โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ศุกร์ (สุข) ละวัด พาไปกราบ ‘พระคันธารราฐ’ อายุนับพันปี วัดหน้าพระเมรุ

The Bangkok Insight

อัพเดต 31 ธ.ค. 2564 เวลา 03.02 น. • เผยแพร่ 31 ธ.ค. 2564 เวลา 03.00 น. • The Bangkok Insight

ศุกร์ (สุข) ละวัด วัดหน้าพระเมรุ ปีใหม่พาไปไหว้พระคันธารราฐ  อายุนับพันปีที่มีเพียง 6 องค์ในโลก

วัดหน้าพระเมรุ หรือ วัดพระเมรุราชิการามวรวิหาร ตั้งอยู่ที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ริมคลองสระบัวด้านเหนือของคูเมือง (แม่น้ำลพบุรีเก่า) ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง

เป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ได้ถูกพม่าทำลายและยังคงปรากฏสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระอุโบสถมีขนาดยาว 50 เมตร กว้าง 16 เมตรเป็นแบบอยุธยาตอนต้นซึ่งมีเสาอยู่ภายใน ตั้งอยู่ริมคลองสระบัวด้านทิศเหนือของคูเมือง (เดิมเป็นแม่น้ำลพบุรี) ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น พุทธศักราช 2046 มีชื่อเดิมว่า“วัดพระเมรุราชิการาม” ที่ตั้งของวัดนี้เดิมคงเป็นสถานที่สำหรับสร้างพระเมรุถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระมหา กษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งสมัยอยุธยาตอนต้นต่อมาจึงได้สร้างวัดขึ้น มีตำนานเล่าว่าพระองค์อินทร์ในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงสร้างวัดนี้เมื่อ พ.ศ. 2046

วัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเมื่อครั้งทำศึกกับพระเจ้าบุเรงนองได้มีการทำสัญญาสงบศึกเมื่อ พ.ศ. 2106 ได้สร้างพลับพลาที่ประทับขึ้นระหว่างวัดหน้าพระเมรุกับวัดหัสดาวาส ต่อมาสร้างขยายออกโดยเพิ่มเสารับชายคาภายนอกในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ หน้าบันเป็นไม้สักแกะสลักเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑเหยียบเศียรนาคและมีรูปราหูสองข้างติดกับเศียรนาค หน้าต่างเจาะเป็นช่องยาวตามแนวตั้ง เสาเหลี่ยมสองแถวๆ ละแปดต้น มีบัวหัวเสาเป็นบัวโถแบบอยุธยา ด้านบนประดับด้วยดาวเพดานเป็นงานจำหลักไม้ลงรักปิดทอง

ส่วนลายแกะสลักบานประตูพระวิหารน้อย เป็นลายแกะสลักด้วยไม้สักหนา แกะสลักจากพื้นไม้ไม่มีการนำชิ้นส่วนที่อื่นมาติดต่อเป็นลายซ้อนกันหลายชั้น พระประธานในอุโบสถสร้างปลายสมัยอยุธยาเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทรงเครื่องแบบกษัตราธิราช มีนามว่า “พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ” จัดเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีปรากฏอยู่ในปัจจุบัน และมีความสมบูรณ์งดงามมากสูงประมาณ 6 เมตรหน้าตักกว้างประมาณ 4.40 เมตร ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการปฏิสังขรณ์วัดนี้ โดยรักษาแบบอย่างเดิมไว้ส่วนพระวิหารน้อย หรือ วิหารสรรเพชญ์หรือวิหารเขียนซึ่งมีขนาดเล็กเพียง 6 เมตร ยาว 16 เมตร สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 3 ลวดลายปูนปั้นปิดทอง ทั้งที่ประตูและหน้าต่างเป็นลายพรรณพฤกษาฝรั่งปนจีนตามสมัยนิยม เช่น ลายแจกันดอกไม้และโต๊ะหมู่บูชาแบบจีนขนาดเล็ก

ภายในมีพระคันธารราฐ พระพุทธรูปศิลาเขียว สมัยทวารวดี สร้างระหว่าง พ.ศ. 1000-1200 ปางปฐมเทศนา ประทับห้อยพระบาทบนดอกบัวบานซึ่งพระยาไชยวิชิต (เผือก) แม่กองบูรณะปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 จารึกไว้ว่า อัญเชิญมาจากวัดมหาธาตุที่อยุธยา ทว่ามีบันทึกในสมัยรัชกาลที่ 5 ว่าอัญเชิญมาจากวัดพระเมรุ จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นแหล่งค้นพบพระพุทธรูปทวารวดีขนาดใหญ่หลายองค์

โดยพระคันธารราฐนี้ มีปรากฏในโลกเพียง 6 องค์เท่านั้น อยู่ที่วัดพระปฐมเจดีย์ 3 องค์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาที่อยุธยา1 องค์ ประเทศอินโดนีเซีย 1 องค์ และที่วัดหน้าพระเมรุ 1 องค์พระคันธารราฐนี้มีลักษณะเด่น คือ พระรัศมีรอบพระเศียรตามแบบอิทธิพลจีน ชายจีวรถูกถลกสูงเผยพระชานุซ้ายซึ่งนิยมในการสร้างพระศรีอาริยเมตไตรยในประเทศจีนสมัยราชวงศ์ถัง ส่วนพระหัตถ์ทั้งคู่วางราบอยู่บนเข่าทั้งสอง แปลกไปจากปางที่พบในเมืองไทย

นอกจากนี้ ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยรัชกาลที่ 3  ลบเลือนไปตามกาลเวลา แม้จะยังพอมองเห็นเป็นภาพการเดินทางและการตั้งร้านขายของ อันเป็นภาพวิถีชีวิตโบราณที่หาดูได้ยากและงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...