ปี 2008 ภูฏานจัดการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ภายใต้สภาพจำนวนประชากรไม่ถึงล้านคน การเลือกตั้งครั้งนั้นถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยซึ่งเป็นผลมาจากการทุ่มเทของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์วังชุก พระองค์ทรงสละราชสมบัติเมื่อ ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) เจ้าชายจิกมี นัมเกล วังชุก พระราชโอรสพระองค์แรก และองค์รัชทายาทเสด็จขึ้นครองราชย์แทน เป็นที่ทราบกันว่าพระองค์ทุ่มเทเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่สืบทอดต่อกันมายาวนานให้เป็นระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐสภา
หลายร้อยปีที่ผ่านมา ภูฏานปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์โดยไม่มีรัฐธรรมนูญ ไม่มีพรรคการเมือง หวังหลง นักเขียนและนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ผู้เขียนหนังสือ “ราชสำนักจีนหันซ้าย โลกหันขวา” บรรยายว่า ประชาชนภูฏานไม่ได้เรียกร้องให้ใช้ระบอบประชาธิปไตย คนส่วนใหญ่แล้วเชื่อมั่นในกษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง ครั้งที่พระองค์ประกาศสละพระราชอำนาจ และประกาศใช้ระบอบการปกครองประชาธิปไตย ประชาชนจำนวนหนึ่งยังเสียใจและกังวลอยู่ลึกๆ
อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก ทรงตรัสโน้มน้าวประชาชนด้วยพระองค์เองอย่างจริงใจว่า การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่อาจรับประกันว่าจะได้กษัตริย์ที่ดีตลอดกาล แต่ระบอบประชาธิปไตยสามารถรับประกันได้ว่าประชาชนจะมีสิทธิ์ปลดกษัตริย์ไม่ดี และรักษาสิทธิประโยชน์ของทุกคนเอาไว้
หวังหลง ยกพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า
“เพื่อความสุขนิรันดร์ของชาวภูฏาน พวกเราจำเป็นต้องผลักดันระบอบประชาธิปไตย ระบอบที่มีประสิทธิภาพนั้นสำคัญกว่าราชบัลลังก์นัก”
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก ทรงครองราชย์ตั้งแต่ค.ศ. 1972-2006 พระองค์ได้รับการยกย่องจากนานาประเทศว่าเป็นผู้ปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในหลายด้าน อาทิ การเกษตรในช่วง 70s ด้วยโครงการพัฒนาชุมชนเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี มีอาหารและรายได้อย่างพอเพียง ความสำเร็จของโครงการนำร่องทำให้ชุมชนอื่นสนใจนำแนวทางมาปฏิบัติตาม
ปี 1999 รัฐบาลยกเลิกแบนโทรทัศน์และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต พระองค์ตรัสว่าโทรทัศน์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่นำพาไปสู่ความทันสมัยเช่นเดียวกับองค์ประกอบอื่นที่มีผลต่อดัชนีชี้วัดความสุขของภูฏาน อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงเตือนว่าหากใช้อย่างไม่ถูกต้อง เทคโนโลยีย่อมส่งผลกระทบต่อคุณค่าของวิถีดั้งเดิมของภูฏาน
ในด้านการปกครอง พระองค์ทรงถ่ายโอนพระราชอำนาจมาสู่สภารัฐมนตรีและบัญญัติให้สามารถฟ้องร้องตำแหน่งกษัตริย์ได้ด้วยเสียง 2 ใน 3 ของสภาแห่งชาติ
การวางรากฐานทางประชาธิปไตยจากพระบิดาทำให้สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องรับพระราชภารกิจบริหารประเทศ และด้วยพระจริยวัตรของพระองค์ทำให้สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี นัมเกล วังชุก เป็นกษัตริย์ที่ได้รับความนิยมในหมู่ประชาชน