รถเราเตี้ยหรือไฟเขาสูง! “ไฟรถแสบตา” ผิดที่กฎหมาย? หรือผิดที่อะไร?
หลายคนที่ใช้รถใช้ถนนในบ้านเมืองเรา ก็คงเคยประสบปัญหาการขับรถกลางคืน แล้วพบกับแสงไฟสว่างจ้าแยงตาของรถคันที่สวนมา ให้เบลอไม่ค่อยอยากจะขับไปต่อข้างหน้าเร็ว ๆ หรือไม่ก็คงต้องเคยรำคาญการถูกรถยนต์ไฟสว่างจ้า / รถยนต์คันใหญ่ที่มีตำแหน่งไฟหน้าสูง ขับตามหลังให้แสงสะท้อนแยงตา ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ทั้ง “ผู้ใช้รถ” และ “ผู้ใช้ถนน” ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เอาง่าย ๆ
โดยเฉพาะรถยนต์ที่เปลี่ยนไฟหน้าเป็น "ไฟซีนอน(Xenon)” หรือที่เรียกว่าHID (HYPER INTENSITY DISCHARGE) ซึ่งพัฒนามาจากโคมไฮโดรเจน มีความเข้มของแสงมากกว่าไฮโดรเจนถึง 2 เท่า จึงทำให้ช่วงหนึ่งที่หลาย ๆ คนอยากจะให้ไฟหน้ารถของตนเองส่องสว่าง เห็นทางข้างหน้าชัด ต่างไปสั่งซื้อมาใช้ แต่เมื่อเอาสะดวก สบายใจทางฝั่งเรา กลับทำให้ฝั่งผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกับเราเกิดความเดือดร้อนรำคาญ ไปจนกระทั่งเสียชีวิตก็มี แต่ก็ยังเห็น ๆ กันอยู่ว่า ยังมีเจ้าของรถบางคันที่ยังใช้ไฟซีนอนกันอยู่ รวมทั้งรถยนต์บางคันก็มีจุดติดตั้งไฟที่ “แยงตา” จึงนำมาสู่คำถามที่ว่า แท้จริงแล้วการออกแบบรถยนต์ที่ติดตั้งไฟในตำแหน่งที่สูงเป็นเพราะการออกแบบรถที่มีปัญหารวมไปทั้งการใช้ไฟซีนอนนั้นผิดกฏหมายหรือไม่สะท้อนว่า“กฏหมายไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์” อย่างที่เขาว่ากันหรือ?
สำหรับกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับลักษณะการใช้ไฟหน้ารถนั้น มีอยู่ 3 ฉบับประกอบกันก็คือ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 / มาตรา 12 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และ กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 ( พ.ศ. 2522 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย )
ลักษณะการใช้ไฟหน้ารถตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 นั้น ปรากฏในมาตรา 11 ความว่า “…ในเวลามีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือสิ่งกีดขวางในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเมตรผู้ขับขี่ต้องเปิดไฟหรือใช้แสงสว่างตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง…”
ซึ่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 ( พ.ศ. 2522 ) ออกตามความใน พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 มาตรา 11 และมาตรา 61 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ให้รายละเอียดลักษณะไฟหน้ารถที่ถูกต้อง ดังต่อไปนี้
โคมไฟหน้ารถมี 3 ประเภท คือ
(ก) โคมไฟแสงพุ่งไกล ให้ติดหน้ารถข้างละหนึ่งดวง สูงจากพื้นทางราบถึงจุดศูนย์กลางดวงโคมไฟไม่น้อยกว่า 0.60 เมตร แต่ไม่เกิน 1.35 เมตรโคมไฟทั้งสองข้างอยู่ระดับเดียวกัน ใช้ไฟแสงสีขาวมีกำลังไฟเท่ากันไม่เกินดวงละ 50 วัตต์ มีแสงสว่างให้เห็นพื้นทางได้ชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า100 เมตร ศูนย์รวมแสงต้องไม่สูงกว่าแนวขนานพื้นทางราบ และไม่เฉไปทางขวา
(ข) โคมไฟแสงพุ่งต่ำ ให้ติดหน้ารถข้างข้างละหนึ่งดวง สูงจากพื้นราบถึงจุดศูนย์กลางดวงโคมไฟไม่น้อยกว่า 0.60 เมตร แต่ไม่เกิน 1.35 เมตร โคมไฟทั้งสองข้างต้องอยู่ในระดับเดียวกัน ใช้ไฟแสงสีขาวมีกำลังไฟเท่ากันไม่เกินดวงละ 50 วัตต์ มีแสงสว่างให้เห็นพื้นทางชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า 30 เมตร ศูนย์รวมแสงต้องอยู่ต่ำกว่าแนวขนานกับพื้นทางราบไม่น้อยกว่า 2 องศา หรือ 0.20 เมตร ในระยะ 7.50 เมตร และไม่เฉไปทางขวา
(ค) โคมไฟเล็ก ให้ติดหน้ารถอย่างน้อยข้างละหนึ่งดวง โดยให้อยู่ทางริมสุด แต่จะล้ำเข้ามาได้ไม่เกิน 0.40 เมตร โคมไฟทั้งสองข้างต้องอยู่ในระดับเดียวกัน ใช้ไฟแสงขาวหรือแสงเหลืองมีกำลังไฟเท่ากันไม่เกินดวงละ 10 วัตต์ และต้องมีแสงสว่างสามารถมองเห็นได้จากระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร
โคมไฟแสงพุ่งไกล โคมไฟแสงพุ่งต่ำและโคมไฟเล็กจะรวมอยู่ในดวงเดียวกันก็ได้
ทั้งยังระบุไว้โดยสรุปว่าไฟหน้าของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ทุกชนิดที่ใช้งานบนท้องถนน จะต้องมีแสงสีขาวหรือเหลืองอ่อน
และสุดท้ายกฏหมายที่ระบุลักษณะการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการใช้ไฟหน้ารถก็คือ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ความว่า
“…รถใดที่จดทะเบียนแล้ว หากปรากฏในภายหลังว่ารถนั้นมีส่วนควบหรือ เครื่องอุปกรณ์สําหรับรถไม่ครบถ้วนถูกต้องตามที่กําหนดในกฎกระทรวง หรือเพิ่มสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถนั้นจนกว่าจะจัดให้มีครบถ้วนถูกต้องหรือเอาออกแล้ว ในกรณีที่นายทะเบียนเห็นว่าเจ้าของรถไม่อาจจัดให้มีครบถ้วนถูกต้องหรือเอาออกได้ให้นายทะเบียนสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนรถนั้น…”
ซึ่งการกระทำผิดดังกล่าวนั้นต้องระวางโทษปรับไม่เกิน2,000 บาท
สรุปแล้วก็คือ ไฟซีนอนนั้นสามารถติดตั้งได้หากมีค่าอุณหภูมิสีหรือค่าK (Kelvin) และค่าความสว่าง(Lumen) ของหลอดซีนอนตรงตามที่กฏหมายระบุ นั่นคือเป็นสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ซึ่งเมื่อค่าอุณหภูมิสี หรือค่า K ยิ่งสูง สีก็จะยิ่งขาวขึ้น (เราลองคิดถึงลักษณะของแสงที่ยิ่งสว่างขึ้นก็จะยิ่งเป็นแสงขาว และให้ความสว่าง เปรียบเทียบง่าย ๆ กับแสงเทียนและหลอดไฟนีออน) และเมื่อขาวที่สุดแล้ว สีที่เห็นก็จะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นฟ้า สีม่วง และชมพูตามลำดับ และเมื่อสูงจนเกินไปจะฟุ้งกระจายสร้างความรำคาญและลดทัศนะวิสัยการมองของผู้ใช้รถใช้ถนน ส่วนค่าความสว่างนั้นมีหน่วยเป็น Lumen ค่ายิ่งสูงยิ่งสว่างยิ่งมองเห็นชัดเจน
ดังนั้นการติดตั้งไฟซีนอนควรติดตั้งไฟซีนอนในโคมโปรเจคเตอร์หรือเลนส์รวมแสงที่คุมลำแสงไม่ให้ฟุ้งกระจายไม่รบกวนสายตาแก่ผู้ขับขี่รถร่วมเส้นทางต้องติดตั้งหลอดที่มีระดับของสีระหว่าง3,800 - 6,000 K ซึ่งจะทำให้ได้ค่าสีที่อยู่ในโทนสีขาวตามที่กฎหมายกำหนดและมีค่าสีและแสงใกล้เคียงกับค่ามาตรฐานที่ติดตั้งจากโรงงานมากที่สุด (ค่าจากโรงงานคือ 4,300 K มีค่าความสว่างที่ 3,800 Lumen) *และต้องนำเข้าตรวจสภาพเพื่อขออนุญาตกับกรมการขนส่งทางบก *
ถึงแม้จะไม่ผิดกฏหมาย แต่ด้วยค่าอุณหภูมิสีและค่าความสว่างที่มากกว่าปกติ ถ้าจอดรถต่อท้ายรถยนต์คันอื่น ๆเป็นเวลานานการหรี่ไฟลงบ้างก็เป็นการแสดงน้ำใจได้ดีทีเดียว
**************
ข้อมูลเพิ่มเติม:
http://www.nationtv.tv/main/content/378491512/
https://news.thaipbs.or.th/content/250584
https://www.dailynews.co.th/article/305418
http://www.highway.police.go.th/highway4-20-9999-update.pdf
http://www.highway.police.go.th/highway2-20-9999-update.pdf
http://law.longdo.com/law/288/sub16401
ความเห็น 116
I m Poy🤗 success
ถ้าทุกคนติดเพราะอยากสว่างเหมือนกันจะเป็นยังไง🤔🤔🤔
04 ก.พ. 2562 เวลา 01.53 น.
Off
เราว่าไฟเบนซ์ สว่างดีนะ ไม่เห็นแสบตาแบบพวกรถที่เปลี่ยนไฟเลย น่าจะใช้แบบเดียวกัน ปลอดภัยดี
24 ม.ค. 2562 เวลา 00.50 น.
Jaasek"คนเท่ากัน.!"
ทุกวันนี้เยอะมากรถแบบนี้มอไซก้อมี..
23 ม.ค. 2562 เวลา 05.15 น.
au1911r
ไว้ไปส่องตาโคตรพ่อโคตรแม่มึงซะไอ้สัสทำคนอื่นเดือดร้อน
23 ม.ค. 2562 เวลา 01.21 น.
KwanG
นอกจากจะแยงตามันยังกลิ้งๆๆๆหมุนๆๆๆอะไรของมันก็ไม่รู้
22 ม.ค. 2562 เวลา 16.32 น.
ดูทั้งหมด