รณรงค์ใช้ “ขนส่งมวลชน” ลดฝุ่น แต่ขนส่งมวลชนก็เสี่ยงตายไม่แพ้ฝุ่น!
แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม? ในสถานการณ์ที่เรื่องฝุ่นรุนแรงจนแทบจะทำอะไรไม่ได้ค่ามลพิษทั่วกรุงเทพอยู่ในขั้นที่ส่งผลกระทบอาจทำให้เกิดอันตรายล่าสุดโรงเรียนรุ่งอรุณประกาศให้หยุดการเรียนการสอนถึง3 วันเพราะไม่อยากให้เด็กๆต้องเผชิญมลภาวะระหว่างเดินทางมาโรงเรียนหรือใช้ชีวิตกลางแจ้งนอกจากฉีดน้ำในระยะสูงจากพื้นไม่เกิน5 เมตรแล้วทางเลือกที่รัฐบาลเสนอมาแล้วต้องคิดหนักสุดๆก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องการใช้ทางเลือกขนส่งมวลชนแทนรถยนต์ส่วนตัวนี่แหละ
เพราะจะนั่งคิด นอนคิด ตะแคงคิดยังไง ขนส่งมวลชนบ้านเราก็ไม่เคยพร้อมสำหรับการใช้งานจริง ๆ ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ นานา ทั้งด้านการความสะดวก ความปลอดภัย เศรษฐศาสตร์ แถมพาหนะเองก็ยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดมลพิษอีกด้วย
เครดิตภาพ : https://www.consumerthai.org/consumer_right/
ลดฝุ่น….แต่เพิ่มความเสี่ยงอันตรายมากขึ้น
"รถเมล์" ขนส่งมวลชนที่ขึ้นชื่อเรื่องอันตรายมาตลอดอยู่แล้ว จะฟรีหรือไม่ฟรี ทุกคนก็ยังประสบปัญหาเรื่องความปลอดภัยเพราะพฤติกรรมการขับรถที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของพนักงานขับรถเมล์สาธารณะ ทั้งปาดเลนซ้ายสุดออกไปขวาสุดสลับไปมาตลอดเวลา นึกจะกระชากก็กระชาก นึกจะจอดก็จอด ทิ้งคนให้ลงไม่ตรงป้ายเสี่ยงตายกันไม่เว้นแต่วัน ยิ่งข่าวล่าสุดกับรถเมล์สาย 75 ที่ขับรถกินเลนจนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุถ้าคนขับรถหักหลบไม่ทัน
แล้วในขณะที่รถเมล์ยังเป็นแบบนี้ ถ้าคนกรุงเทพที่ขับรถยนต์ส่วนตัวจะต้องแห่กันไปขึ้นรถเมล์เพื่อลดมลภาวะละก็ บอกได้เลยว่าน่าจะกลายเป็นการจลาจลย่อม ๆ เพราะปริมาณคนกับรถก็ไม่สัมพันธ์กัน ไหนจะความปลอดภัยที่ปกติก็คาดหวังไม่ได้ ดันมาเจอผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นฮวบฮาบกว่าเดิมเข้าไปอีกก็ยิ่งจินตนาการไม่ได้เลยว่าภาพชีวิตคนเมืองบนรถเมล์จะออกมาเป็นยังไง
หันไปมองทาง "เรือโดยสาร" ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็ถือว่าใช่ย่อย เรือโดยสารบ้านเรามีคนตกเรืออยู่ประปราย เหตุการณ์สยองขวัญแบบโป๊ะรอเรือล่มก็เคยมีมาก่อน ยิ่งในเส้นทางกลางเมืองที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก อย่างคลองแสนแสบ ตอนไม่มีฝุ่นคนก็หนีรถติดลงไปนั่งกันจนเรือจะแตกอยู่แล้ว ถ้ามีผู้โดยสารมากขึ้นกว่านี้ ไม่รู้จะคาดหวังความปลอดภัยกันยังไง ในสภาพที่อัดแน่นกันขนาดนี้ชวนให้เกิดคำถามว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเราจะเอาชีวิตรอดได้มั้ย?
ลดฝุ่น….แต่เพิ่มค่าโดยสารแพงขึ้นเรื่อยๆ
ค่าโดยสารของขนส่งมวลชนสาธารณะถือได้ว่าเป็นโจรปล้นเงียบที่เอาเงินออกจากกระเป๋าเราไปเรื่อย ๆ ทุกปี ๆ จากที่แว่ว ๆ มาว่าจะขึ้นค่าโดยสารในปี 2562 และมีข่าวว่าผู้ใหญ่ในรัฐบาลเบรคไปแล้ว 1 ครั้ง ล่าสุดมีรายงานเมื่อวันที่ 22 มกมาคมที่ผ่านมา รมว.คมนาคมได้โยนให้ผู้ประกอบการกลับไปทำแผนธุรกิจรถโดยสารใหม่มาเสนอเพื่อพิจารณาเรื่องขึ้นค่าโดยสารกันอีกครั้ง โดยจะอนุมัติให้รถโดยสารใหม่ปรับขึ้นค่าโดยสารได้ดังนี้
*รถเมล์ใหม่แบบธรรมดา (รถร้อน) ปรับเป็น 12 บาทต่อเที่ยว *
รถโดยสารปรับอากาศ (รถเมล์แอร์) เป็น 15 บาทต่อเที่ยวในช่วง 4 กิโลเมตร แรก, 20 บาทในช่วง 5-16 กม. และเก็บในอัตรา 25 บาทต่อเที่ยว ใน ระยะทางตั้งแต่ 16 กม.ขึ้นไป
เอาเป็นว่าค่ารถเมล์ไม่เกิน 10 บาทจะไม่มีอีกต่อไป ซึ่งนับนิ้วดูแล้ว ค่าใช้จ่ายที่ขึ้นมาขนาดนี้แลกกับความปลอดภัยที่น้อยกว่าการขับรถส่วนตัว ไม่มีทางเลยที่จะคุ้มค่าได้
ลดฝุ่น…ทั้งที่ดูแล้วสร้างทั้งฝุ่นทั้งมลพิษ
เครดิตภาพ: https://www.thairath.co.th/content/1476821
ภาพที่คุณได้เห็นนี้คือภาพควันดำจากรถเมล์ที่มีประชาชนผู้พบเห็นถ่ายเอาไว้เมื่อขับรถตาม ที่ดูกี่ทีก็ยังคงต้องเอามือทาบอกว่าโอ้โห นอกจากจะต้องดมฝุ่น ฉันจะต้องเจอของสมณาคุณแบบนี้ด้วยหรือ?
แท้จริงแล้วควันดำที่เราต้องเผชิญ คือเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งในถนนเส้นนึงเราเจอรถเมล์ตั้งไม่รู้กี่คัน ต้องเจอควันดำขนาดนี้ไม่รู้กี่ครั้ง ขณะที่มีข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษที่ยืนยันว่าฝุ่นควันร้อยละ 40 ที่เรา ๆ สูดดมอยู่ในขณะนี้ก็เกิดจากควันดำรถยนต์ที่เครื่องยนต์เผาไหม้ไม่สมบูรณ์นี่เอง
ยังไม่นับรวมกับควันที่เกิดจากเครื่องยนต์ของเรือที่ทั้งดำ ทั้งเหม็น ถ้าคุณเป็นคนที่เคยนั่งเรือโดยสารคงจะได้สัมผัส “ควัน” เหล่านี้เวลาเรือจอดเทียบท่า ที่น่าจะเป็นสารพิษสะสมในร่างกายถ้าต้องใช้บริการทุกวัน
ล่าสุดรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมก็ลงไปเข้มงวดกวดขันกับเรื่องนี้บ้างแล้ว โดยเมื่อลงพื้นที่ท่านรัฐมนตรีก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า จริง ๆ แล้วค่าควันดำของรถร่วมส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับไม่เกินมาตรฐานทั้งที่หลักฐานก็ดูจะค้านสายตาเหลือเกิน
การรณรงค์ให้ใช้ขนส่งสาธารณะเป็นทางเลือกที่ดีอย่างน้อยก็น่าจะช่วยลดปริมาณรถที่อัดแน่นอยู่บนถนนซึ่งก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดฝุ่นควัน แต่ก็ควรที่จะปรับปรุงและพัฒนาให้ดีโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย และได้รับความสะดวกสบายในการใช้ขนส่งมวลชน ไม่ใช่ต้องรู้สึกเสี่ยงอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.thairath.co.th/content/1476310
https://www.thebangkokinsight.com/91412/
http://www.pcd.go.th/info_serv/air_roadInspect.html
https://mgronline.com/business/detail/9620000005930
https://mgronline.com/daily/detail/9620000007704
ความเห็น 31
Yarkkydooky
แก้แบบรูปหน้าปะจมูกอำนาจมีเยอะแยะไม่แก้ไขจริงจัง ขส.มก.ตัวสร้างมลพิษอันดับหนึ่งใน กทม ทั้งรถร่วม รถสองแถว เฮ้ยๆๆๆ
09 เม.ย. 2562 เวลา 14.25 น.
จ.ส.ต.ศิริพงศ์ จ.
เปลี่ยนรถเมล์ ให้เป็นรถแอร์ทุกเส้น ห้ามมีควันดำ เหมือนรถยูโร 2 - 4 แค่นี้คุณภาพฝุ่นก็ดีขึ้น คุณภาพประชาชนก็ดีขึ้น อย่าสักแต่หากำไรกับประชาชน แต่การบริการ เฮงซวย สู้เอาเงินที่เสียค่ารถทุกวันมารวมกัน จ่ายค่าผ่อนรถต่อเดือนยังดีกว่า แล้วยังงี้เขาจะเลือกใช้รถเมล์สภาพคร่ำครึอยู่ทำไม
09 เม.ย. 2562 เวลา 04.40 น.
PS
รถเมล์แอร์บ้านเรา50%ร้อน 50%เย็น แต่ที่เหมือนกันหมดคือ นั่งไป 15นาทีก็ซึมง่วงนอน พอหยิบหน้ากากกันฝุ่นมาใส่ก็หายง่วง เพราะว่าอากาศที่หมุนเวียนในรถฝุ่นเยอะมาก สมองคนจัดการมันคิดแค่แอร์เย็นอย่างเดียว ไม่เคยทำความสะอาดท่อลม ไส้กรอง
09 เม.ย. 2562 เวลา 03.11 น.
วิธีแก้ปัญหาแต่ละข้อนิ ไร้สมองจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือความคิดผู้นำ แก้ที่ต้นเหตุสิคะ จะมาอะไรกะฉีดน้ำ ทำฝนทีม ไม่เห็นจะช่วยอะไรได้ กว่าจะคิดออกว่าทำยังไง ประชาชนคงเป็นโรคทางเดินหายใจตายหมด
24 ม.ค. 2562 เวลา 10.16 น.
🦅Kamol yoriya🦅
จักรยานครับ
24 ม.ค. 2562 เวลา 07.06 น.
ดูทั้งหมด