โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ท่องเที่ยว

นั่งรถไฟไปกาญ แค่ 39 บาท! เที่ยวง่าย พักสบายกระเป๋าใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน - Dream-im

LINE TODAY SHOWCASE

เผยแพร่ 14 ธ.ค. 2564 เวลา 11.00 น. • Dream-im

เมื่อใจเรียกร้องบอกว่าอยากเที่ยว หลังต้องอุดอู้อยู่บ้านในช่วงโควิดมานานแสนนาน

ในที่สุดๆ ก็มีมาตรการคลายล็อก โจทย์ของเราในครั้งนี้คือ เดินทางไม่ไกล ไม่ต้องขับรถ ใกล้ธรรมชาติ และต้องมีที่พักพร้อมกิจกรรม คำตอบจึงแมชกับจุดหมายที่หลายๆ ต้องนึกถึง นั่นคือจังหวัดกาญจนบุรี!

กาญจนบุรี จังหวัดที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก แม่น้ำ ภูเขา มีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ เที่ยวได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่

ในครั้งนี้เราทำการบ้านเป็นอย่างดีสำหรับ 2 วัน 1 คืน เพื่อประหยัดงบและไม่เดินทางลำบากจนเกินไป จึงเดินทางโดยรถไฟและซื้อแพ็กเกจที่พักพร้อมอาหารและกิจกรรม (ที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ลดถึง 40% จากราคาปกติ)

เรามาขึ้นรถไฟที่สถานีต้นทาง “สถานีธนบุรี” เปิดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าก่อนเดินทาง 2 ชั่วโมง ยื่นบัตรประชาชนพร้อมแจ้งปลายทาง สถานีน้ำตก ราคาแค่ 39 บาทต่อเที่ยว ย้ำ! แค่ 39 บาท

แม่เจ้า! ถูกอะไรเบอร์นี้ เป็นรถขบวนธรรมดา พัดลม ไม่ระบุที่นั่ง ไม่เช้าแล้วคนเริ่มทยอยมา บ้างเป็นคู่ บ้างเป็นกลุ่ม ดูคึกคักอย่างเห็นได้ชัด

07.45 น. รถไฟมาถึงตรงเวลาเป๊ะ! เลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ ส่วนตัวแนะนำให้นั่งด้านขวามือจะได้ไม่ร้อนนะคะ แต่ถ้านั่งด้านซ้ายจะได้ภาพวิวที่สวยกว่า

แล้วรถไฟก็ค่อยๆ ออกจากชานชาลา จอดรับผู้โดยสารตามสถานีต่างๆ ระหว่างทางมีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายของเป็นระยะๆ ทั้งหมูทอด ไก่ทอด น้ำเปล่าเย็นๆ ขนม ผลไม้ เอาเป็นว่านั่งไปกินไป สบายอุราไม่เหงาปากแน่นอน

นั่งกินลมชมวิวไปพลางๆ ราวๆ 4 ชั่วโมง เมื่อถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว ไฮไลท์ที่ต้อง ห้าม พลาด! ใครหลับอยู่ ตื่นๆ ค่ะ รถไฟจะค่อยๆ เคลื่อนขบวนข้ามสะพาน มีมือถือ มีกล้องยกขึ้นมาแชะๆ กันรัวๆ

หรือจะโบกไม้โบกมือทักทายนักท่องเที่ยวที่ยืนอยู่บนสะพาน ถือโอกาสรับลมเย็นๆ ชมวิวแม่น้ำ ถ่ายรูปสวยไปอวดเพื่อน ลงโซเชียลมีเดียเก๋ๆ กันค่ะ

รถไฟจะค่อยๆ ไต่ไปตามทางบนเขา โปรดระวังกิ่งไม้และใบไม้ข้างหน้าต่าง แนะนำให้เตรียมหมวกไปจะได้ปลอดภัยนะคะ เตรียมตัวสำหรับจุดไฮไลท์ต่อไปกันหรือยังคะ? เซ็ทกล้องให้พร้อม!

เราขอแนะนำให้รู้จักกับจุดที่ทำให้คนรู้จักเมืองไทยไปทั่วโลก กับภาพหัวรถไฟค่อยๆ โค้งไปตามรางรถไฟ เลียบแม่น้ำ ที่มีวิวต้นไม้ และภูเขาอยู่สองข้าง เราถ่ายวิวข้างทางมาให้ชมกันค่ะ

พอหอมปากหอมคอกันแล้ว ยังไม่หมดน๊า พักกันสักหน่อย จุดต่อไปที่เราภูมิใจนำเสนอคือ อเมซอนแห่งเมืองไทยยยยยย!!

ภาพแม่น้ำที่ไหลคดเคี้ยวไปมาระหว่างช่องเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ถ้ามาช่วงหน้าฝนจะได้บรรยากาศกว่านี้หน่อยนะคะ แอบกระซิบว่านั่งรถ นั่งเรือ นั่งเครื่องบินก็ไม่ได้ภาพนี้นะคะจะบอกให้ ต้องมารถไฟเท่านั้น

จากนั้นเราก็มาถึงปลายทาง สถานีน้ำตกกันค่ะ เราตัดสินใจเหมารถสองแถวไปที่โรงแรม แต่ระหว่างทางหิวมาก เลยขอให้พี่คนขับแวะร้านข้างทางแถวน้ำตกไทรโยคน้อยเพื่อซื้อของกิน

ปรากฏว่าคนเยอะมาก! แม่ค้าขายไม่ทัน เลยรับบทคนขายไก่แล้วหนึ่งอัตรา พ่วงด้วยพี่คนขับที่มารัดถุงน้ำจิ้มไก่ย่างให้ ทำงานเป็นทีม ยอดเยี่ยมค่ะ ปรบมือ

เดินทางราวๆ 15 นาทีจากสถานีรถไฟก็มาถึงที่พัก "โรงแรมริเวอร์แคววิลเลจ" ด้านหน้าจะเป็นจุดเล่นกิจกรรมแอดเวนเจอร์ ส่วนด้านในเป็นโซนที่พักค่ะ บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ อากาศไม่ร้อนมาก

เช็กอินพร้อมมีเวลคัมดริ๊งเป็นน้ำกระเจี๊ยบเย็นๆ สำหรับใครที่ใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันจะต้องเปิดแอพเป๋าตังเพื่อเช็กอินและให้เจ้าหน้าที่สแกนใบหน้าของเราเพื่อเป็นการยืนยัน มีค่ามัดจำ 1,000 บาท แล้วจะได้รับกุญแจห้อง พร้อมบัตรอาหารเย็น บัตรกิจกรรม และบัตรค่ามัดจำ

เราได้พักที่ห้องคลิฟวิงที่รีโนเวทใหม่ เห็นวิวแม่น้ำและภูเขา เปิดเข้ามาเป็นเตียงขนาดใหญ่ มีมุมให้นั่งเหยียดขาแล้วถ่ายรูปเก๋ๆ และมีน้ำดื่มกับขนมให้บริการฟรีด้วย

มื้อเย็นของเราในวันนี้คือ!!! เซตหมูกระทะ นั่งทานบริเวณลานที่เป็นทั้งกึ่งๆ บาร์เปิดถึงห้าทุ่ม มีดนตรีสด กินไปฟังไปชิลๆ หมูกระทะแบบจัดเซตมีทั้งหมู ไก่ และผัก ด้านข้างมีมุมอาหารให้บริการ เช่น สลัด ผักทอด ผลไม้ ของหวาน ข้าวผัด ส่วนเครื่องดื่มสั่งกับพนักงานได้เลยค่ะ

บริเวณโถงต้อนรับมีจัดมุมต้นคริสต์มาสประดับไฟ และมีเต็นท์สำหรับแคมป์ปิ้งบริเวณสวน ใครผ่านไปผ่านมา ถ่ายรูปได้น๊า

เช้าวันต่อมา เรามารับประทานอาหารเช้า มีทั้งอเมริกันเบรคฟาสต์ ข้าวต้ม สลัด ผลไม้ เครื่องดื่ม กองทัพต้องดินด้วยท้อง เมื่อท้องอิ่มแล้วเดินไปรอขึ้นเรือกันค่ะ

ที่นี่จะมีเรือให้บริการไปทำสปาอีกจุดของโรงแรม เดินทางประมาณ 5 นาที มีเรือเป็นรอบๆ ลงเรือแล้วไปกันค่ะ

เมื่อมาถึงแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ แพ็กเกจที่เราซื้อจะรวมแช่น้ำร้อนและสปาหน้าหรือสปาเท้า แต่น่าเสียดายที่เวลามีจำกัด ต้องรีบไปขึ้นรถไฟจึงเลือกทำแค่สปาหน้า พนักงานจะพอกหน้าด้วยภูโคลน นวดๆ ประมาณ 10 นาที แล้วพอกทิ้งไว้อีกราว 20 นาทีจึงล้างออก

มาเที่ยวทั้งที ของกินของเด็ดจะพลาดได้ไง ที่นี่มีเครื่องดื่มแนะนำคือ “น้ำอ้อยดำ” คั้นกันสดๆ หวานเย็นชื่นใจ แก้วละ 50 บาท จิ๊บไป นั่งชมวิวไป

ส่วนใครที่ไม่ได้ลงแช่น้ำร้อน สามารถเดินดูรอบๆ ได้นะคะ น้ำร้อนมีหลายบ่อให้บริการซึ่งจะมีสรรพคุณที่แตกต่างกันไป รวมถึงมีบริการสปาตัว พอกภูโคลน และนวดแผนไทยด้วย มาที่เดียวจบครบทุกอย่างจริงๆ

เรือมารับเวลา 11 โมงเพื่อนำเรากลับไปที่โรงแรม และเก็บของเช็กเอาท์ เรานัดให้พี่คนขับคนเดิมมารับกลับไปส่งที่สถานีรถไฟ

เปิดขายตั๋วก่อนรถไฟออกประมาณ 30 นาที เราจึงแวะทานข้าวเที่ยงแถวสถานีกันก่อน มีทั้งอาหารตามสั่งและอาหารป่า สั่งได้ตามสะดวก

รถไฟมาถึงสถานีแล้วจอดพักประมาณ 15 นาทีเพื่อรับผู้โดยสารขากลับ พอได้เวลา 12.55 น. เสียงระฆังดัง เป็นสัญญาณออกเดินทาง รถไฟมุ่งหน้าสู่ปลายทางสถานีธนบุรี กรุงเทพฯ ขากลับใช้เส้นทางเดียวกันกับขามานะคะ

เราเชื่อว่าการได้ไปสถานที่ใหม่ๆ เจอผู้คนที่หลากหลาย จะช่วยทำให้สภาพจิตใจเราดีขึ้น ไหนๆ วันหยุดนี้ถือโอกาสแพ็คกระเป๋าแล้วก้าวขึ้นรถไฟมาเที่ยวกันนะคะ

0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0