โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

บล.กสิกรไทย มอง Moody’s หั่นแนวโน้มเครดิตไทยเป็น “เชิงลบ” หวั่นเศรษฐกิจ-คลังอ่อนแอ

การเงินธนาคาร

อัพเดต 30 เม.ย. เวลา 12.19 น. • เผยแพร่ 30 เม.ย. เวลา 05.19 น.

บล.กสิกรไทย ประเมิน Moody's ปรับลดแนวโน้มเครดิตของไทย สะท้อนความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจและฐานะการคลังที่เปราะบางลง ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกและภายในประเทศ ชี้ปัจจัยหลักมาจาก "สงครามการค้า" และผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยจำกัด

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย (บล.กสิกรไทย) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ถึง กรณีที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือMoody's ได้ประกาศปรับลดแนวโน้มเครดิตของประเทศไทยจากระดับ "มีเสถียรภาพ" ลงมาอยู่ที่ "เชิงลบ" โดยให้เหตุผลถึงสภาวะเศรษฐกิจและสถานะทางการคลังของประเทศที่อ่อนตัวลง

ถึงแม้Moody's จะยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้รัฐบาลไทยไว้ที่ Baa1 แต่การปรับลดแนวโน้มในครั้งนี้สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและการคลังของไทยที่อาจเผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน รวมถึงความเสี่ยงจากการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมโดยสหรัฐฯ ภายหลังการระงับการเก็บภาษี 90 วัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและศักยภาพการเติบโตในระยะยาว

นอกจากนี้Moody's ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการคลังของรัฐบาลที่อ่อนแอลงนับตั้งแต่การระบาดใหญ่ของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม สถาบันฯ ยังคงเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังมีความสามารถในการรับมือจากดุลบัญชีเงินทุนต่างประเทศที่เข้มแข็ง และกรอบนโยบายที่แข็งแกร่ง

บล.กสิกรไทย วิเคราะห์ว่า สาเหตุหลักของการปรับลดแนวโน้มเครดิตในครั้งนี้น่าจะมาจากปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "สงครามการค้า" และการเก็บภาษีตอบโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ มากกว่าที่จะเป็นผลมาจากนโยบายเศรษฐกิจภายในประเทศ หรือสถานะทางการคลังของไทยโดยตรง

ทั้งนี้ Moody'sได้ย้ำว่าประเทศไทยยังคงมีสถานะการเงินต่างประเทศที่แข็งแกร่ง สะท้อนจากระดับเงินสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง และหนี้ต่างประเทศของรัฐบาลที่อยู่ในระดับต่ำมาก โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้ในประเทศและอยู่ในสกุลเงินบาท ดังนั้น การปรับลดแนวโน้มในครั้งนี้จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการกู้ยืมของรัฐบาลในทันที หรือทำให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มสูงขึ้น

บล.กสิกรไทย มองว่า การปรับลดแนวโน้มเครดิตนั้นไม่รุนแรงเท่ากับการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือโดยตรง และไม่ได้สะท้อนมุมมองเชิงลบที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ถือเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และหากสภาวะเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอลง อาจนำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในอนาคต

จากสถิติในอดีต การปรับลดแนวโน้มเครดิตมักจะนำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือเพียงครั้งเดียวในช่วงวิกฤตการเงินเอเชีย (AFC) ส่วนในกรณีอื่น ๆ มักจะสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และมีแนวโน้มที่จะถูกปรับกลับขึ้นเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

นอกจากนี้ ข้อมูลในอดีตยังบ่งชี้ว่า โดยเฉลี่ยแล้ว การปรับลดแนวโน้มโดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (ไม่นับช่วงวิกฤต AFC) มักจะตามมาด้วยการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของดัชนีตลาด ดังนั้น บล.กสิกรไทยจึงเชื่อว่าผลกระทบต่อดัชนี SET จากการปรับลดแนวโน้มของ Moody's น่าจะมีจำกัด

อย่างไรก็ตาม การปรับลดแนวโน้มเครดิตของMoody's ในครั้งนี้ยังเป็นการตอกย้ำมุมมองของ บล.กสิกรไทย ที่ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับความอ่อนแอ และจำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการเติบโตให้กลับสู่ระดับศักยภาพ ซึ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มธนาคาร ทั้งในแง่ของความต้องการสินเชื่อที่อ่อนแอ คุณภาพสินทรัพย์ที่ลดลง และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ที่ลดลง

อ่านข่าว เศรษฐกิจทั่วไทย ทั้งหมด ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...