“นายกฯ ญี่ปุ่น” เยือนเวียดนาม กระชับความร่วมมือการค้าเสรี ตอบโต้นโยบายกีดกันการค้าทรัมป์
"นายกฯ ญี่ปุ่น" เดินสายเยือนเวียดนาม-ฟิลิปปินส์ หวังเสริมแนวร่วมการค้าเสรี ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายกีดกันการค้าของทรัมป์
วันที่ 28 เมษายน 2568 เวลา 15.44 น. สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า ชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น พบหารือกับฟาม มินห์ จิญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ที่กรุงฮานอย เพื่อผลักดันการสนับสนุนกรอบความร่วมมือการค้าเสรีพหุภาคี ท่ามกลางสถานการณ์ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ดำเนินนโยบายกีดกันการค้าโดยการขึ้นภาษีศุลกากรในวงกว้าง
การเยือนครั้งนี้ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.68 มีขึ้นหลังจากที่สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางเยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และอิชิบะยังมีกำหนดเยือนฟิลิปปินส์ต่อด้วย
โดยข้อตกลงสำคัญในการพบหารือนั้น ญี่ปุ่นและเวียดนามตกลงร่วมกันในการรักษาและส่งเสริมการค้าเสรีพหุภาคี เพื่อตอบโต้นโยบายภาษีของทรัมป์ ทั้งสองประเทศตกลงจัดตั้งกรอบการเจรจาด้านการต่างประเทศและกลาโหมในระดับรองรัฐมนตรี โดยจะมีการประชุมครั้งแรกภายในปีนี้
รวมถึงญี่ปุ่นจะบรรจุเวียดนามเข้าเป็นประเทศที่มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือด้านอาวุธภายใต้โครงการ Official Security Assistance (OSA) ซึ่งมีเป้าหมายในการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านความมั่นคงของประเทศพันธมิตร ซึ่งประเทศที่ได้รับสิทธิ์แล้ว เช่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบังกลาเทศ
โดยการเยือนมีขึ้นท่ามกลางประกาศของทรัมป์เรื่องภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่มีอัตราสูงเป็นพิเศษสำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาษีเบื้องต้น 10% เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 5 เมษายน ส่วนที่เหลือถูกระงับไว้ 90 วันจากวันที่ 9 เมษายนเพื่อเปิดทางการเจรจา
ศาสตราจารย์ โยริซึมิ วาตานาเบะ จากมหาวิทยาลัยสตรีฟูจิ ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของอิชิบะในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นทันทีหลังจากการเยือนอาเซียนของสี จิ้นผิง
ขณะที่หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นแฟ้นกับจีน แต่ยังต้องการรักษาสมดุลทางความมั่นคงและเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐ อย่างไรก็ตามเริ่มมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ทั้งนี้ญี่ปุ่นต้องการเน้นย้ำความสำคัญของเสถียรภาพของระบบการค้าเสรีในภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อิชิบะเน้นบทบาทของญี่ปุ่นในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership (CPTPP) ซึ่งมีสมาชิกอย่างเวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย และสหราชอาณาจักร ญี่ปุ่นเคยนำความพยายามฟื้นฟู TPP สำเร็จหลังสหรัฐถอนตัวในปี 2560 และเวียดนามเองกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐสูงถึง 46%
วาตานาเบะกล่าวว่า "ญี่ปุ่นและเวียดนามตอบสนองต่อภาษีทรัมป์อย่างสงบ ไม่ได้ประท้วงอย่างรุนแรง" พร้อมเสนอว่าทั้งสองประเทศควรยืนหยัดชัดเจนว่าสหรัฐกำลังละเมิดกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) และข้อตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังเสนอว่าญี่ปุ่นควรช่วยบรรเทาความลำบากของเวียดนามโดยการขยายการเปิดตลาดเพิ่มเติมสำหรับสินค้าและผลิตภัณฑ์เกษตรเวียดนาม
ทั้งนี้อิชิบะได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ (10 เม.ย.) และนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลอว์เรนซ์ หว่อง (14 เม.ย.) ต่อมาพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม และประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง (16 เม.ย.)
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่า "ขณะนี้นานาชาติต่างคาดหวังให้ญี่ปุ่นรับบทบาทเดียวกับที่เคยมีตอนฟื้นฟู TPP" ท่ามกลางสถานการณ์กีดกันการค้าของสหรัฐ
อ้างอิง : asia.nikkei.com