โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

สะใภ้ ไม่ใช่ ส่วนเกิน - ดีเจพี่อ้อย

THINK TODAY

เผยแพร่ 16 พ.ค. 2562 เวลา 10.35 น.

เดินทางเป็นว่าเล่นค่ะช่วงนี้ เพิ่งกลับจาก “ทริปในฝัน” เพราะไม่น่าจะมีวันเป็นจริง ทริปเดียวที่ทำให้ตื่นเต้น เท่ากับทุกทริปในชีวิตรวมกัน เพราะเป็นทริปที่พาคุณพ่อคุณแม่เดินทางไกลไปญี่ปุ่นค่ะ 

คุณพ่อไม่ต้องห่วงสุขภาพแข็งแรงดี แต่แม่นี่สิ นั่งรถได้ไกลสุดแค่พัทยา นั่งเครื่องอย่างมากสุดแค่ฮ่องกงด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่ป่วยมานาน จนวันที่แม่พูดว่า อยากไปญี่ปุ่นซักครั้งในชีวิต เลยต้องค่อยๆปั้น “ทริปในฝัน”ล่วงหน้าอยู่หลายเดือน 

เตรียมความพร้อมกับทุกเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกกรณี เสื้อหนาวทุกขนาดความหนา เราช่วยกันทั้งครอบครัว ตั๋วเครื่องบินก็โดนโกงอีก แม่ถึงขั้นบอกว่า “ไม่ไปแล้วดีกว่า”! ไม่ได้สิ จะให้คนโกงดับฝันกันง่ายๆอย่างนี้ได้ไง แม่เป็นคนไม่กินอาหารญี่ปุ่นเลยค่ะ ถึงขั้นต้องซ้อมชิมแล้ว ไปกินจริงที่นู่น 4 วัน 3คืน  

ตอนนี้กลับมาเรียบร้อยแล้ว ด้วยความลุ้นระทึกทุกวัน เพราะมีทั้งฝน หิมะ และลม ครบ ทริปในฝัน มันเป็นจริงแล้ว ตอนที่นั่งพิมพ์คอลัมน์นี้ แม่ขึ้นไปนอนแล้ว ก่อนนอนยังเล่าให้คนนู้นคนนี้ฟังใหญ่ว่า ญี่ปุ่นเป็นยังไง ปิดท้ายแม่บอกว่า “ไม่แน่ นี่อาจจะเป็นครั้งเดียว หรืออาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่แม่ได้ไปญี่ปุ่นแล้วมั้ง” 

 ข้างหน้าไม่รู้นะแม่ ที่แน่ๆ ถ้าครั้งนี้ไหว ครั้งต่อไปก็ต้องไหวสิ รักใครให้พาเที่ยวค่ะ เป็นคนที่บอกตัวเองเสมอ “งานไม่ใช่ความสำเร็จอย่างเดียวในชีวิต ต้องคิดบริหารจัดการเวลา งานเดินหน้า ก็ต้องไม่ลืมเวลาที่จะให้กับคนข้างๆด้วย”  

ลงจากเครื่องปั๊บ กลับมาตอบคำถามใน Line Today ก่อนเลย    

“ พี่อ้อยคะ เรากับสามีแต่งงานกันแล้ว สามีเป็นลูกคนเดียว ทำงานอยู่ในเมืองส่วนครอบครัวเราอยู่ต่างอำเภอ พอถึงวันหยุดเราจะกลับบ้านมาเจอกัน แต่พอวันหยุดยาว แม่สามีชอบมาอยู่หอด้วย 

เรารู้สึกอึดอัด บางครั้งมาอยู่เป็นอาทิตย์ ส่วนสามีเราก็ไม่เคยปฏิเสธเวลานอน เรานอนบนเตียงกัน3คน โคตรอึดอัดเลย เวลาไปไหนมาไหน แม่สามีจะชอบจับมือสามีเดินไปกันสองคน เวลานั่งรถก็คุยกันสองคนเหมือนเราเป็นส่วนเกินหรือว่าเราคิดมากไปเองคะพี่”

มีครอบครัวที่เราสร้าง ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่สร้างเราค่ะ ตอนนี้ระวังอคติในใจจะกลายเป็นความกดดันให้คนกลางต้องเลือกข้างซึ่งก็ยากกับเขาเช่นกัน หวงเขากับผู้หญิงคนไหนก็ได้ แต่อย่าไปหวงเขากับแม่ ที่แน่ๆเขาให้กำเนิดกันมา เขาสร้างผู้ชายคนนี้ขึ้นมาให้เรารัก อย่าจับเขามัดไว้อยู่กับเราแต่เพียงผู้เดียว 

 มี “สุดที่รัก” เขาก็ยังต้องมีคนที่เขา “รักที่สุด”สำคัญอยู่คนละจุดในชีวิต คิดเลือกเพียงใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ถ้าเราปรับทัศนคติของตัวเองไหว ปัญหานี้ก็จะกระทบใจน้อยลง เรามาเป็นสะใภ้ ไม่ได้มาแย่งลูกชายใคร 

แค่มาเป็นลูกอีกคนของท่าน เขาจะคุยกันเรื่องอะไร ทำไมเราจะแจมด้วยไม่ได้ พอน้องแบ่งพรรคแบ่งพวกเมื่อไหร่ ความน้อยใจก็จะทำงาน ลูกชายจูงมือแม่ แล้วสะใภ้ไปไหน 

ไม่ได้ช่วยประคองท่านไปด้วยกันหรอกหรือ ? นี่คือสิ่งที่อยากถาม ว่ากันตามจริง พ่อแม่ทุกคน ไม่ได้อยู่กับลูกทั้งชีวิตลูก วันที่ท่านยังอยู่ ก็ช่วยดูแลท่านอย่างดีที่สุด หยุดความคิดให้เลือกข้าง มันทรมานทั้งเราและสามี   

ทำความเข้าใจ อย่าใช้แต่ความอดทน กับสามีถ้าพอคุยกับเขาได้ ก็ลองหยอดๆๆไป คิดถึงจัง อยากนอนกอดกันสองคนบ้าง พูดทีเล่น แต่ในใจเอาจริงจับมือคุยกัน “เธอๆๆๆวันไหนขอไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสองบ้างดีกว่าเนอะ แล้วถ้าที่ไหนดี ค่อยมาพาคุณแม่ไปเที่ยวด้วย” 

หรือถ้าเห็นคุณแม่คุณลูก เดินจูงมือกัน ลองเดินเข้าไปกอดทั้งสองคนเอาไว้ แล้วบอกว่า “ดีใจที่คุณแม่ยังแข็งแรง ถ้าหนูอายุมากกว่านี้ ขอให้แข็งแรงได้ครึ่งหนึ่งของแม่ จะดีใจที่สุดเลย” ส่งพลังบวกให้กันและกัน ดีกว่ามุ่งมั่นจะแย่งชิง เราก็ผู้หญิงคนหนึ่ง อีกหน่อยน้องก็ต้องเป็นแม่เช่นกัน 

ในวันที่ลูกมีคนที่เขาเลือกแต่งงาน แม่คงหัวใจร้าวราน ถ้าโลกของเขาไม่เหลือที่ไว้ให้เราซึ่งเป็นแม่อีกแล้ว ใจเขาใจเราค่ะ นี่พูดในฐานะลูกสาวที่แต่งงานแล้ว ต่อให้มีสามีที่รัก เราก็ไม่ได้รักพ่อแม่น้อยลง 

ใช้เวลากับครอบครัวที่เราสร้างได้ ก็ต้องแบ่งเวลาให้ครอบครัวที่สร้างเรา ความรักไม่มีการหาร แต่เราสร้างความรักขึ้นมาได้ใหม่ ไม่ได้ยากต่อการทำความเข้าใจ แค่เอาแต่ใจตัวเองไม่ได้เท่านั้นเอง 

                     

    

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0