โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ค่า P/E ควรเป็นเท่าไร

Stock2morrow

อัพเดต 27 ส.ค. 2564 เวลา 02.00 น. • เผยแพร่ 27 ส.ค. 2564 เวลา 02.00 น. • Stock2morrow
ค่า P/E ควรเป็นเท่าไร

หลายๆครั้งเวลาเราอ่านบทวิเคราะห์จะเห็นว่า ทำไมบทวิเคราะห์หุ้นตัวเดียวกัน แต่ต่างโบรคเกอร์กันกับให้ราคาเหมาะสม และค่า P/E ที่แตกต่างกัน ?
… นั้นเป็นเพราะว่าโบรคเกอร์นั้นต้องการวิเคราะห์ประเด็นอะไร และสถานการณ์ไหน
บทวิเคราะห์ที่ 1 มองประเด็นถึงการปิดเมืองเป็นหลัก และจะกดดันผลประกอบการต่อไปอีก 2 ไตรมาส จึงมีมุมมองเป็นลบ

บทวิเคราะห์ที่ 2 มองข้ามไปถึงปีมา ว่าผลประกอบการจะฟื้นกลับมาได้จึงมองเป็นบวก และปรับคำแนะนำเป็นลงทุนระยะยาว

บทวิเคราะห์ที่ 3 มองว่าแม้จะถูกกดดันจากโควิด แต่ดีลควบรวมกิจการหรือการลงทุนจะเห็นผลเร็วๆนี้ จึงมีมุมมองเป็นบวก

วิเคราะห์หุ้นตัวเดียวกัน แต่กลับมีมุมมองแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองประเด็นไหนแต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่แตกต่างกันมาก อาจจะห่างกันสัก 10-20% ในหุ้นขนาดใหญ่
บางครั้งหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ก็จะแตกต่างกันมากชนิดที่ว่าตัวเลขห่างกัน 3 เท่า หรือ 4 เท่าได้เลย

แล้วแบบนี้ เราพอจะมองได้ไหมว่าความเหมาะสมของค่า P/E ของหุ้นนั้น ควรจะเป็นเท่าไรกันแน่ … ?
ค่า  P/E ที่เหมาะสมส่วนใหญ่จะมองแบบนี้ครับ

1. ใช้ค่า P/E เฉลี่ยของบริษัทหรือหุ้นในอดีตที่ผ่านมา
ส่วนใหญ่วิธีนี้จะใช้ได้ในหุ้นขนาดใหญ่ SET50 ที่ผลประกอบการไม่ผันผวนมากนัก และไม่ได้มีการทำดีลขนาดใหญ่ชนิดที่ว่าจะเปลี่ยนแปลงผลประกอบการให้โต "ขึ้นเป็นเท่า" การใช้ค่า P/E เฉลี่ยของหุ้นที่ผ่านมาถือว่าไม่มีปัญหา

ถ้าหุ้นเทรดกันค่า P/E มากกว่าเฉลี่ย เราก็พอเดาได้ว่าหุ้นมีราคาแพง
ถ้าหุ้นเทรดกันต่ำกว่า P/E เฉลี่ย เราก็พอจะเดาได้ว่าหุ้นถูกเกินไป

2. ใช้ค่า P/E เฉลี่ยของอุตสาหกรรม
จริงๆการใช้ P/E ของหุ้นเทียบกับอุตสาหกรรม ก็ถือเป็นวิธีหนึ่งที่นิยมในอดีต แต่ปัจจุบันอาจจะไม่นิยมมากเท่าไรนัก อาจจะเป็นเพราะว่าในปัจจุบันการทำธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป บางบริษัทก็พอใจกับที่ตัวเองเป็นอยู่ บางบริษัทก็ต้องการเติบโตสูงมาก จำเป็นต้องขยับขยายไปลงทุนธุรกิจอื่น ทำให้การเปรียบเทียบเป็นไปได้ยาก

เช่น บริษัทค้าปลีก A ไม่มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง แต่เป็นลักษณะ "นำเข้า" และทำการตลาดสินค้าของต่างชาติเท่านั้น
บริษัทค้าปลีก B มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง มีพื้นที่เช่าขนาดใหญ่ แลยังนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาทำการตลาดด้วย
บริษัทค้าปลีก C มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง มีร้านค้าส่ง มีไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่

ทั้ง 3 บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ธุรกิจแตกต่างกันค่อนข้างมาก ทำให้การใช้ค่า P/E เฉลี่ยของอุตสาหกรรมไม่ตรงเป้าหมายสักเท่าไรนัก

3. ใช้ค่า P/E เทียบกับการเติบโต หรือ PEG Ratio
นี้เป็นวิธียอดนิยมในยุคปัจจุบันที่นักวิเคราะห์ชอบใช้กันมากโดยเฉพาะในยามที่ตลาดหุ้นคึกคักและมีการเก็งกำไรสูงมาก ก็คือการใช้ค่า PE ที่อิงอยู่กับ การเติบโตของบริษัท (Growth)  โดยที่บ่อยครั้งเขาจะเรียกว่าค่า PEG หรือค่า PE หารด้วยการเติบโตของกำไรต่อหุ้น

4. เทียบกับตามตำรา ค่า P/E ที่เหมาะสม คือ 18 เท่า
ในอดีตหนังสือหุ้น VI ประเภทอนุรักษ์นิยมจะให้ค่า P/E ที่เหมาะสมไม่ควรสูงเกินกว่ 10 เท่า แต่พอเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำแทบจะติดลบ การทำธุรกิจที่สามารถเติบโตได้เร็วมากในเวลาอันสั้น บทวิจัยจึงมีความเห็นว่าค่า P/E ที่เหมาะสมโดยเฉลี่ยควรจะอยู่ที่ประมาณ 18 เท่า

ถ้าหุ้นตัวไหนสูงกว่า 18 เท่า ถือว่าแพง
ถ้าหุ้นตัวไหนแพงกว่า 18 เท่า ถือว่าถูก
แต่ทั้งนี้ต้องมีเงื่อนไข คือ "คุณภาพ" ของหุ้น ….หุ้นที่มีคุณภาพสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดก็ควรที่จะมีค่า PE สูงกว่า 18 เท่า  ยิ่งคุณภาพสูงเท่าไรก็ควรมีค่า PE สูงกว่าเท่านั้น  เช่นเดียวกัน  หุ้นที่มีคุณภาพต่ำก็ควรได้ค่า PE ต่ำกว่า 18 เท่า   

ซึ่งคำจำกัดความของคุณภาพ คือ ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจของบริษัท  และความสามารถในการทำกำไรนั้นก็ขึ้นกับความได้เปรียบที่ยั่งยืนของบริษัทเมื่อเทียบกับคู่แข่งในธุรกิจ
เมื่อบริษัทมีคุณภาพ มีควาสามารถในการทำกำไร ก็จะเป็นเรื่องของการเติบโต  และทั้งสองอย่างนี้ก็แยกออกจากกันไม่ได้เลย …

จะเห็นได้ว่าการประเมินมูลค่าที่ "เหมาะสม" ของ P/E เป็นเรื่องของทฤษฏีและตัวเลข ที่ยากแก่การหาตัวเลขที่เหมาะสมแบบเฉพาะเจาะจงลงไปได้
แต่ในปัจจุบัน ธุรกิจเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก การวิเคราะห์แบบอนุรักษ์นิยมจึงถูก "ลืมเลือน" ไป กลายมาเป็นการวิเคราะห์แบบ Growth คือเน้นการเติบโตไว้ก่อน ดังนั้นการหาค่า P/E ที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน คือ การเทียบกับการเติบโต หรือ PEG Ratio

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม : กลยุทธ์ P/E Forward และ PEG

stock2morrow

ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...