โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

"เซียนฮง" โผล่ถือหุ้น CCET-KLINIQ ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ TOP 5 หุ้น CCET ราคาหุ้นรอบ 8 เดือนทะยานกว่า 80%

Share2Trade

อัพเดต 13 ก.ย 2567 เวลา 08.30 น. • เผยแพร่ 14 ก.ย 2567 เวลา 07.00 น. • Share2Trade

ในช่วงเดือนกันยายน 2567 บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น หลังการเมืองเดินหน้าได้ ซึ่งหุ้นขนาดใหญ่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างคึกคัก

เซียนฮง โผล่ถือหุ้น_S2T (เว็บ) copy.jpg

จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนพอร์ตลงทุนของ"สถาพร งามเรืองพงศ์" หรือเซียนฮง ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่รู้จักกันดี โดยปัจจุบันมีพอร์ตลงทุนในหุ้นจำนวน 18 บริษัท

BE8 จำนวน 20,141,760 หุ้น คิดเป็น 7.61% BVG 4,185,600 หุ้น คิดเป็น 0.93% CCET 132,320,700 หุ้น คิดเป็น 1.27%

CHAO 6,050,000 หุ้น คิดเป็น 2.02 % DITTO 42,039,404 หุ้น คิดเป็น 6.06 % KLINIQ 4,591,300 หุ้น คิดเป็น 2.09 %

LTS 4,000,000 หุ้น คิดเป็น 1.94 % MALEE 25,001,400 หุ้น คิดเป็น 4.58 % MICRO 24,357,300 หุ้น คิดเป็น 2.61 %

MOSHI 2,209,200 หุ้น คิดเป็น 0.67 % NEO 6,000,000 หุ้น คิดเป็น 2 % PROUD 11,000,000 หุ้น คิดเป็น 1.13 %

ROJNA 22,606,500 หุ้น คิดเป็น 1.12 % STA 21,569,800หุ้น คิดเป็น 1.4 % TAN 1,719,400 หุ้น คิดเป็น 0.57 %

TEAMG 41,232,080 หุ้น คิดเป็น5.04 % TKN 19,768,200 หุ้น คิดเป็น1.43 % TRP 4,200,000 หุ้น คิดเป็น 1.2 %

ทั้งนี้จากข้อมูลข้างต้น เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นในครั้งก่อน พบว่า เซียนฮง ได้เข้ามาถือ 2 หุ้นได้แก่ หุ้นCCET และหุ้นKLINIQ จากเดิมไม่ปรากฎการถือหุ้นมาก่อน

ขณะเดียวกันยังพบว่า เซียนฮง ได้เข้ามาลงทุนซื้อหุ้นCCET จำนวนสูงถึง 132,320,700 หุ้น คิดเป็น 1.27% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 5 ในทันที

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของCCET 5 อันดับแรก ล่าสุด ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2567 ดังนี้ KINPO ELECTRONICS. INC. 5,223,956,415 หุ้น คิดเป็น 49.99% FAR EASTERN INTERNATIONAL BANK 1,655,366,936 หุ้น คิดเป็น 15.84% KGI ASIA LIMITED 1,590,051,989 หุ้น คิดเป็น 15.22% นาย วิทิต พงศ์พิโรดม 236,350,200 หุ้น คิดเป็น 2.26% นาย สถาพร งามเรืองพงศ์ 132,320,700 หุ้น คิดเป็น 1.27%

ส่วนการเคลื่อนไหวราคาหุ้น CCET ในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปราว 80.77% จากราคา 2.10 บาท มาอยู่ที่ 3.76 บาท

ด้านบล.เคจีไอ (ประเทศไทย)ระบุว่า แนะนำ ซื้อCCET ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท เนื่องจากประชุมนักวิเคราะห์ ปรับปรุงประมาณการฯ ปรับไปใช้เป้าหมายปี 2568

ปรับสมมติฐานและเพิ่มประมาณการกำไรปี 2567 - 2568

กำไรไตรมาส 2/67 ของ CCET เติบโตสอดคล้องกับความคาดหมาย แต่รายการทางบัญชีแตกต่างจากที่คาดการณ์ไว้ จากข้อมูลในการประชุมนักวิเคราะห์ เราได้ปรับปรุงสมมติฐานดังนี้ 1) ลดประมาณการรายได้ปี 2567 – 68 ลง 5% และ 1.5% เหลือ 14.6 พันล้านบาท และ 15.8 พันล้านบาท ตามลำดับ

คาดว่ารายได้จะฟื้นตัวต่อเนื่องในครึ่งแรกของปี 67 เนื่องจากการ Restock ทั่วโลกและการเพิ่มสัดส่วนการผลิตสินค้าใหม่ที่มีอัตรากำไรสูง อย่างไรก็ตาม ประมาณการก่อนหน้านี้ของเราประเมินโรงงานใหม่ในจังหวัดเพชรบุรีสูงเกินไป เนื่องจากโรงงานจะเริ่มการทดสอบการผลิตในไตรมาส 4/67 และเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 68

2) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาส 2/67 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 1.1 พันล้านบาท (จาก 760 ล้านบาทในไตรมาส 1/67) หลังจากสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 3.05% ในไตรมาส 2/67 จาก 2.4% ในไตรมาส 1/67 คาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะคงอยู่ที่ 1 พันล้านบาทต่อไตรมาสในครึ่งหลังปี 67 และปี 2568 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการวิจัยพัฒนาและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่

3) ปรับลดดอกเบี้ยรับสุทธิ (ดอกเบี้ยรับ - ดอกเบี้ยจ่าย) เหลือ 89 ล้านบาท (จาก 234 ล้านบาทในไตรมาส 1/67) เนื่องจากการชำระคืนเงินกู้เร็วกว่าที่คาด โดยเงินกู้ระยะยาวลดลงจาก 11.3 พันล้านบาทในไตรมาส 1/67 เหลือ 8.5 พันล้านบาทในไตรมาส 2/67

อย่างไรก็ตาม เราตั้งสมมติฐานอย่างระมัดระวังว่าต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในครึ่งหลังปี 67 เป็นราว 150 ล้านบาทต่อไตรมาส จาก 89 ล้านบาทในไตรมาส 2/67 เนื่องจากคาดจะมีรายจ่ายลงทุนสำหรับโรงงานใหม่

4) เรายังคงสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 5.49% ในปีไตรมาส 1/67 และ 5.55% ในปีไตรมาส 1/68 โดยรวมแล้ว เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 – 68 ขึ้น 11% และ 20% เป็น 2.6 พันล้านบาท และ 3.2 พันล้านบาท ตามลำดับ

ความตึงเครียดทางการค้าเป็นโอกาส

สงครามการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่าง “สหรัฐฯ-จีน” รวมทั้ง “จีน-ไต้หวัน” จะทำให้เกิดการเร่งการย้ายฐานการผลิตมาไทยและประเทศอื่นๆ โดย CCET เริ่มได้รับประโยชน์จากแนวโน้มนี้แล้ว ล่าสุดมีลูกค้ารายใหญ่ 2 ราย จากจีนและเวียดนาม กำลังจะย้ายการผลิตมายังโรงงานแห่งใหม่ของ CCET เพื่อกระจายความเสี่ยงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์

นอกจากนี้ ธุรกิจ EV charger ที่เป็นสินค้าใหม่ของ CCET คาดจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯ-จีน เนื่องจากล่าสุดทางการสหรัฐฯใช้มาตรการทางภาษีกับค่ายรถ EV จีน ขณะที่ลูกค้าของ CCET เป็นผู้ผลิต EV charger รายใหญ่ที่สหรัฐฯ (ส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในสหรัฐฯ)

การผลิตสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงจะขับเคลื่อนกำไร

อัตรากำไรขั้นต้นของ CCET เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 1/67 และไตรมาส 2/67 ตามคาด เนื่องจากบริษัทลดสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรต่ำ (โดยเฉพาะ HHDs) และเพิ่มสัดส่วนสินค้าใหม่ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น อย่างไรก็ดีเรายังคงสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นแบบอนุรักษ์นิยมไว้ โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นในในครึ่งหลังปี 67 จะทรงตัวที่ราว 5.5% ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยในครึ่งแรกปี 67 และแนวโน้มจะทยอยปรับสูงขึ้นในปี 2568 หลังจากสัดส่วนการผลิตสินค้าใหม่เริ่มทยอยเพิ่มขึ้น

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดย EV/EBITDA ที่ 6.8 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต -0.5 S.D. ในขณะที่กำไรปี 2567 -2568 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เราปรับราคาเป้าหมายเป็น 5.10 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 8.8 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต +1.0 S.D.

เซียนฮง โผล่ถือหุ้น_S2T (เพจ) copy.jpg
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...