ภาวะแทรกซ้อน และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวาน
ภาวะแทรกซ้อน ในผู้ป่วยเบาหวานมี 2 ประเภท
- ภาวะแทรกซ้อน เฉียบพลัน ได้แก่
1.1 ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) มีอาการสับสน เกร็ง เป็นลม นําไปสู่การชัก และหมดสติ
1.2 ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia)
- ภาวะน้ำตาลสูงในเลือดชนิดมีกรดคีโตนคั่ง (DKA) มักพบในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 (พึ่งอินซูลิน) ผู้ป่วยจะมีน้ำตาลในเลือดมากกว่า 250 มก./ดล. ร่วมกับตรวจพบสารคีโตนในปัสสาวะ อาการ หอบลึก ซึม ร่วมกับการขาดน้ำ ถ้าเป็นมากอาจหมดสติได้
- ภาวะน้ำตาลสูงในเลือดชนิดไม่มีกรดคีโตนคั่ง (HHNS) มักพบในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 (ไม่พึ่งอินซูลิน) สาเหตุมาจากขาดยาควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ มีอาการซึมชัก และหมดสติ น้ำตาลในเลือดมากกว่า 600 มก./ดล. - ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง ได้แก่
2.1 ภาวะแทรกซ้อนทางหลอดเลือดใหญ่ (marovascular)
เกิดในผู้ป่วยเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เป็นเวลานานทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผนังหลอดเลือด เกิดภาวะหลอดเลือดตีบเข็ง ทำให้เกิดผลภาวะแทรกซ้อนทางหลอดเลือดให่ คือ หลอดเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดส่วนปลายตีบ เกิดปัญหาที่เท้า เกิดแผลเบาหวานที่เท้า
2.2 ภาวะแทรกซ้อนทางหลอดเลือดเล็ก (microvascular)
- เบาหวานขึ้นตา ส่งผลทำให้ผู้ป่วยตาบอด
- เบาหวานลงไต (Diabetes Nephropathy) มีสาเหตุจาก
- มีโปรตีนอัลบูมินรั่วออกมาในปัสสาวะ ผู้ป่วยอาจบวมหรือ มีความดันโลหิตสูง
- มีความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุทำให้ไตเสื่อม
- ไตเริ่มเสื่อมมากขึ้น
- โรคแทรกซ้อนทางระบบประสาท (Diabetic Neuropathy) เกิดในผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดีเป็น เวลานาน ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท คือ
- ระบบประสาส่วนปลายเสื่อม มีอาการแสบร้อนบริเวณปลายเท้า รู้สึกเหมือนเข็มแทง ขาดความรู้สึกที่เท้าเกิดแผล โดยไม่รู้ตัว
- ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้ต่อมเหงื่อ และไขมันเสียหน้าที่ไป เกิดผิวแห้งแตก เป็นแผลง่าย
การป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวาน - ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและ ระดับความดันโลหิตให้ อยู่ในระดับปกติ
- ควบคุมอาหาร ไม่มีอาหารชนิดใดที่เป็นอาหารเฉพาะสําหรับผู้ป่วย
สําหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ สามารถ รับประทานได้ทุกชนิดเหมือนบุคคลทั่วไป ควรกินอาหารที่มี เส้นใยสูง ได้แก่ ข้าวกล้อง , ธัญพืช , ผลไม้รสหวานจัด เช่น ฝรั่ง ชมพู่ กล้วยน้ำว้า
จํากัดการกินอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ขนมอบ เบเกอรี่ต่างๆ เลือกกินอาหารที่มีโปรตีนสูงและมีไขมันต่ำ เนื้อปลา ไข่ขาว เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน นมพร่องมันเนย
ในกลุ่มที่มีภาวะแทรกซ้อนควรขอคําปรึกษาจากนักโภชนาการ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อการวางแผนการจัดรายการอาหารแลกเปลี่ยนต่อไป - ออกกําลังกายสม่ำเสมอ สําหรับกิจกรรมทางกายที่จะแนะนําในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 ที่มีสุขภาพดี ควรเป็นการออกกําลังกายแบบแอโรบิค เช่น การเดิน การวิ่ง การปั่นจักรยาน ใช้เวลา ประมาณ 20-60 นาที 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ หากต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ให้ออกกําลังกายทุกวัน โดยเลือกใช้อุปกรณ์ โดยเฉพาะรองเท้าอย่างเหมาะสม
ที่มา กระทรวงสาธารณสุข