง

สำหรับสีของริบบิ้นที่มีความหมายเป็นสากล ก็มีอยู่ไม่น้อย เช่น สีขาว หมายถึง การยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี, สีเหลือง หมายถึง ความหวัง การรอคอย และการกลับมาพบกัน, สีดำ หมายถึง ความอาลัย การไว้ทุกข์ การระลึกถึง, สีแดง หมายถึง วันเอดส์โลก, สีชมพู หมายถึง การรณรงค์มะเร็งเต้านม และสีน้ำเงิน หมายถึง ความเป็นเลิศ ดีเยียม มีสีของริบบิ้นอีกมากมายที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ในการแสดงออกต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับสีของริบบิ้น และเวลาในการติด สามารถเช็กได้ที่นี่ https://fundraisingforacause.com/pages/ribbon-color-meanings

สุดท้ายการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้ของประเทศไทย ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะเป็นพลังของคนรุ่นใหม่ที่อยากกำหนดอนาคตของตัวเอง และมีความเชื่อว่าถ้าการเมืองดี  อนาคตของพวกเขาก็จะดีด้วย นอกจากการใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ มากมาย ใช้เนื้อหาจากป็อปคัลเจอร์ หรือจากสื่อต่าง ๆ ทั้งไทยและเทศ ไวรัล ฯลฯ มาเป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมแล้ว ก็ยังมีการขับเคลื่อนทางโซเชียลมีเดียอีกมากมาย ถือเป็นอีกประวัติศาสตร์หน้าใหม่สำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมืองประเทศไทย .

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.allheart.com

https://favforward.com

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 135

  • ด่าประเทศที่จะเองซ
    22 ส.ค. 2563 เวลา 02.45 น.
  • Mong
    ตอบคำถาม หน่อย . 1.ประชาธิปไตย..คืออะไร.. 2.ชู 3นิ้ว หมายถึงอะไร..(จำจากหนังมาหรอ..แล้วก็ชูต่อๆกันมา) 3. เราเดือดร้อนอะไรจากรัฐธรรมนูญ (จากคนทำมาหากิน)
    22 ส.ค. 2563 เวลา 02.22 น.
  • prasan bhamonchant
    ใช้เด็กออกมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองแบบนี้มันจะลงเอยได้ยังไงนะ​ นึกไม่ออกจริงๆ​ บ้านเมืองจะดีขึ้นหรือเลวลงอย่างไรกัน​ ในเมื่อนักการเมืองบางกลุ่มบางคนยังคิดแต่ผลประโยชน์​ของตนเองและพวกพ้องเป็นหลัก​
    22 ส.ค. 2563 เวลา 01.06 น.
  • Ms Onion
    ฟังเสียงเด็กบ้าง ก็ใช่อยู่ แต่ทุกท่านก็น่าจะรู้ว่า นี่คือพฤติกรรมวัยรุ่น ที่อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล สังคมมีกฎเกณฑ์เพื่อความสงบสุข เรียกร้องจะให้ได้อย่างใจ สังคมก็จะไร้ระเบียบ ต่อไปจะอยู่เป็นสุขได้รึ สังคมมีคนดี คนเลว ปนกันไป แต่ทุกคนก็ต้องรับผลกรรมทั้งสิ้น เพียงแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น ที่ทำอยู่นี่ ใช่ประชาธิปไตยหรือ แล้วที่ว่า โลกก้าวไปอย่างรวดเร็ว ต้องเปลี่ยน นู่น นี่ นั่น คำถาม ... ใครรับรอบรองได้ว่า นั่นดีกว่าแล้ว ... สำหรับประเทศไทย
    21 ส.ค. 2563 เวลา 23.06 น.
  • RoSe AppLe
    ชอบในการลงข่าวเป็นกลาง
    21 ส.ค. 2563 เวลา 20.01 น.
ดูทั้งหมด