โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ภาวะแทรกซ้อน และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวาน

สวพ.FM91

อัพเดต 24 พ.ย. 2562 เวลา 19.17 น. • เผยแพร่ 24 พ.ย. 2562 เวลา 19.17 น.

ภาวะแทรกซ้อน ในผู้ป่วยเบาหวานมี 2 ประเภท

  1. ภาวะแทรกซ้อน เฉียบพลัน ได้แก่
    1.1 ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) มีอาการสับสน เกร็ง เป็นลม นําไปสู่การชัก และหมดสติ
    1.2 ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia)
    - ภาวะน้ำตาลสูงในเลือดชนิดมีกรดคีโตนคั่ง (DKA) มักพบในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 (พึ่งอินซูลิน) ผู้ป่วยจะมีน้ำตาลในเลือดมากกว่า 250 มก./ดล. ร่วมกับตรวจพบสารคีโตนในปัสสาวะ อาการ หอบลึก ซึม ร่วมกับการขาดน้ำ ถ้าเป็นมากอาจหมดสติได้
    - ภาวะน้ำตาลสูงในเลือดชนิดไม่มีกรดคีโตนคั่ง (HHNS) มักพบในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 (ไม่พึ่งอินซูลิน) สาเหตุมาจากขาดยาควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ มีอาการซึมชัก และหมดสติ น้ำตาลในเลือดมากกว่า 600 มก./ดล.
  2. ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง ได้แก่
    2.1 ภาวะแทรกซ้อนทางหลอดเลือดใหญ่ (marovascular)
    เกิดในผู้ป่วยเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เป็นเวลานานทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผนังหลอดเลือด เกิดภาวะหลอดเลือดตีบเข็ง ทำให้เกิดผลภาวะแทรกซ้อนทางหลอดเลือดให่ คือ หลอดเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดส่วนปลายตีบ เกิดปัญหาที่เท้า เกิดแผลเบาหวานที่เท้า
    2.2 ภาวะแทรกซ้อนทางหลอดเลือดเล็ก (microvascular) 
    - เบาหวานขึ้นตา ส่งผลทำให้ผู้ป่วยตาบอด
    - เบาหวานลงไต (Diabetes Nephropathy) มีสาเหตุจาก
      - มีโปรตีนอัลบูมินรั่วออกมาในปัสสาวะ ผู้ป่วยอาจบวมหรือ มีความดันโลหิตสูง
      - มีความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุทำให้ไตเสื่อม
      - ไตเริ่มเสื่อมมากขึ้น
     - โรคแทรกซ้อนทางระบบประสาท (Diabetic Neuropathy) เกิดในผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดีเป็น        เวลานาน ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท คือ
     - ระบบประสาส่วนปลายเสื่อม มีอาการแสบร้อนบริเวณปลายเท้า รู้สึกเหมือนเข็มแทง ขาดความรู้สึกที่เท้าเกิดแผล       โดยไม่รู้ตัว
     - ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้ต่อมเหงื่อ และไขมันเสียหน้าที่ไป เกิดผิวแห้งแตก เป็นแผลง่าย
    การป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวาน
  3. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและ ระดับความดันโลหิตให้ อยู่ในระดับปกติ
  4. ควบคุมอาหาร ไม่มีอาหารชนิดใดที่เป็นอาหารเฉพาะสําหรับผู้ป่วย
    สําหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ สามารถ รับประทานได้ทุกชนิดเหมือนบุคคลทั่วไป ควรกินอาหารที่มี เส้นใยสูง ได้แก่ ข้าวกล้อง , ธัญพืช , ผลไม้รสหวานจัด เช่น ฝรั่ง ชมพู่ กล้วยน้ำว้า 
    จํากัดการกินอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ขนมอบ เบเกอรี่ต่างๆ เลือกกินอาหารที่มีโปรตีนสูงและมีไขมันต่ำ เนื้อปลา ไข่ขาว เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน นมพร่องมันเนย
    ในกลุ่มที่มีภาวะแทรกซ้อนควรขอคําปรึกษาจากนักโภชนาการ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อการวางแผนการจัดรายการอาหารแลกเปลี่ยนต่อไป
  5. ออกกําลังกายสม่ำเสมอ สําหรับกิจกรรมทางกายที่จะแนะนําในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 ที่มีสุขภาพดี ควรเป็นการออกกําลังกายแบบแอโรบิค เช่น การเดิน การวิ่ง การปั่นจักรยาน ใช้เวลา ประมาณ 20-60 นาที 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ หากต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ให้ออกกําลังกายทุกวัน โดยเลือกใช้อุปกรณ์ โดยเฉพาะรองเท้าอย่างเหมาะสม
    ที่มา กระทรวงสาธารณสุข
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...