ญี่ปุ่นเผชิญวิกฤต จำนวน ผู้สูงอายุ พุ่งสูงสุดในโลก ตลาดแรงงานจมความเสี่ยง
ญี่ปุ่นเผชิญวิกฤตประชากร จำนวน ผู้สูงอายุ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และ สูงที่สุดในโลก ซ้ำอัตราเกิดต่ำ ย้ำความเสี่ยงตลาดแรงงานขาดแคลน
วันที่ 18 กันยายน 2567 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ญี่ปุ่นจัดงาน วันเคารพผู้สูงอายุ ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางจำนวนประชากร ผู้สูงอายุ ที่มากเป็นประวัติการณ์ ซึ่งได้เน้นย้ำถึงข้อกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสังคมสูงอายุ จำนวนแรงงานที่ขาดแคลน และอัตราการเกิดต่ำ
ในปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีจำนวนผู้สูงอายุสูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยข้อมูลใหม่ของรัฐบาลระบุว่า ชาวญี่ปุ่นอายุ 65 ปีขึ้นไป มีมากถึง 36.25 ล้านคน หรือคิดเป็น 29.3% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งถือเป็นอัตราส่วนที่สูงที่สุดในโลก
นายโรเบิร์ต เฟลด์แมน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Morgan Stanley MUFG Securities ชี้ให้เห็นว่าประชากรสูงอายุกำลังสร้างความวิตกกังวลในตลาดแรงงานของญี่ปุ่น โดยผลการสำรวจจาก Teikoku Databank เผยให้เห็นว่า บริษัทญี่ปุ่น 51% กำลังประสบปัญหาขาดแคลนพนักงานประจำ โดยเฉพาะในภาคส่วนที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก เช่น บริการด้านอาหาร
ในปี 2566 จำนวนแรงงานที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป แตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 9.14 ล้านคน ซึ่งเป็นแนวโน้มต่อเนื่องยาวนานมาถึง 20 ปี ซึ่งนายเฟลด์แมนเตือนว่าเมื่อแรงงานสูงอายุเหล่านี้เกษียณอายุลงแล้ว จำนวนแรงงานรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนนั้นไม่มากเพียงพอ ซึ่งอาจทำให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานรุนแรงขึ้น
สถาบันวิจัยประชากรและความมั่นคงทางสังคมแห่งชาติญี่ปุ่น คาดการณ์ว่าประชากรผู้สูงอายุในญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะแตะระดับ 34.8% ของประชากรทั้งหมดภายในปี 2583 ซึ่งนายเฟลด์แมน ประเมินว่าแรงงานของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 69.3 ล้านคนในปี 2566 อาจลดลงสู่ระดับ 49.1 ล้านคนภายในปี 2593 โดยอิงตามแนวโน้มประชากรในปัจจุบัน
รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอด โดยเสนอมาตรการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มอัตราการเกิด ได้แก่ การเพิ่มเงินทุนสำหรับการเลี้ยงดูบุตรและการขยายสถานรับเลี้ยงเด็ก ซึ่งสำนักงานของนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะเป็นผู้เสนอ นอกจากนี้ รัฐบาลท้องถิ่นยังสนับสนุนแอปหาคู่เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนแต่งงานและมีบุตร อย่างไรก็ตาม การเพิ่มอัตราการเกิดจะไม่สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้ในระยะสั้น
รายงานระบุว่า ญี่ปุ่นค่อย ๆ เปิดรับแรงงานต่างชาติมากขึ้น โดยมีแรงงานต่างชาติเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2 ล้านคนในปี 2567 และมีแผนจะเพิ่มเป็น 800,000 คนในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งนายเฟลด์แมนชี้ว่า การนำแรงงานต่างชาติเข้ามาก็เพื่อชดเชยการลดลงของจำนวนประชากรในทศวรรษหน้า และญี่ปุ่นจะต้องนำแรงงานต่างชาติเข้ามาในอัตราที่เร็วขึ้นมาก ซึ่งอาจสูงถึงหลายสิบล้านคน
นายเฟลด์แมนแสดงความกังวลว่าญี่ปุ่นจะสามารถนำแรงงานต่างชาติเข้ามาในประเทศได้มากพอที่จะชดเชยแรงงานในประเทศที่ลดลงได้หรือไม่ เขาย้ำว่าช่องว่างนี้จะต้องได้รับการแก้ไขด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของแรงงานวัยหนุ่มสาวที่เหลืออยู่ ซึ่งจะต้องมีการลงทุนอย่างมากในด้านเงินทุนและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) และระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแรงงาน
อย่างไรก็ตามนายคาร์ลอส คาซาโนวา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำเอเชียจาก UBP ชี้ให้เห็นว่าแม้ว่า AI มักถูกเสนอแนะให้เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาประชากรของญี่ปุ่น แต่ AI ยังไม่ได้สร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ และเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังคงต้องพึ่งพาแรงงานที่กระตือรือร้นอย่างมากเป็นจำนวนมาก เพื่อรักษาระดับการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมชี้ว่า แม้ว่า AI จะสามารถช่วยได้ แต่ก็จำเป็นต้องมีมาตรการอื่น ๆ เช่น การส่งเสริมการย้ายถิ่นฐานและการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง รวมถึงการเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในกำลังแรงงานด้วย
อ้างอิง : cnbc.com