โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

น้องสาวกอดกันร่ำไห้ร้องพี่ชายฮุบที่ดินมรดก 15 ไร่

สำนักข่าวไทย Online

อัพเดต 20 ม.ค. เวลา 19.57 น. • เผยแพร่ 20 ม.ค. เวลา 12.57 น. • สำนักข่าวไทย อสมท

บุรีรัมย์ 20 ม.ค. – ป้าตาบอดและน้องสาวชาวบุรีรัมย์ กอดกันร่ำไห้ร้อง “ทนายอั๋น” ช่วย หลังพ่อแม่ตาย พี่ชายคนโตฮุบที่มรดก 15 ไร่ ไม่แบ่งพี่น้องอีก 7 คน ยื่นฟ้องศาลจนชนะคดีตั้งแต่ปี 57 ศาลสั่งให้แบ่งที่พิพาท แต่พี่ชายไม่สนคำสั่งศาล ฮุบทำกินคนเดียว จนน้องทยอยตายไปแล้ว 3 คน ผ่านไปกว่า 10 ปี น้องที่ชนะคดียังเข้าไปทำกินไม่ได้ เพราะโดนขู่ยิงทิ้ง

นางสัมฤทธิ์ อายุ 66 ปี พิการตาบอด และนางทองดี อายุ 59 ปี สองพี่น้องชาว อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ หอบหลักฐานและคำพิพากษาศาลที่ชนะคดีตั้งแต่ปี 2557 กอดกันร้องไห้ ขอความช่วยเหลือจากนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต พี่ชายคนโตจากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 8 คน ฮุบที่ดินมรดก เนื้อที่ประมาณ 17 ไร่เศษ ซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิครอบครอง ทำกินเพียงผู้เดียว ทั้งที่แม่สั่งเสียไว้ก่อนตายให้แบ่งแก่พี่น้องทุกคนเท่ากัน จากนั้นเมื่อปี 2552 น้องชายและน้องสาวจำนวน 5 คน จึงร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องพี่ชายคนโต

ต่อมาปี 2553 ศาลจังหวัดบุรีรัมย์มีคำพิพากษาให้พี่ชายคนโตซึ่งเป็นจำเลย แบ่งที่ดินแปลงพิพาทดังกล่าวให้แก่น้องทั้ง 5 คน ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง คนละ 1 ใน 7 ของจำนวนที่ดินที่พิพาท และให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้ง 5 คนด้วย

ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น แต่จำเลยยังได้ยื่นฎีกาอีกเมื่อปี 2557 แต่ศาลไม่รับฎีกาของจำเลย ถือว่าคดีสิ้นสุด แต่แม้น้องทั้ง 5 คนที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพี่ชายคนโตที่หวังฮุบที่ดินมรดกคนเดียว จะชนะคดี ศาลสั่งให้แบ่งที่ดินพิพาทเนื้อที่ 17 ไร่ ให้แก่น้องทั้ง 5 คนๆ ละ 1 ใน 7 แล้วก็ตาม แต่พี่ชายคนโตกลับไม่ได้สนคำพิพากษาศาล ยังไปล้อมรั้วสร้างที่อยู่อาศัย ขุดสระครอบครองทำกินแต่เพียงผู้เดียว จนน้องชายทยอยเสียชีวิตไปแล้ว 3 คน ยังไม่เคยได้เข้าไปทำกินในที่ดินมรดกที่ชนะคดีเลย

ปัจจุบันเหลือน้องสาว 2 คนที่ยังมีชีวิต คนหนึ่งตาบอด อีกคนต้องตระเวนไปรับจ้างหากินไปวันๆ เพราะไม่มีที่ทำกินเป็นของตัวเอง เพราะแม้ศาลจะตัดสินให้ชนะคดีให้พี่ชายแบ่งที่พิพาทแล้ว แต่ผ่านไปกว่า 10 ปี ยังไม่มีใครสามารถเข้าไปทำกินในที่ดินดังกล่าวได้เลย เพราะแค่ไปดูพี่ชายก็ขู่ว่าหากใครเข้าไปจะยิงให้ตาย ทุกคนจึงเกิดความกลัว จากกรณีนี้จึงร้องให้ทนายอั๋นช่วยเหลือ เพราะเดือดร้อนไม่มีที่ทำกิน

จากนั้นทนายอั๋น และผู้เสียหาย ได้ลงไปดูพื้นที่พิพาทที่ชนะคดี ซึ่งอยู่ติดถนนในหมู่บ้าน ขณะที่กำลังเดินดูพื้นที่ มีลูกชายของพี่ชายคนโตออกมาใช้มือถือถ่ายภาพทนายความ ผู้สื่อข่าว และผู้เสียหาย พร้อมกับอ้างว่าที่ดินแปลงนี้ตนเป็นคนครอบครองทำกินมากว่า 20 ปีแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับพ่อที่มีการต่อสู้คดีก่อนหน้านี้ และไม่รับรู้เกี่ยวกับคำพิพากษาศาล เพราะตนครอบครองเอง ไม่เกี่ยวกับพ่อ เพราะพ่อไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิมาอ้างสิทธิใดๆ

ด้านทนายอั๋น บอกว่า เท่าที่ลงมาดูคดีนี้ ทางผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องได้ใช้สิทธิทางศาล และศาลพิพากษาแล้วว่าให้จำเลยแบ่งที่ดินที่พิพาทคนละ 1 ใน 7 แก่โจทท์ทั้ง 5 คน ซึ่งคดีดังกล่าวสิ้นสุดแล้ว แต่จำเลยที่แพ้คดีไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล เพราะจำเลยยังอ้างสิทธิการครอบครองทำประโยชน์ผู้เดียว และยังมีการข่มขู่ห้ามใครเข้าไปในที่ดินจะยิงทิ้ง ทำให้โจทก์ที่ชนะคดียังไม่สามารถเข้าไปทำกินหรือทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวได้ ก็ได้ยื่นร้องสำนักนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือ ทางสำนักนายกรัฐมนตรีก็พิจารณาส่งเรื่องมายังอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ หาทางช่วยเหลือด้วยการนำที่ดินแปลงพิพาทดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการขายทอดตลาด แต่ไม่มีใครกล้าซื้อ เพราะจำเลยยังอ้างสิทธิและอยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าว ปัญหาของเรื่องนี้คือจำเลยไม่ยอมรับและปฏิบัติตามคำพิพากษาศาล และลูกชายของจำเลยยังจะมาอ้างสิทธิขึ้นมาใหม่ว่าตนเองครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวมากว่า 20 ปี ไม่เกี่ยวกับพ่อ ทำนองจะสู้คดีใหม่ เหมือนว่าครอบครองปกปักษ์ ซึ่งความจริงทำไม่ได้ เพราะเป็นที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิหรือกรรมสิทธิ์ ส่วนตัวจึงอยากให้มองถึงเรื่องมนุษยธรรม คืออยากให้เห็นความเป็นคนสายเลือดเดียวกัน หากพูดคุยกันได้ก็อยากตกลงคุยกัน แล้วแบ่งกันตามคำสั่งศาล แต่หากไม่แบ่งเป็นที่ดิน อาจจะเยียวยาดูแลน้องๆ ที่เขาชนะคดีแต่ไม่เคยได้ประโยชน์ใดๆ จากที่ดินมรดกดังกล่าวเลย แต่หากยังดื้อ ทางผู้เสียหายสามารถยื่นฟ้องขับไล่ตามกระบวนการได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...