โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“อสมท” ชี้ทีวีดิจิทัลรอบใหม่เสี่ยงสูง ปั้น NewS-curve สร้างรายได้ใหม่หนุน

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 06 พ.ย. 2567 เวลา 02.23 น. • เผยแพร่ 06 พ.ย. 2567 เวลา 02.23 น.
ผาติยุทธ ใจสว่าง

อสมท ชี้สถานการณ์ “ทีวีดิจิทัล” สุดท้าทาย เผยใบอนุญาตที่ดำเนินการจะหมดอายุอีก 5 ปีข้างหน้า แต่ความคืบหน้าเงื่อนไขประมูลใหม่ยังไม่ชัดเจน ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาสื่อทีวีหดตัวต่อเนื่อง เตรียมแผนปั้น 3 New S-curve ต่อยอดโนว์ฮาว-แฟนคลับ-ที่ดิน พร้อมทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ แตกไลน์ธุรกิจใหม่ หวังสร้างช่องทางรายได้ใหม่ มั่นใจพาทั้งองค์กรโตยั่งยืนได้ในทุกสถานการณ์

นายผาติยุทธ ใจสว่าง รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธุรกิจโทรทัศน์และวิทยุยังเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลดลงของเม็ดเงินโฆษณาจากทั้งสภาพเศรษฐกิจและการแข่งขันในวงการสื่อเอง ส่งผลให้ อสมท ในฐานะหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจสื่อรายใหญ่ที่มีทั้งโทรทัศน์วิทยุ และการให้บริการโครงข่ายทีวีดิจิทัล ต้องเร่งปรับตัวด้วยการต่อยอดทรัพยากรที่มี ทั้งในด้านโนว์ฮาว, บุคลากร, ฐานผู้ชมผู้ฟัง, ชื่อเสียงที่สั่งสมมา ฯลฯ

ทั้งนี้ เพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานีโทรทัศน์มาหล่อเลี้ยงองค์กรให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน แม้ถึงวันหนึ่ง อสมท อาจไม่มีช่องทีวีดิจิทัลอีกต่อไป

สร้างช่องทางหารายได้ใหม่

นายผาติยุทธกล่าวว่า แม้ว่าในช่วงโค้งท้ายปี 2567 นี้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2567 จะผ่านสภาแล้ว แต่ภาพรวมการใช้งบฯโฆษณาของทั้งภาครัฐและเอกชนในช่วงปีนี้ยังต่ำ คาดว่าเป็นผลจากหน่วยงานรัฐอยู่ระหว่างทำแผนการใช้งบฯ จึงอาจต้องรอถึงช่วงธันวาคม 2567-มกราคม 2568 จึงจะมีเม็ดเงินออกมา

สำหรับส่วนงบฯภาคเอกชนแม้ว่าจะมีการใช้อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ค่อยถึง อสมท มากนัก เนื่องจากเป็นการซื้อสื่อผ่านบริษัทเอเยนซี่ ซึ่งส่วนใหญ่ยังเลือกซื้อโดยใช้หลักเกณฑ์เรื่องของเรตติ้งเป็นหลัก จึงคาดว่ารายได้รวมจากโฆษณาของปี 2567 นี้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้มาก ซึ่งบริษัทได้พยายามชดเชยด้วยการเร่งเครื่องสร้างรายได้จากการจัดอีเวนต์ และธุรกิจใหม่ ๆ ที่ไม่ผูกติดกับการโฆษณา

สัมปทานทีวีดิจิทัลจุดเปลี่ยนสำคัญ

รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท กล่าวด้วยว่า ใบอนุญาตโครงข่ายทีวีดิจิทัลและใบอนุญาตทีวีดิจิทัลที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันจะหมดอายุในปี 2571-2572 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับธุรกิจสื่อโทรทัศน์ รวมถึง อสมท อีกครั้ง โดยปัจจุบัน อสมท มีรายได้จาก 3 ส่วนหลัก คือ โทรทัศน์, วิทยุ และการให้บริการโครงข่ายทีวีดิจิทัล

หากไม่มีช่องโทรทัศน์รายได้จะหายไป 1 ใน 3 ทันที และหากโครงข่ายทีวีดิจิทัลถูกยกเลิกไปด้วยจะเท่ากับหายไป 2 ใน 3 ที่สำคัญ ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือสำนักงาน กสทช. ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อเมื่อใบอนุญาตโครงข่ายทีวีดิจิทัลและใบอนุญาตทีวีดิจิทัลสิ้นสุดลง

“ตอนนี้ผู้ประกอบการทุกคนต้องทำแผนตั้งรับทั้งในรูปแบบที่ว่า กสทช. จะทำการเปิดประมูลใหม่ และให้ต่อใบอนุญาตโดยปริยาย เพราะเหลือเวลาเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการหลายรายได้ร่วมกันผลักดันให้ กสทช. รีบหาข้อสรุปโดยเร็ว เพื่อให้ผู้ประกอบการทำแผนธุรกิจตั้งรับได้โดยไม่ส่งผลกระทบกับธุรกิจ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า” รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท กล่าวและว่า

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความไม่ชัดเจนดังกล่าวนี้ มองว่าหากต้องมีการประมูลอาจมีผู้เล่นหลายรายไม่เข้าร่วม แม้แต่กรณีที่สามารถต่อใบอนุญาตได้ก็อาจมีเพียงบางรายที่จะดำเนินธุรกิจต่อ เนื่องจากการดำเนินธุรกิจมีต้นทุนที่สูง ขณะที่แนวโน้มของธุรกิจโทรทัศน์อยู่ในช่วงขาลง เม็ดเงินโฆษณาลดลงต่อเนื่องทุกปี

นายผาติยุทธกล่าวอีกว่า สำหรับ อสมท นั้นจะพยายามรักษาสถานีโทรทัศน์และเครือข่ายสื่อวิทยุเอาไว้ เพราะแม้สื่อดิจิทัลจะเติบโตสูงสวนทางกับสื่อโทรทัศน์ แต่ในด้านรายได้ต่อการลงทุน 1 คอนเทนต์ หรือ ROI ของการขายโฆษณาผ่านทางสถานีโทรทัศน์และวิทยุยังสูงกว่าสื่อออนไลน์มาก

“แผนการรักษาช่อง 9 MCOT HD ไว้นี้จะเป็นไปได้หรือไม่ ต้องจับตาเงื่อนไขการประมูล-ต่อใบอนุญาตจาก กสทช.อีกครั้ง” นายผาติยุทธกล่าว

ปั้น S-curve รับมือทีวีหมดสัญญา

นายผาติยุทธกล่าวเพิ่มเติมว่า อสมท ได้เตรียมวางแผนรับมือกรณีไม่มีสถานีโทรทัศน์หลังใบอนุญาตทีวีดิจิทัลหมดอายุไว้ตั้งแต่ปี 2566 แล้ว ภายใต้โจทย์หลักคือ การพาองค์กรที่มีบุคลากรกว่า 900 คน เดินหน้าไปต่อให้ได้ ไม่ว่า อสมท จะประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิทัลใหม่ หรือจะได้ใบอนุญาตใหม่ หรือไม่ก็ตาม โดยมุ่งการสร้าง S-curve หรือการเติบโตใหม่ ด้วย 2 ยุทธศาสตร์หลัก และอีก 1 ยุทธศาสตร์สำรอง

โดยยุทธศาสตร์หลัก คือ 1.ยกระดับองค์กรจากสื่อไปสู่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ หรือคอนเทนต์โพรไวเดอร์ เน้นเสริมความแข็งแกร่งการผลิตคอนเทนต์ข่าว เช่น สำนักข่าวไทย, ไนน์เอ็นเตอร์เทน, ชัวร์ก่อนแชร์ และอื่น ๆ เพื่อให้สามารถส่งคอนเทนต์ไปจำหน่ายในแพลตฟอร์มอื่น ๆ ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ทั้งในไทยและทั่วโลก

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่างานข่าวลักษณะนี้มีดีมานด์แน่นอน และไม่จำเป็นต้องยึดติดกับแพลตฟอร์มอีกต่อไป พร้อมปรับรูปแบบการสร้างรายได้จากการขายเวลาโฆษณาไปสู่การไทอินสินค้าในรายการต่าง ๆ เพื่อข้ามข้อจำกัดของช่องทางเผยแพร่ และเพิ่มโอกาสได้รับการยอมรับจากผู้ชม

และ 2.พัฒนาช่องทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ นอกเหนือจากสื่อ โดยที่ดำเนินการได้ทันทีคือการต่อยอดบุคลากร โนว์ฮาว และทรัพยากรที่มีอยู่ รวมกับการจับมือพันธมิตรภาคธุรกิจ สถานศึกษามาเสริมในส่วนที่ไม่ชำนาญ

ตัวอย่าง เช่น ต่อยอดทีมวิศกรระบบสำหรับดูแล MUX ที่กระจายทั่วประเทศ เป็นธุรกิจติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ และการคุมระบบจอง-บำรุงรักษาจุดชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า โดยขณะนี้ทดลองติดตั้งแผงในสถานีของ อสมท บางแห่งแล้ว

เช่นเดียวกับธุรกิจฝึกอบรม โดย MCOT ACADEMY อาทิ หลักสูตรพิธีกร 2 ภาษา, การผลิตรายการสารคดีวิทยุ และหลักสูตร MCOT CEOs of ASEAN เป็นต้น รวมถึงการต่อยอดโนว์ฮาว คอนเทนต์และคอมมิวนิตี้ฐานแฟนคลับ ไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มเติม

อาทิ ทริปท่องเที่ยว อ.วีระ ธีรภัทร ที่ต่อยอดฐานแฟนคลับรายการวิทยุ “คุยได้คุยดี” ทางสถานีวิทยุ อสมท โมเดิร์นเรดิโอ คลื่นความคิดเอฟเอ็ม 96.5 เมกะเฮิรตซ์ และรายการ “ฟังหูไว้หู” ทางช่อง 9 MCOT HD รวมถึงรายการและสื่อวิทยุต่าง ๆ ของ อสมท หรือการจำหน่ายสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มช็อปปิ้ง Shop Mania รวมไปถึงอาจผลิตสินค้าโอว์นแบรนด์ออกมาวางจำหน่ายในอนาคตอีกด้วย

ต่อยอดที่ดินรัชดา 50 ไร่

ส่วนยุทธศาสตร์สำรองจะเป็นการเดินหน้าหาช่องทางใช้ประโยชน์จากที่ดิน 3 แปลงใหญ่ที่มีอยู่ คือ ย่านรัชดา ย่านหนองแขม หรือช่อง 3 เดิม และย่านบางไผ่ ซึ่งยังไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์หรือสร้างรายได้ โดยเฉพาะที่ดิน 50 ไร่ย่านรัชดา ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพสูง หากสามารถนำออกมาพัฒนาจะสร้างรายได้ที่ค่อนข้างมั่นคงให้กับ อสมท ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันที่ดินทั้ง 3 แปลงดังกล่าวอยู่ระหว่างกระบวนการศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำร่างข้อกำหนดหาประโยชน์บนที่ดิน ซึ่งยังไม่มีกำหนดเวลาแล้วเสร็จชัดเจน ส่วนกระแสข่าวเรื่องการทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้นไม่เป็นความจริง

กระแสวายขุมทรัพย์จับ Gen Z

นายผาติยุทธกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หนึ่งในกลยุทธ์ไฮไลต์ด้านเสริมแกร่งคอนเทนต์และต่อยอดฐานแฟนคลับนั้น คือ MCOT New Journey การส่งมอบ Content, Community, Event สู่กลุ่ม Young Generation การต่อยอดกระแสวาย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับธุรกิจสื่อทั้งด้านการเป็นสะพานเข้าถึงผู้ชมรุ่นใหม่ Gen Z และด้านโอกาสทางธุรกิจ โดยคาดว่าแนวโน้มความแรงจะยังคงเติบโตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีแน่นอน

เนื่องจากมีปัจจัยเอื้อหลายด้าน อาทิ ความเปิดกว้างของรัฐบาล-สังคมไทย และสถานะของอุตสาหกรรมผลิตคอนเทนต์วาย ทั้ง BL (Boy’s Love) และ GL (Girl’s Love) ที่อยู่ในระยะเริ่มต้น จึงเติบโตก้าวกระโดดได้อีกมาก ทั้งจำนวนงานและจำนวนคนทำงาน รวมถึงฐานแฟนคลับทั่วโลก อาทิ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ฯลฯ ซึ่งมีกำลังซื้อและพร้อมลงทุนซัพพอร์ตศิลปินที่ชอบแบบเต็มที่

ทั้งนี้ สะท้อนจากตัวเลขการสร้างระดับปีละ 100 เรื่อง และออนแอร์ในช่องทางต่าง ๆ รวมกว่า 60 เรื่องต่อปี และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงผลตอบรับของซีรีส์วาย Love Sick 2024 : ชุลมุนกางเกงน้ำเงิน ซึ่งเรตติ้งสูงขึ้นต่อเนื่อง และทำให้ช่องเป็นที่พูดถึงของเหล่า Gen Z เป็นต้น

“จากแนวโน้มนี้ทำให้เราเดินหน้าเพิ่มดีกรีการนำกระแสวายมาใช้เป็นแม็กเนตดึงดูดกลุ่ม Gen Z เข้ามามีส่วนร่วมกับบริษัทให้เข้มข้นยิ่งขึ้น และย้ำความเชี่ยวชาญด้านคอนเทนต์วาย ด้วยการจัดงานมอบรางวัล Y ENTERTAIN AWARDS 2024 ขึ้นในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ซึ่งจะมอบรางวัลให้กับบุคลากรทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังในวงการคอนเทนต์วายในประเทศไทย” นายผาติยุทธกล่าวและว่า นอกจากนี้ สถานียังเปิดสลอตเวลาสำหรับฉายซีรีส์วาย ทุกวันอาทิตย์เวลา 23.00 น. ซึ่งปัจจุบันมีไลน์อัพซีรีส์มากพอแพร่ภาพต่อเนื่องยาวไปจนถึงต้นปี 2569 แล้ว

ทั้งนี้ เชื่อว่าด้วยยุทธศาสตร์สร้าง S-curve ใหม่ รวมถึงการต่อยอดกระแสวาย ทั้งด้วยไลน์อัพซีรีส์ และงานวายเอ็นเตอร์เทน อวอร์ด จะช่วยให้ อสมท สามารถเติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืนได้ ไม่ว่าสถานการณ์ภายนอกทั้งการแข่งขัน และใบอนุญาตทีวีดิจิทัลจะเป็นอย่างไร

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “อสมท” ชี้ทีวีดิจิทัลรอบใหม่เสี่ยงสูง ปั้น NewS-curve สร้างรายได้ใหม่หนุน

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...