7 เรื่องการครองชีพ “ครัวเรือนไทยกังวลมากที่สุด”
ปัจจุบันค่าครองชีพของครัวเรือนค่อนข้างสูง และมีรายจ่ายมาก บางครัวเรือนต้องกู้หนี้ยืมสินนอกระบบเพื่อมาใช้จ่ายในครัวเรือน เหตุรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ทำให้เกิดปัญหาหนี้สินตามมา โดยครัวเรือนยังคงมีความกังวลในเรื่องต่าง ๆ อยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟ รายได้ ดอกเบี้ยสูง หรือแม้กระทั่งพืชผลการเกษตรที่ถูกกระทบจากภัยธรรมชาติ
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” เปิดข้อมูลความกังวลของครัวเรือนไทย ต่อค่าครองชีพในครึ่งปีหลัง 2566 มากที่สุด ได้แก่
1.ค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง เช่น ค่าไฟฟ้า เป็นต้น 74.9%
2.รายได้และการจ้างงาน 50.7%
3.ภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น เช่น ก่อหนี้เพิ่ม อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูง เป็นต้น 38.1%
4.สุขภาพของตนเองและครอบครัว 37.8%
5.ความล่าช้าของการจัดตั้งรัฐบาลอาจมีผลต่อการดำเนินนโยบายต่างๆ 34.5%
6.การนำเงินออมออกมาใช้มากขึ้น 20.0%
7.ผลกระทบจากสภาพอาหารที่แปรปรวน เช่น ผลผลิตทางการเกษตรลดลง 11.1%
นอกจากนี้ ในเดือน ก.ค.66 ครัวเรือนไทยมีระดับความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้าและค่าใช้จ่าย (ไม่รวมหนี้สิน) ลดลง แม้ว่าราคาพลังงานในตลาดโลกยังคงผันผวน และปรับสูงขึ้นในเดือน ก.ค.66 แต่ราคาพลังงานเชื้อเพลิงส่วนใหญ่ในประเทศยังถูกตรึงไว้ที่ระดับเดิม เช่น ราคาก๊าซหุงต้มยังอยู่ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร และค่าไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค.66 อยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย และงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.66 มีแนวโน้มจะปรับลดลงที่ระดับ 4.45 บาทต่อหน่วย
อย่างไรก็ตาม ครัวเรือนในระยะต่อไปยังมีปัจจัยท้าทาย ทั้งปัจจัยภายนอกประเทศอย่างการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เข้ามากดดันภาคการส่งออกของไทย และการส่งผ่านต้นทุนทางการเงินจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ยังมีความไม่แน่นอนจากการส่งผ่านต้นทุนผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค สภาพอากาศที่แปรปรวนจากผลของปรากฏการณ์เอลนีโญ และความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่ยังคงอยู่ในสภาวะสุญญากาศ ก็ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป