ชาวโลกคุ้นเคยกับหนังแนวมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก ส่วนมากเป็นพวกนิสัยไม่ดี บุกมาทำลายโลก พระเอกก็สู้กับมนุษย์ต่างดาว ช่วยโลกให้รอดมาได้ บางเรื่องก็ใช้พล็อตว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นจุดกำเนิดของมนุษย์
เช่น 2001 : A Space Odyssey, Prometheus แนวเรื่องคือมนุษย์ต่างดาวเป็นต้นแบบยีนหรือดัดแปลงพันธุกรรม เพื่อให้มนุษย์วิวัฒนาการต่อไปเป็นสายพันธุ์ทรงภูมิปัญญา
2001 : A Space Odyssey ไม่ใช้คำว่า ‘มนุษย์ต่างดาว’ แต่ใช้ ‘สิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาว’ สองคำนี้ไม่เหมือนกัน มนุษย์ต่างดาวหน้าตาเหมือนมนุษย์ แต่สิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวไม่จำเป็นต้องมีหน้าตาแบบมนุษย์
หนังฮอลลีวูด 99 เปอร์เซ็นต์ออกแบบมนุษย์ต่างดาวหน้าตาเหมือนมนุษย์เปี๊ยบ ซึ่งเป็นจินตนาการของคนสร้างหนังล้วนๆ เพราะหนังที่ ‘มนุษย์ต่างดาว’ ไม่มีตา ไม่มีปาก พูดไม่ได้ น่าจะเดินเรื่องลำบาก
และนี่ก็กลายเป็นกรอบมหึมาที่บดบังความคิด ทำให้เราเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตต่างดาวต้องมีรูปแบบชีวิตแบบมนุษย์
นอกจากภาพยนตร์ ก็มีหนังสือจำนวนมากเล่นเรื่องมนุษย์ต่างดาว ที่ดังที่สุดน่าจะเป็นงานของ เอริค ฟอน ดานิเกน (Erich von Däniken) นักเขียนเรื่องแนว Paleo-contact คนที่ชอบอ่านสารคดีเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวและ UFO ต้องรู้จักชื่อนี้
Paleo-contact คือทฤษฎีว่าสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวเคยมาเยือนโลกในอดีตกาลไกลโพ้น ชี้ทาง หรือมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรม วิทยาการ และศาสนาของมนุษย์ ดานิเกนทำให้ความเชื่อทฤษฎี Paleo-contact กลายเป็นเรื่องฮิตไปทั่วโลก
ผมอ่านงานของเขาจากนิตยสารต่วย’ตูน เมื่อหลายสิบปีก่อน สนุกมาก
ดานิเกนเริ่มเขียนเรื่องแนวนี้ในปี 1964 คือเรื่อง Hatten unsere Vorfahren Besuch aus dem Weltraum? (แปลว่า บรรพบุรุษโบราณของเราเคยได้รับการเยือนจากอวกาศ?) ให้นิตยสารฉบับหนึ่ง สี่ปีต่อมาเขาเขียนหนังสือเรื่อง Chariots of the Gods? มันกลายเป็นหนังสือซูเปอร์ฮิตทั่วโลก
สาระของหนังสือคือมนุษย์ต่างดาวที่เขาเรียกว่า ‘ancient astronauts’ (มนุษย์อวกาศโบราณ) เคยมาเยือนโลกสมัยโบราณและมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมของมนุษยชาติ สอนเทคโนโลยีบางอย่างที่มนุษย์ไม่มีปัญญาคิดเอง เช่น เทคโนโลยีการสร้างพีระมิด
มนุษย์ต่างดาวนี่เองที่เป็นต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องเทพหรือพระเจ้าในความเชื่อและศาสนาต่างๆ ปาฏิหาริย์ต่างๆ ที่คนโบราณบันทึกไว้ล้วนเป็นการสำแดงของมนุษย์ต่างดาว
ดานิเกนไปไกลถึงมนุษย์ต่างดาวมีเพศสัมพันธ์กับมนุษย์ ทำให้มนุษย์ฉลาดกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
หนังสือยังบอกว่า มนุษย์มองเห็นเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวเป็นอำนาจเหนือธรรมชาติ ต้นกำเนิดศาสนาทั้งหลายบนโลกก็มาจากมนุษย์ต่างดาว ดานิเกนบอกว่าคัมภีร์และตำนานปรัมปราของแทบทุกชนชาติ ล้วนมีเรื่องเทพที่มาจากท้องฟ้า เทพเหล่าั้นก็คือพระเจ้าจากอวกาศ หรือมนุษย์ต่างดาว
หนังสืออ้างหลักฐานต่างๆ ทางโบราณคดีที่ดูเหมือนมี ‘ร่องรอย’ การแทรกแซงของมนุษย์ต่างดาว ยกตัวอย่าง เช่น
1 โดกุ (土偶)
รูปปั้นรูปคนและสัตว์ของญี่ปุ่นยุคก่อนประวัติศาสตร์ราว 14,000–400 ปีก่อนคริสต์กาล ดานิเกนบอกว่ามันคือรูปปั้นนักบินอวกาศจากต่างดาวอย่างแน่นอน
…………..
2 เครื่องบินโบราณของอียิปต์
ที่วัดเซติแห่งอะบีดอส อียิปต์ มีภาพสลักรูปวัตถุหน้าตาคล้ายยานพาหนะบางอย่าง ดานิเกนชี้ว่ามันดูเหมือนเฮลิคอปเตอร์ เครื่องบิน หรือเรือดำน้ำ
งานสลักเหล่านี้สร้างในสมัยเซติที่ 1 และ แรมซีสที่ 2 นานหลายพันปีก่อนเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ลำแรกของโลกถือกำเนิด ย่อมแสดงว่ามันเป็นผลงานของมนุษย์ต่างดาว
ดานิเกนชี้ว่าคัมภีร์และตำนานของอารยธรรมโบราณจำนวนมากมักเล่าเรื่องการมาเยือนของเทพหรือพระเจ้า บ้างมากับยานพาหนะ มหากาพย์อินเดียเรื่อง มหาภารตะ แต่งราว 800-900 ปีก่อนคริสต์กาลเล่าถึงยานวิมานะที่สามารถเคลื่อนไปในอากาศ จึงมีเหตุผลว่าเทพหรือพระเจ้าก็คือมนุษย์ต่างดาวที่โดยสารยานอวกาศมาเยือนโลก
…………..
3 The Ark of the Covenant
คือหีบทองที่บรรจุแท่งหินบัญญัติสิบประการของโมเสส ก็คือ The Ark ในหนังเรื่อง Raiders of the Lost Ark ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก
ดานิเกนเชื่อว่ามันเป็นเครื่องมือสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว
…………..
4 หีบศพหินแห่ง Palenque (Sarcophagus of Palenque)
ถ้าเรียกเต็มก็คือ lithos sarcophagus คือหีบศพหินวางบนพื้น (ภาษากรีก lithos = หิน sarcophagus = ร่างกาย)
Palenque เป็นชื่อเมืองโบราณของอาณาจักรมายาในศตวรรษที่ 7
ดานิเกนบอกว่ารูปสลักบนหีบศพเป็นรูปมนุษย์อวกาศในจรวด เป็นหลักฐานชัดเจนว่ามนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกจริง
…………..
5 การทำลายล้างอาณาจักรโซดอมและโกมอร์ราห์ที่พระคัมภีร์จารึกว่าถูกไฟบรรลัยกัลป์ทำลายล้าง เชื่อมั่นว่าเกิดจากระเบิดปรมาณู
…………..
6 พีระมิดแห่งอียิปต์
ดานิเกนไม่เชื่อว่ามนุษย์มีปัญญาสร้างพีระมิด มันไม่สามารถสร้างแล้วเสร็จในยี่สิบปีตามบันทึก
เขาบอกว่าการตัดหินก่อสร้างใหญ่ขนาดนั้นยากและนานเกินไปสำหรับมนุษย์ อีกทั้งไม่มีหลักฐานว่ามีคนงานก่อสร้างพีระมิด ด้วยความช่วยเหลือของมนุษย์ต่างดาว จึงสร้างสำเร็จ
ดานิเกนชี้ว่าสัดส่วนโครงสร้างของพีระมิดเกี่ยวข้องกับตำแหน่งดวงดาว พีระมิดสามแห่งที่กิซาชี้ไปที่ตำแหน่งดาวโอไรออน เบลท์ พอดี คาดว่ามันเป็นบ้านของมนุษย์ต่างดาว และพีระมิดจะต้องเป็นสถานีเชื่อมระหว่างโลกกับมนุษย์ต่างดาวอย่างแน่นอน
นอกจากนี้วิทยาการของอียิปต์ในด้านการทำมัมมี่นั้นล้ำหน้าจนแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังทำไม่ได้ จึงน่าเชื่อว่าเป็นเทคโนโลยีที่มนุษย์ต่างดาวถ่ายทอดให้ชาวอียิปต์
…………..
7 สโตนเฮนจ์ (Stonehenge)
ก้อนหินขนาดยักษ์หลายก้อนเรียงเป็นวงนี้สร้างราว 3,000-2,000 ปีก่อนคริสต์กาล การวางหินน่าจะเกี่ยวกับตำแหน่งดวงอาทิตย์ ดานิเกนมองไม่เห็นว่าคนโบราณมีปัญญาขนย้ายหินใหญ่หนักสี่ตันได้อย่างไร
เขาเชื่อว่าสโตนเฮนจ์เป็นจุดสังเกตสำหรับการขึ้นลงของยานต่างดาว เพราะมองเห็นได้ไกลๆ จากท้องฟ้า
…………..
8 รูปปั้นมนุษย์ที่เกาะอีสเตอร์
ดานิเกนบอกว่าผู้สร้างรูปปั้นหินจำนวนมากคือมนุษย์ต่างดาว โดยใช้เลเซอร์ยิง เพื่อความบันเทิงหรือเพื่อสาธิตให้ชาวเกาะเห็น หลังจากนั้นชาวบ้านก็สลักหินตามต้นแบบ แต่เนื่องจากเครื่องมือไม่ดีพอ บางรูปก็สลักไม่สำเร็จ ทิ้งงานกลางคัน
…………..
9 แผนที่ Piri Reis
เป็นแผนที่โลกสร้างในราวปี 1513 เขียนขึ้นโดยแม่ทัพชาวออตโตมาน Piri Reis มันแสดงภาพทวีปยุโรป แอฟริกาเหนือ บราซิล อย่างค่อนข้างถูกต้อง
ดานิเกนบอกว่าแผนที่นี้แสดงภูเขาในทวีปแอนตาร์กติก การทำอย่างนี้ได้ต้องใช้เครื่องมือที่ทันสมัยมาก และมุมของมันเสนอว่าแผนที่ต้องมองจากอวกาศ อาจมองจากยานอวกาศ
แปลว่าต้องเป็นฝีมือมนุษย์ต่างดาว
…………..
10 เสาอโศก (Iron pillar of Delhi)
เป็นเสาเหล็กสูงเกือบ 24 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 16 นิ้ว หนักหกตัน ไม่รู้ช่วงเวลาสร้างที่แน่นอน คาดว่าอาจเป็นรัชสมัยของพระเจ้าจันทรคุปตเมารยะ เป็นสัญลักษณ์ของบางสิ่ง อาจเกี่ยวกับศาสนาพุทธหรือดาราศาสตร์
เสาสูงแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก อินเดียในยุคพระเจ้าอโศกมีการสร้างเสาหินสูงจำนวนมาก กระจายทั่วภาคเหนือของอินเดีย แต่ที่แปลกคือเสาเหล็กอายุราวหนึ่งพันห้าร้อยปีไม่มีสนิม แสดงว่าใช้เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว
…………..
11 ที่ราบนาซกา เปรู (Nazca Lines)
ในปี 1927 เครื่องบินลำหนึ่งบินผ่านที่ราบนาซกา ทะเลทรายอะทาคามา เปรู พบลายเส้นจำนวนมากสลักบนแผ่นดิน ราวกับเป็นสัญลักษณ์ของบางสิ่ง ใครเล่าจะเขียนลายเส้นมหึมาที่มองเห็นได้จากทางอากาศเท่านั้น หากมิใช่มนุษย์ต่างดาว?
ดานิเกนเชื่อว่า Nazca Lines เป็นลานบินของมนุษย์ต่างดาว
…………..
12 หินโบราณเปรู (Peruvian stones)
เปรูไม่ได้มีแต่เส้นสายนาซกา แต่มีหินโบราณซึ่งมีรอยสลักภาพกล้องโทรทรรศน์ แผนที่โลก การผ่าตัด ซึ่งล้ำสมัยกว่าสมัยเปรูโบราณ
ย่อมต้องเป็นฝีมือมนุษย์ต่างดาว
…………..
ความคิดว่ามนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก และปรับแปลงโฉมโลกย่อมน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง วงการวิทยาศาสตร์ว่าอย่างไร?
นักวิทยาศาสตร์แทบทั้งหมดปฏิเสธงานของดานิเกนโดยสิ้นเชิง มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์ มันเป็นแค่แฟนตาซี
เหตุผลเพราะทุกเรื่องเป็นการคาดเดาทั้งสิ้น ไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ชัดเจน การมองเห็นรูปปั้นคนโบราณเป็นรูปมนุษย์ต่างดาว เห็นรอยสลักของอียิปต์โบราณเป็นเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบิน ก็เป็นเพียงการคิดเอาเอง เหมือนเราพยายามมองก้อนเมฆให้เป็นรูปมนุษย์ เมื่อบอกคนอื่น ก็เกิดภาพลวงตาเห็นเหมือนกัน
ในงานสร้างพีระมิด ดานิเกนบอกว่าอียิปต์สร้างพีระมิดที่สมบูรณ์แบบเลยตั้งแต่แรก หลักฐานทางโบราณคดีชี้ตรงข้าม มีการสร้างพีระมิดเก่าแก่ที่ไม่สมบูรณ์ แล้วค่อยๆ พัฒนาขึ้น นอกจากนี้ยังพบบ้านพักที่อยู่ของคนงาน หลุมฝังศพคนงาน เครื่องมือ รอยบนหินก็เกิดจากเครื่องมือเหล่านั้นจริง
คำอ้างว่าคนโบราณไม่รู้เรื่องดวงดาวขนาดสร้างพีระมิดตามทิศดาวนั้นไม่จริง หลักฐานประวัติศาสตร์และโบราณคดีชี้ชัดว่าคนโบราณอารยธรรมต่างๆ รู้เรื่องดาวมากพอ เพราะความรู้เรื่องดาวและฤดูกาลจำเป็นต่อการอยู่รอดและการเกษตรกรรม
สำหรับการใช้ สโตนเฮนจ์และ Nazca Lines เป็นจุดสังเกตเวลานำยานอวกาศต่างดาวลงจอดนั้น ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง มนุษย์ต่างดาวที่มีเทคโนโลยีเดินทางข้ามดาราจักร ต้องพึ่งแผนที่หรือลายเส้นบนพื้นโลกมากำกับหรือ?
บินได้เฉพาะเวลากลางวันที่เห็น สโตนเฮนจ์และ Nazca Lines เท่านั้น? หากวันใดมีหมอกหนาหรือฝนตกหนัก ก็ร่อนยานลงมาไม่ได้? เครื่องบินยุคนี้ยังสามารถบินขึ้นลงในเวลากลางคืนโดยไม่ต้องดูเส้นบนพื้น
รูปปั้นที่เกาะอีสเตอร์ก็เช่นงานก่อสร้างอื่นๆ ทั่วโลก มนุษย์ทำเองมาตลอด ไม่มีหลักฐานชี้ว่ามีการแทรกแซงของสิ่งทรงภูมิปัญญานอกโลก
เรื่องแผนที่ Piri Reis หากมนุษย์ต่างดาวที่มีปัญญาเดินทางข้ามดาราจักรทำแผนที่ ทำไมจึงเป็นแผนที่หยาบและไม่สมบูรณ์อย่างนั้น ความคิดว่าเขียนจากนอกโลกเป็นการจับยัดเอาเอง
เรื่องเสาเหล็กไม่มีสนิม นักวิทยาศาสตร์พบว่าเป็นเพราะเหล็กมีส่วนผสมของฟอสฟอรัสสูง บวกกับชั้นผลึก crystalline iron hydrogen phosphate hydrate ทำให้มันทนทานนานขนาดนี้ นี่เป็นงานที่ช่างเหล็กมีฝีมือทำได้โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ต่างดาว
สำหรับหินโบราณที่เปรู หลักฐานชี้ชัดว่าเป็นเรื่องแหกตา เพราะคนที่ผลิตวัตถุโบราณเหล่านี้สารภาพว่าทำมาขายให้พิพิธภัณฑ์และอื่นๆ
นี่แปลว่าไม่มีสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวกระนั้นหรือ?
หามิได้ ตรงกันข้าม นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่ามีสิ่งทรงภูมิปัญญานอกโลกจริง แต่ไม่ใช่ ‘มนุษย์ต่างดาว’
นักวิทยาศาสตร์-นักเขียน อาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก เชื่อว่ามี เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ที่เป็นรูปธรรมสักหนึ่งชิ้น ที่ชี้ว่าสิ่งทรงภูมิปัญญานอกโลกเคยมาเยือนเรา นักวิทยาศาสตร์-นักเขียน คาร์ล เซเกน บอกว่าเราขอเพียงหลักฐานแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น เช่น วัตถุที่มีไอโซโทปที่ไม่มีในโลกเรา ก็พิสูจน์ได้ทันทีว่ามีมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกจริง
…………..
ดานิเกนเป็นตัวอย่างหนึ่งของนักเขียนเบสต์เซลเลอร์ที่ใช้ข้อมูลจับแพะชนแกะเขียนเรื่องอำ ตั้งธงขึ้นมาก่อน แล้วหาข้อมูลมารองรับหรือยัดเยียดข้อมูลสนับสนุนธงนั้น โดยใช้ข้อมูลเท็จหรือวิทยาศาสตร์เทียม เพื่อบรรลุเป้าหมายคอนเส็ปต์ของเรื่องที่จะขาย
ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะดานิเกนมีประวัติฉ้อฉล เข้าคุกหลายครั้งในคดีฉ้อโกง เขายังเขียนหนังสือบางเล่มในคุก
อายุ 19 ถูกจับคดีลักทรัพย์ จำคุกสี่เดือนรอลงอาญา เมื่อออกจากโรงเรียนก็ไปฝึกงานโรงแรมที่สวิตเซอร์แลนด์ แล้วย้ายไปอียิปต์
ขณะอยู่ที่อียิปต์ ต้องคดีฉ้อฉลเกี่ยวกับเพชรพลอย ถูกจำคุกเก้าเดือน
เมื่อเป็นอิสระ ก็ทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมแห่งหนึ่งที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ช่วงนี้เองเขาเริ่มเขียน Chariots of the Gods? ต้นฉบับถูกสำนักพิมพ์หลายแห่งปฏิเสธ แต่ได้ตีพิมพ์ในปี
1968 และกลายเป็นหนังสือเบสต์เซลเลอร์
ปลายปีนั้นเองเขาก็ถูกจับด้วยข้อหาฉ้อฉล และสองปีต่อมาก็ถูกจับด้วยข้อหาฉ้อฉลอีก ครั้งนี้เข้าคุกสามปีครึ่ง แต่ถูกปล่อยตัวหลังจากติดคุกหนึ่งปี
Chariots of the Gods? ขายดีจนรายได้ของหนังสือช่วยให้เขาพ้นสภาพหนี้ทั้งหมด
เป็นหนังสืออำที่ขายดีที่สุดในโลก
งานของดานิเกนอ่านสนุกเหมือนนิยาย จะว่าไปแล้ว งานของเขาก็คือนิยาย! และหากมันวางในส่วนนิยายในร้านหนังสือ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เช่นเรื่อง Da Vinci Code เป็นต้น
คาร์ล เซเกน เขียนในคำนำเรื่อง The Space Gods Revealed ว่า “การที่งานเขียนที่สุกเอาเผากินเช่นของ ฟอน ดานิเกน ผู้เสนอแนวคิดหลักว่าบรรพบุรุษของเราเป็นหุ่น เป็นที่นิยม เป็นคำอธิบายชัดเจนถึงความเชื่อง่ายและความสิ้นหวังในยุคของเรา
ข้าพเจ้าหวังให้มีความต่อเนื่องของความนิยมในหนังสือเช่น Chariots of the Gods? ในวิชาตรรกะทั้งหลายของโรงเรียนและมหาวิทยาลัย เป็นบทเรียนเรื่องวิธีคิดแบบมักง่ายเลอะเทอะ ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นหนังสือที่เต็มไปด้วยความผิดพลาดมหาศาลเช่นงานทั้งหลายของดานิเกน”
น่าเสียดายที่โลกเต็มไปด้วยคนเชื่อง่าย และคนยินดีเชื่อเรื่องอำในฐานะเรื่องจริง ผู้ที่เชื่อเรื่องพระเจ้าจากอวกาศมักปักใจเชื่อด้วยข้อสันนิษฐานมากกว่าหลักฐาน ดังนั้นจึงเปลี่ยนใจยาก
เรายังมีงานแบบนี้มากมาย เรื่องไสยศาสตร์ แก้กรรม โชคลาภ สีรถมงคล ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องโกหกผสมความจริงเพื่อการพาณิชย์ มันเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะผู้คนยินดีเชื่อโดยไม่ตั้งคำถาม
…………..
วินทร์ เลียววาริณ
ความเห็น 13
Sukhuma Phattarapana
มนุษย์ต่างดาวมีจริงรึเปล่าก็มีคนศึกษาเอามาเขียนเป็นหนังสือให้อ่านบ้างก็สร้างเป็นภาพยนต์ใหคนดูว่าหน้าตาเป็นแบบนี้สรุปยังไม่มีใครบอกได้ว่ามีจริงรึเปล่า
07 พ.ค. 2562 เวลา 06.19 น.
ไม่แน่นะครับ
22 เม.ย. 2562 เวลา 20.32 น.
SarawootCh
Good for read,
16 เม.ย. 2562 เวลา 13.07 น.
zAOEIz
ไม่เชื่อ
16 เม.ย. 2562 เวลา 10.08 น.
บางทีก็มองในมุมกลับกันนะ ว่าคนโบราณในยุควิทยาศาสตร์ยังไม่เจริญ อาจจะเห็นสิ่งมีชีวิต หรือสัตว์พิการ คือเทพเจ้า เพราะไม่เหมือนมนุษย์ เช่น แขนงอก ขางอกเกินปกติ มีตาเดียว มีหลายหัว ตัวเขียว ตัวเหลือง ตัวม่วง จากโรคทางพันธุกรรม หรือตัวแคระ ตัวยักษ์ จากโกรทฮอร์โมนผิดปกติไรงี้ แต่เอาเถอะ...ก็ตามๆเค้าไป เอาที่สบายใจ
16 เม.ย. 2562 เวลา 06.27 น.
ดูทั้งหมด