โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

พบ 2 รายใหญ่ "พงศ์ศักดิ์-สุระ" พร้อมใจขายหุ้น PRI เดือนม.ค.ราคาหุ้นร่วง 3.05%

Share2Trade

อัพเดต 31 ม.ค. เวลา 08.52 น. • เผยแพร่ 01 ก.พ. เวลา 07.00 น. • Share2Trade

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือนม.ค. 2568 ดัชนีผันผวนในทิศทางขาลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่ต้องติดตามกันต่อไปการประกาศผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส4/2567 และงวดปี 2567 ของกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ

พบ 2 รายใหญ่ พงศ์ศักดิ์-สุระ_S2T (เว็บ) copy.jpg

จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนการลงทุนของ 2 นักลงทุนรายใหญ่ชื่อดัง อย่าง น.พ. พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี และ สุระ คณิตทวีกุล พบว่า ทั้งคู่ได้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นPRI ลงอย่างชัดเจน ดังนี้

น.พ. พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ล่าสุดถือหุ้นจำนวน 1,904,000 หุ้น คิดเป็น 0.60% จากการปิดสมุดทะเบียนในครั้งก่อนถือหุ้นจำนวน 15,480,000 หุ้น คิดเป็น 4.84% ขณะที่ "สุระ คณิตทวีกุล" ล่าสุดถือหุ้นจำนวน 1,781,600 หุ้นคิดเป็น 0.56% จากเดิมเคยถือ 3,291,700 หุ้นคิดเป็น 1.03%

จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นนักลงทุนรายใหญ่ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นในสัดส่วนที่สูงหากเทียบกับการถือครองในครั้งก่อน สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้น PRI ล่าสุดในเดือนม.ค. 2568 ราคาปรับลดลง 3.05%

ทั้งนี้ รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ PRI ณ เดือนพ.ย. 2567 ประกอบด้วย

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นจำนวน 239,999,960 หุ้น คิดเป็น 75.00%

นาย สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุลถือหุ้นจำนวน 9,497,800หุ้น คิดเป็น 2.97%

นาย สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล โดยบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)ถือหุ้นจำนวน 4,458,500หุ้น คิดเป็น 1.39%

นาย มนตรี ช้างทองสิริ ถือหุ้นจำนวน 3,130,000หุ้น คิดเป็น 0.98%

น.พ. พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ถือหุ้นจำนวน 1,904,000หุ้น คิดเป็น 0.60%

บริษัท สุภาเอกซ์ จำกัด ถือหุ้นจำนวน 1,800,000หุ้น คิดเป็น 0.56%

นาย สุระ คณิตทวีกุล ถือหุ้นจำนวน 1,781,600หุ้น คิดเป็น 0.56%

บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้นจำนวน 1,686,797หุ้น คิดเป็น 0.53%

นาย มนต์ชัย ลีศิริกุล ถือหุ้นจำนวน 1,623,000หุ้น คิดเป็น 0.51%

นาย รัตนชัย จิระวันชัยกุล ถือหุ้นจำนวน 1,500,000หุ้น คิดเป็น 0.47%

บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ชั้นนำของประเทศ ด้วยประสบการณ์กว่า 14 ปี ดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่

1.กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ – บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) ได้แก่ บริการให้คำปรึกษาและควบคุมงานก่อสร้างโครงการอสังหาฯ บริการออกแบบสถาปัตยกรรมงานวิศวกรรมโครงสร้างควบคุมการก่อสร้าง และบริการควบคุมการก่อสร้าง งานวิศวกรรมและการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิค

2.กลุ่มกลางน้ำ – บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) ได้แก่ บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้า อาคาร และสำนักงาน บริการนิติบุคคลอาคารชุดแบบลักชัวรี่ การบริหารจัดการ Residential Property และ Service Apartment บริการซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ตัวแทนในการซื้อ-ขาย-เช่าบริการจัดหาผู้ร่วมลงทุน บริการที่ปรึกษาด้านสื่อการตลาดและประชาสัมพันธ์ให้กับธุรกิจอสังหาฯ บริการ Personal Assistant ให้แก่ชาวต่างชาติ และบริการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการบริการ และเทคโนโลยีด้านการอยู่อาศัย

3.กลุ่มปลายน้ำ – บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living & Earning Services) ได้แก่ บริการออกแบบและตกแต่งภายใน บริการงานจ้าเหมาแบบเบ็ดเสร็จ บริการแม่บ้านทำความสะอาดและบริการงานช่างช่าง บริการจัดการอาคาร การจัดจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านและที่อยู่อาศัย แบบ Lifestyle และตัวแทนประกันแบบ Life และ Non-Life

ขณะที่บล.เคจีไอ ประเมินว่ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ น้ำหนักลงทุน น้อยกว่าตลาดฯ เนื่องจาก หนทางยังไม่ราบรื่น และปรับประมาณการกำไรกับราคาเป้าหมายใหม่ ประมาณการเบื้องต้น ไตรมาส 4/67 และแนวโน้มระยะสั้น

กำไร ไตรมาส 4/67 น่าจะทรงตัวจากไตรมาสก่อน แต่ย่ำแย่จากปีก่อน

จากการคาดการณ์ผลประกอบการเบื้องต้นในไตรมาส 4/67 ของเรา พบว่ากำไรรวมอาจอยู่ที่ 5.56 พันล้านบาท (ลดลง 27% จากปีก่อน แต่ 1% จากไตรมาสก่อน

ขณะที่ Land and Houses (LH.BK/LH TB)* น่าจะเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหา ฯ เพียงรายเดียวที่มีการเติบโตดี QoQ จากการขายสินทรัพย์ต่าง ๆ เข้ากองทรัสต์ LH Shopping Center REIT (LHSC) มูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท แต่ทว่าสำหรับ AP Thailand (AP.BK/AP TB)*, Supalai (SPALI.BK/SPALI TB)* และ Quality Houses (QH.BK/QH TB)* น่าจะมีแนวโน้มผลประกอบการ 4Q67F จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ ส่วน LPN Dev (LPN.BK/LPN TB), Origin Property (ORI.BK/OR TB) และ Pruksa (PSH.BK/PSH TB) อาจเห็นการเติบโตดี YoY จากฐานต่ำ แต่ตัวเลข QoQ น่าจะยังคงซบเซา ทั้งนี้ เรายังไม่ได้รวมรายการพิเศษต่าง ๆ ที่ปกติมักเกิดขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี

Sentiment ตลาดอ่อนแอ

จากการสัมมนาล่าสุดโดย Agency for Real Estate Affairs (AREA) ยอดเปิดโครงการใหม่ ๆ และจำนวนยูนิตที่ขายได้ในปี 2567 ลดลงเหลือ 6.15 หมื่นยูนิต (-40% YoY) และ 5.9 หมื่นยูนิต (-30% YoY) ตามลำดับ ซึ่งต่ำที่สุดในรอบทศวรรษ ในทางกลับกัน ราคาขายที่อยู่อาศัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ต่อปีในช่วงปี 2566-67 อยู่ที่ 6.7 ล้านบาท/ยูนิต (จากค่าเฉลี่ย 4 ล้านบาท/ยูนิตในช่วงก่อน Covid) เนื่องจากบริษัทผู้พัฒนาอสังหา ฯได้ปรับไปเน้นกลุ่มผู้ซื้อระดับกลางถึงบนที่มีกำลังซื้อสูง

ขณะที่ บริษัทผู้พัฒนาอสังหา ฯ บางรายที่เข้าร่วมสัมมนามองคล้ายกันถึงแนวโน้มตลาดที่ชะลอตัวในปัจจุบัน และเมื่อไม่มีสัญญาณบวกทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน ตลาดที่อยู่อาศัยคงน่าจะมีแนวโน้มซบเซาในระยะสั้น ในขณะที่ตัวแทนต่างๆ จากภาคการเงินที่เข้าร่วมงานนี้ คาดว่าตลาดอสังหา ฯ จะแจ้งการเติบโตในปีนี้ติดลบอยู่ระหว่าง 1-5% ซึ่งค่อนไปทางอนุรักษ์นิยมมากกว่าประมาณการของ AREA และ REIC ที่ +10% และ +5% ตามลำดับ

ปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายใหม่

เราปรับลดประมาณการกำไรรวมปี 2567 และ 2568 ลง 4% และ 8% ตามลำดับ บนสมมติฐานรายได้ที่เติบโตช้าลงและอัตรากำไรสุทธิ (net margin) ต่ำลง ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นอสังหา ฯ ต่างๆ ของรัฐบาล รวมถึงการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองได้หมดอายุไปแล้วเมื่อสิ้นปี 67

ดังนั้น เราคาดว่าบริษัทผู้พัฒนาอสังหา ฯ หลายรายจะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สูงขึ้นในการผลักดันยอดขายไปจนกว่าจะมีมาตรการกระตุ้นชุดใหม่ออกมา เมื่ออิงจากประมาณการใหม่ของเรา กำไรสุทธิรวมปี 2567 อาจลดลง 25% จากปีก่อน (-22% จากประมาณการเดิม) และฟื้นตัวเล็กน้อย 5% จากปีก่อน ในปี 2568 (ต่ำกว่าประมาณการเดิมอยู่ที่ +9%) ด้วยเหตุจากภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคชะลอตัวกว่าคาด เราจึง de-rating ราคาเป้าหมายลงโดยอิงกับ PE ที่มีส่วนลดที่ระดับ -1 S.D. หรือมากกว่าจากเดิม -0.5 S.D. ถึงระดับค่าเฉลี่ย

Valuation & Action

เราปรับลดน้ำหนักลงทุนกลุ่มอสังหา ฯ ลงที่ "น้อยกว่าตลาด ฯ" จาก "เท่ากับตลาด ฯ" เนื่องจากเราคาดว่าวัฏจักรขาลงของภาคธุรกิจอสังหา ฯ จะยืดเยื้อออกไปอีก ทั้งนี้ เรายังคงคำแนะนำถือหุ้น SPALI, LH, QH และ PSH ส่วนทั้ง LPN และ ORI ยังคงแนะนำให้ขาย อย่างไรก็ดี เราอยู่ระหว่างทบทวนคำแนะนำหุ้น AP ซึ่งมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายด้วย dividend yield สูงน่าสนใจราว 7% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

พบ 2 รายใหญ่ พงศ์ศักดิ์-สุระ_S2T (เพจ) copy.jpg
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...