โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

‘อดีตรมว.พลังงาน’ แนะรัฐเร่งเจรจาคู่ค้าหลักช่วยส่งออก หลังโดนสหรัฐตัดจีเอสพี

The Bangkok Insight

อัพเดต 27 ต.ค. 2562 เวลา 06.19 น. • เผยแพร่ 27 ต.ค. 2562 เวลา 06.19 น. • The Bangkok Insight

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แสดงความเห็นในวันนี้ (27 ต.ค.)ว่า รัฐบาลควรจะต้องใส่ใจเรื่องการเจรจาการค้ากับประเทศคู่ค้าหลักอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาการส่งออกทรุดและการลงทุนที่หายไป หลังจากที่โดยสหรัฐตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (จีเอสพี) ต่อสินค้าส่งออกไทย 573 รายการ มูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์

พิชัย นริพทะพันธุ์

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า รู้สึกเป็นห่วงอย่างมากในกรณีนี้  เพราะจากประสบการณ์ที่เคยค้าขายกับสหรัฐทราบดีว่า สิทธิจีเอสพี ทำให้สินค้าไทยมีราคาที่สามารถแข่งขันกับสินค้าจากประเทศคู่แข่งได้ หากถูกตัดสิทธิจีเอสพี สินค้าจากไทยก็จะต้องเสียภาษีเต็มตามอัตราที่กำหนด ซึ่งจะทำให้แข่งขันกับราคาสินค้าจากประเทศคู่แข่งที่ได้รับสิทธิจีเอสพีได้ยาก

นอกจากนี้ ยังต้องเจอกับเงินบาทที่แข็งค่ามาก และมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ จะทำให้ผู้ผลิตและผู้ส่งออก อาจต้องเฉือนเนื้อตัดจากกำไรเพื่อนำไปจ่ายภาษีศุลกากร แต่หากเป็นสินค้าที่มีส่วนต่างผลกำไรต่ำ อย่าง สินค้าเกษตร และอาหารทะเล ก็จะไม่สามารถเฉือนกำไรเพื่อจ่ายภาษีให้เพียงพอได้ โดยเรื่องดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทยที่ทรุดต่ำอยู่แล้วให้ทรุดต่ำลงไปอีก

การถูกตัดสิทธิจีเอสพี จะทำให้การลงทุนในสินค้าหมวดหมู่ดังกล่าวลดลง หรือ จะมีการย้ายฐานการผลิตออกจากไทย เพื่อไปลงทุนในประเทศที่ยังคงได้รับสิทธิจีเอสพีอยู่ ซึ่งจะทำให้การลงทุนของไทยที่ลดต่ำอยู่แล้วลดต่ำลงไปอีก แถมอาจจะมีการโยกย้ายฐานการผลิตและการส่งออกซ้ำเติมด้วย

ผลของการที่ไทยถูกสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี ก็เหมือนกับผลของการที่ไทยไม่สามารถเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) ในช่วงที่มีรัฐบาลจากการปฏิวัติได้ ซึ่งการเจรจาการค้ากับอียูก็ยังไม่มีความคืบหน้า ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลได้เร่งแก้ไขปัญหา และเร่งเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งในอดีตประเทศไทยก็เคยโดนสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี ในบางรายการมาก่อน แต่สุดท้ายก็สามารถเจรจาแก้ไขได้ ถ้ารัฐบาลมีความสามารถและมีทักษะในการเจรจาเพียงพอ

นายพิชัย บอกด้วยว่า อยากให้ไทยวางตัวให้เหมาะสม ถ่วงดุลอำนาจระหว่างสองประเทศมหาอำนาจให้ดี เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ

ในภาวะความผันผวนของโลก ไทยต้องการผู้นำที่มีความรู้ความสามารถและความรอบรู้เพียงพอที่จะเข้าใจพลวัตรของโลก หากผู้นำไม่สามารถก้าวตามการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ทัน ประเทศไทยจะเสียหายและเสียโอกาสอย่างมาก เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...