โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ถอดคำพิพากษา “คดีแทงเต้ตาย”

อีจัน

อัพเดต 28 ก.ค. 2561 เวลา 06.11 น. • เผยแพร่ 28 ก.ค. 2561 เวลา 03.13 น. • อีจัน
ถอดคำพิพากษา “คดีแทงเต้ตาย”
ถอดคำพิพากษา “คดีแทงเต้ตาย” #พ่อโดดต&#3…

ถอดคำพิพากษา “คดีแทงเต้ตาย” #พ่อโดดตึกศาล
ก่อนพ่อพ่อของเต้ จะตัดสินใจกระโดดตึก 8 ชั้น เขาและภรรยาเดินทางมาฟังคำพิพากษาคดีลูกชาย ถูกแทงตาย วันนี้เลยจะถอดใจความสำคัญของคำพิพากษานี้
แต่ต้องปูข้อมูลคดีกันก่อน
คดีนี้มีตัวละครสำคัญหลายคน คนแรก คือ เต้ หรือ ธนิต ทัฬหสุนทร คือ ผู้ตาย

ส่วนผู้ต้องหามี 2 คน คนแรก “เบนซ์” เป็นเยาวชน คดีถูกส่งไปศาลเยาวชน ซึ่งตอนนี้คดีนั้นจบแล้ว เบนซ์ยอมรับสารภาพใช้สนับมือต่อยผู้ตาย

ผู้ต้องหาคนที่ 2 คือ “โจ้” หรือ นายณัฐพงษ์

นายณัฐพงษ์ เป็นจำเลยในคดีที่ พ่อและแม่เดินทางมาฟัง คำตัดสินในวันที่ 23 ก.ค.2561 ก่อนจะโดดตึกศาล เมื่อศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง

เอาล่ะ มาฟังคำพิพากษากัน ( ปรับภาษาให้อ่านง่ายๆนะ )
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2559 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยคือ นายโจ้ กับ นายเบนซ์ ร่วมกันชกต่อยนายธนิต ทัฬหสุนทร หรือเต้ ที่ใบหน้าและลำคอหลายครั้งและร่วมกัน ใช้มีดพกปลายแหลมดังกล่าวแทงนายเต้จำนวนหลายครั้ง

มีดถูกเข้าที่บริเวณไหล่ซ้ายด้านบนมีบาดแผลขนาดยาว 3 เซนติเมตรกว้าง 0.3 เซนติเมตรจำนวน 1 แผล ทะลุผ่านเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ซ้ายทะลุเข้า เส้นเลือดแดงบริเวณใต้ไหปลาร้าข้างซ้าย เป็นเหตุให้นายธนิตได้รับบาดเจ็บ เป็นอันตรายแก่กายสาหัสและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา.

คดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ!!!
โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2559 เวลาประมาณ 19:00 น. ผู้ตาย หรือ เต้ กับ นายวัชรพงศ์ หรือโฟล์ก นายพีรวิชย์ หรือ ตง. นายเกริกไกร หรือฟลุ๊ก และนายเบนซ์ร่วมกันเล่นน้ำสงกiานต์ อยู่บริเวณซอยประชาสงเคราะห์ 1

ต่อมาเต้มีปากเสียงกับนายเบนซ์ และตบหน้านายเบนซ์ 1 ที หลังจากนั้นไม่นาน เต้มีปัญหากับนางสาวหมูแฟนของโจ้ ซึ่งนางสาวหมูกับโจ้และพวกเล่นน้ำ สงกรานต์อยู่บริเวณกลางซอยประชาสงเคราะห์ 1

ต่อมามีคนพูดว่า “โจ้จะทำร้ายเต้” ฟลุค กับ โฟล์ก จึงไปพูดขอร้องโจ้ โจ้บอกว่าให้พาเต้กลับบ้าน แต่เต้กลับเดินเข้าไปในกลุ่มของจำเลย มีการโต้เถียงกัน โจ้กระโดดถีบ เต้ 1 ครั้ง และพวกของโจ้ก็รุมทำร้ายเต้ โดยมีเบนซ์ร่วมทำร้ายด้วย
หลังจากเหตุการณ์ยุติลง…
เต้วิ่งกลับออกมาทางปากซอย มีเลือดไหลบริเวณต้นคอจำนวนมาก นายเกริกไกร หรือฟลุ๊ก ขับรถจักรยานยนต์ให้เต้ซ้อนท้ายเพื่อไปโรงพยาบาล แต่เต้ตกจากรถจักรยานยนต์ ขณะที่อยู่ใต้ทางด่วนดินแดง เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งโรงพยาบาลราชวิถีก่อนถึงแก่ความตาย

พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดินแดงไปตรวจสถานที่เกิดเหตุและติดตามไปที่โรงพยาบาลราชวิถี พบ ตง ให้ปากคำว่า โจ้เป็นคนแทงผู้ตาย ส่วนนายเบนซ์ใช้ลูกกุญแจ และชกใบหน้าและแทงต้นคอ ของผู้ตาย

ตง เพื่อนสมัยเด็กของเต้ อ้างเป็นประจักษ์พยาน
ตง เพื่อนสมัยเด็กของเต้ อ้างเป็นประจักษ์พยาน

เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนติดตามจับกุม นายโจ้กับพวก รวม 6 คน. ได้เมื่อเวลา 04:00 น. ของวันที่ 16 เมษายน 2559

และตรวจยึดเสื้อกับกางเกงของนายเบนซ์ได้ที่บ้าน พบเสื้อและกางเกงมีคราบเลือด !!!

พนักงานสอบสวนสอบปากคำนายตง พร้อมกับให้ชี้ยืนยันภาพถ่ายทะเบียนราษฎร์ของ นายโจ้ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายโจ้ว่าร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ นายโจ้ให้การปฏิเสธ
ส่วนเบนซ์ซึ่งเป็นเยาวชน พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาแยกดำเนินคดีต่างหาก
นายโจ้นำสืบว่า ตนไม่ได้แทงผู้ตาย !!!

ก่อนเกิดเหตุ นายโจ้กับแฟนสาวชื่อ หมู และพวกอีกพวกอีก 4 คน ไปเที่ยวงานคอนเสิร์ตที่ ซอยประชาสงเคราะห์ 1 และเล่นน้ำสงกานต์กันเพราะบริเวณปากซอย หลังจากนั้นมารับประทานอาหาร ที่ร้านบริเวณกลางซอยใกล้กับจุดที่นายโจ้จอดรถจักรยานยนต์
เต้กับนายเบนซ์ทะเลาะกัน เต้ตบหน้านายเบนซ์ไป 1 ที แล้วเต้ล็อคคอนายเบนซ์พาเข้าไปกลางซอย.
ต่อมานายเต้เดินมาหานายโจ้พร้อมกับพูดว่า “แฟนมึงมองหน้ากูมีปัญหาหรือเปล่า” แฟนโจ้จึงชวนโจ้ กลับบ้าน ระหว่างกลับมาก็เห็นผู้เต้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์แล่นเข้าไปท้ายซอย ก่อนวกรถกลับมา ยังบริเวณที่นายโจ้กับพวกยืนอยู่ ก่อนจะลงจากรถด้วยอาการเหมือนเมาล้มลงแล้วลุกเดินมาหานายโจ้

นายโจ้ให้การว่า ที่บอกพวกให้ไปเอาปืนมานั้น เจตนาต้องการโอ้อวดเท่านั้น เนื่องจากไม่มีปืน นายโจ้ บอกนายโฟล์คให้พาเต้กลับบ้านแต่เต้ไม่ยอมพร้อมกับตะโกนด่าทอหยาบคาย
โจ้เลยกระโดดเตะเต้ 1 ทีและต่อยอีก 1 ที ส่วนเต้ก็ต่อยและเตะโจ้เช่นกัน
ระหว่างนั้น มีตัวละครสำคัญอีกคน คือ “แหม่ม”
นางแหม่มดึงแขนโจ้ให้หลบไปอีกฟากของซอย หลังจากนั้นมีวัยรุ่นแถวนั้นประมาณ 10 คน รุมทำร้ายเต้ในเวลาไม่ถึง 1 นาที ก่อนจะแยกย้ายกันจำเลยขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน พร้อมกับแฟน และพวกรวม 6 คน โดยไปรับประทานอาหารที่บ้านของนายปิยะวัฒน์จนถึงเวลาประมาณ 02:00 น. ก็มีตำรวจมาควบคุมตัวนายโจ้กับพวกไปสถานีตำรวจนครบาลดินแดง
ตำรวจบอกว่า “มันตายแล้ว มีดอยู่ไหน” และถามว่า “ไปทำอะไรที่ซอยประชาสงเคราะห์ 1”
นายโจ้บอกว่า “เล่นน้ำและชกต่อยจริงแต่ไม่ได้ใช้มีดแทงนายเต้ ” พนักงานสอบสวนจัดให้มีการชี้ตัวจำเลยโดยให้ยืนอยู่คนเดียว

ข้อเท็จจริงฟังยุติในเบื้องต้นว่า:
ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง นายเต้ ถูกคนร้ายใช้มีดแทงถึงแก่ความตาย บาดแผลปรากฎตามรายงานการตรวจศพ
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยหรือนายโจ้ เป็นคนร้ายร่วมกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่โจทก์
นายศุภชัยกับนางเรวดี ทัฬหสุนทร พ่อและแม่ของเต้ (ผู้ตาย) เบิกความว่า นายตง เป็นคนบอกว่า นายโจ้ เป็นคนทำร้ายผู้ตาย ขณะเดียวกัน หลังเกิดเหตุประมาณหนึ่งเดือน พ่อของเต้ได้ติดต่อประสานทาง กรุงเทพมหานครจน ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ

นายโฟล์ก เบิกความว่า:
ตน, เต้ และตง เล่นน้ำสงกรานต์อยู่ที่ซอยประชาสงเคราะห์

ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 20 หรือ 21:00 น. เต้มีปากเสียงกับนายเบนซ์ และเต้ตบหน้านายเบนซ์ไปหนึ่งที หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ
ต่อมาไม่นาน เต้ไปมีปัญหากับแฟนของ โจ้ ชื่อเล่นว่าหมู เกี่ยวกับเรื่องการมองหน้ากัน แต่ไม่ได้มีปากเสียงกัน

จากนั้นโจ้กับเพื่อนแยกเข้าไปอยู่บริเวณกลางซอย ส่วนเต้ อยู่ปากซอย พยานได้ยินคนแถวนั้นพูดว่า “โจ้จะเล่นเต้” (หมายความว่าจะทำร้ายนายเต้) พยานกับนายฟลุ๊ก ได้เดินเข้าไปหานายโจ้ พูดขอร้องพร้อมกับยกมือไหว้ ให้โจ้มีอาการใจเย็นลง พร้อมกับบอกให้นายโฟล์กพาเต้กลับบ้าน

แต่…เมื่อนายโฟล์กมาบอกเต้ที่ปากซอย เต้ไม่เชื่อพร้อมกับพาโฟล์กเดินเข้าไปกลางซอย ตรงเข้า หากลุ่มของนายโจ้ โจ้ถาม ว่า “มีปัญหาอะไร” โต้เถียงกันไม่นาน โจ้กระโดดถีบเต้หนึ่งครั้ง และพวกของโจ้รุมทำร้าย โดยมีนายเบนซ์ร่วมทำร้ายด้วย
หลังเหตุการณ์รุมทำร้ายยุติลง…

นางแหม่มซึ่งเป็นญาติของโฟล์คพานายโฟล์คกลับบ้าน จึงไม่ทราบเหตุการณ์ต่อมา
พยานคนที่ 2….นายเอกชัย
เขาเบิกความว่า เล่นน้ำเขาสงกรานต์ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร มีการชุลมุน ทะเลาะวิวาทบริเวณกลางซอย ระหว่างที่พยานเดินเข้ามาเพื่อดูเหตุการณ์เห็นผู้ตาย วิ่งสวนออกไป มีเลือดออกบริเวณต้นคอจำนวนมาก สอบถามเพื่อนผู้ตายบอกว่า ผู้ตายโดนแทง จึงบอกให้พา ส่งโรงพยาบาลราชวิถี และเมื่อเข้าไปดูในซอยพบว่า กลุ่มคนที่ทะเลาะวิวาทแยกย้ายกันหมดแล้ว
นายอภินันท์ พยานคนที่ 3 เบิกความว่า :
อาศัยอยู่ในซอยเกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุพยานพาลูกหลานมาเล่นน้ำสงกรานต์ และเห็นเหตุการณ์ ทะเลาะโต้เถียงกันประมาณ 5 ถึง 10 นาที ได้ยินวัยรุ่นกลุ่มที่เล่นน้ำสงกรานต์บริเวณปากซอยบอกว่า จะไปเคลียร์กับกลุ่มที่เข้าไปกลางซอย และตนเดินตามเข้าไปเพื่อซื้อข้าวห่างประมาณ 4 ถึง 5 เมตร วัยรุ่นคนที่พูดว่าจะเข้าไปเคลียร์ คือ ผู้ตายหรือ เต้ ตรงเข้าไปคุยกับกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่กลางซอย ก่อนจะถูกรุมทำร้าย พยานยืนอยู่ห่างเพียง 2 เมตรมีแสงไฟฟ้าสาธารณะส่องสว่างจึงเห็นเหตุการณ์ การทำร้ายเกิดขึ้นไม่ถึง 1 นาที ผู้ตายมีเลือดออกบริเวณไหล่ซ้ายจำนวนมาก พยานมองไม่เห็นว่าใคร เป็นคนใช้อาวุธมีดแทงผู้ตาย เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นชุลมุนและรวดเร็ว

พลตำรวจตรีสุคน แสงโสภา เบิกความว่า :
วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 22:00 น. ขณะปฎิบัติหน้าที่ประจำสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ได้รับแจ้ง เหตุทางศูนย์วิทยุ จึงพร้อมกับพวก 6 ถึง 7 นาย ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ สอบถามกลุ่มคนบริเวณ ปากซอยเกิดเหตุแจ้งว่า ผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มวัยรุ่น 5 ถึง 6 คน ลักษณะไว้หนวดเครา รูปร่างท้วม ชื่อเล่นว่าโจ้ จึงติดตามหานายโจ้กับพวก ก่อนจะพบว่านายโจ้กับพวกไปมั่วสุมกันที่ทาวน์เฮาส์ในซอยข้างสถานทูตจีน พบวัยรุ่นจำนวนหกคน บอกว่าเพียงแต่เขารุมชกต่อยทำร้าย ไม่มีใครใช้อาวุธมีดแทงผู้ตาย
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนควบคุมตัววัยรุ่นทั้งหกไปสถานีตำรวจนครบาลดินแดง ส่วนพยานได้ติดตามไป บ้านของนายเบนซ์ ตรวจค้นพบเสื้อคอกลมสีเทา และกางเกงกีฬาสีฟ้ามีคราบเลือด จึงตรวจยึดไว้ เป็นของกลาง

ร.ต.อ. สุรัตน์เพชรินทร์ พนักงานสอบสวนคดีนี้.เบิกความว่า:
วันเกิดเหตุพยานปฎิบัติหน้าที่ร้อยเวรสอบสวนหลังจากรับแจ้งเหตุจึงไปยังตรวจสถานที่เกิดเหตุและติด ตามไปโรงพยาบาลราชวิถีซึ่งผู้ตายถูกรักษาอยู่ในห้องฉุกเฉิน พบนายตง เพื่อนของผู้ตายบอกว่า ผู้ตายถูกนายณัฐพงศ์ หรือ โจ้ เป็นคนแทง ส่วนนายเบนซ์เป็นคนใช้ลูกกุญแจและหมัดชก ต่อยหน้า และแทงลำคอผู้ตาย
ต่อมาได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลราชวิถีว่าผู้ตายถึงแก่ความตาย พยานสอบปากคำนายตง นายตงยืนยันว่า นายโจ้เป็นคนแทงผู้ตาย สาเหตุเนื่องจากผู้ตายมีปากเสียงกับคนรักของโจ้เรื่องมองหน้ากัน ทำให้โจ้ไม่ พอใจ ใช้มีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต ที่เหน็บไว้ด้วยเอวด้านหลังออกมาแทงผู้ตาย
ส่วนนายเบนซ์ชกต่อยและเตะผู้ตาย

ตำรวจยืนยัน ขณะที่นายตงให้การไม่มีอาการมึนเมา สภาพจิตใจเป็นปกติสามารถ ตอบคำถามและควบคุมอารมณ์ได้
นายตงชี้ยืนยันภาพถ่ายตามทะเบียนราษฎร์ของจำเลยและลงลายมือชื่อรับรองว่าภาพถ่ายของจำเลยไว้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนหรือนำ นายโจ้กับพวกรวม 6 คน. มาส่งมอบ พยานแจ้งข้อกล่าวหา แก่จำเลยว่าร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ นายโจ้ให้การปฏิเสธตามบันทึกคำให้การ

แพทย์ทำรายงานการตรวจศพผู้ตาย โดยระบุสาเหตุการตายว่าเกิดจากเส้นเลือดแดงบริเวณไหปลาร้าซ้ายฉีกขาดและมีเลือดออกมาก
วันที่ 19 เมษายน 2559 พยานรับมอบตัวนายเบนซ์ พร้อมด้วยเสื้อและกางเกงเปื้อน เลือดส่ง ไปตรวจดีเอ็นเอ ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ผลปรากฏว่า เลือดเป็นของผู้ตายหรือ นายเต้ และแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเบนซ์ ว่าร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

นายเบนซ์ให้การปฏิเสธไม่ได้ฆ่า แต่ให้การว่า เพียงแค่ชกต่อยและเตะผู้ตาย โดยก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายตบหน้านายเบนซ์ 1 ครั้งเนื่องจากไม่พอใจ เพราะผู้ตายศึกษาอยู่วิทยาเขตช่างกลอุเทนถวาย ส่วนนายเบนซ์บอกว่าจะ ศึกษาต่อที่วิทยา เขตช่างกลปทุมวัน

พนักงานสอบสวนรับมอบภาพจากกล้องวงจรปิดจากบิดามารดาของผู้ตายในวันที่ 17 สิงหาคม 2559 และจัดให้นายตงชี้ตัวโดยมีนายโจ้ยืนปะปนกับบุคคลอื่นรวม 6 คน

นายตงชี้ยืนยันว่า นายโจ้ว่าเป็นผู้ก่อเหตุ หลังจากนั้นได้สรุปสำนวนและมีความเห็นสั่งฟ้อง นายโจ้กับนายเบนซ์

ซึ่งเป็นเยาวชนถูกแยกดำเนินคดีต่างหาก……..

เห็นว่า พยานโจทก์มีเพียงนายตงที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวนว่า เห็นนายโจ้ใช้มีด แทงผู้ตาย โดยมีสาเหตุ จากนายโจ้ ไม่พอใจผู้ตายเนื่องจากผู้ตายมองหน้าแฟนจำเลย แล้วนายโจ้ด่าผู้ตายว่า “มองอะไร” นายตงเห็นนายโจ้หยิบเอามีดพกปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต ไว้บริเวณเอวด้านหลังแทงผู้ตาย แต่ไม่ทราบว่าบริเวณใดและจำนวนเท่าใด

ส่วนพยานปากนายโฟล์คให้การว่า เมื่อ มีการรุมทำร้ายผู้ตาย นายโฟล์คถูกญาติชื่อนางแหม่มพา ตัวกลับบ้านไปก่อนจึงไม่ทราบเหตุการณ์หลังจากนั้น
ส่วนนายตงพยานโจทก์ ไม่สามารถนำตัวมาเบิกความได้ เพราะมีอาการป่วยทางจิต ต้องเข้ารับการ รักษาคงมีแต่บันทึกคำให้การของตง ที่ให้การไว้ต่อพนักงานสอบสวนโดยไม่มีรายละเอียด ว่าเห็น เหตุการณ์อย่างไร อยู่ห่างเท่าใด หรือมีแสงสว่างสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน ทำให้คำบันทึกคำให้การของนายตงขาดความต่อเนื่อง

ตลอดจนที่มาที่ไปของเหตุการณ์ จำต้องรับฟังพยานหลักฐานอื่น ของโจทก์ด้วยความระมัดระวังรอบคอบอย่างยิ่ง
อีกทั้งนายโฟล์ก แม้กระทั่งนายเบนซ์ที่มีส่วนร่วมทำร้ายผู้ตายก็ให้การยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตาย ตบหน้านายเบนซ์เพราะไม่พอใจด้วยสาเหตุพูดไม่เข้าหู นายเบนซ์ให้การถึงรายละเอียดว่า ผู้ตายไม่พอใจเรื่อง เกี่ยวกับ การศึกษาต่อหลังจากเรียนจบของนายอารีชัยหรือเบนซ์ เมื่อมีผู้ห้ามปรามจึงเลิกราไป

แต่ไม่นานผู้ตายก็มีเรื่องไม่พอใจแฟนของจำเลยอีก เรื่องมองหน้ากัน หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที นายโฟล์คได้ยินคนแถวนั้นพูดว่า จะเล่นผู้ตาย (หมายความว่าจะทำร้าย) จึงเข้าพูดขอร้อง นายโจ้ ร่วมกับนายฟลุค นายโจ้ พูดกับพวกของตนว่าให้ไปเอาปืนมา และบอกให้พานายเต้กลับบ้าน

นายเต้กลับ ไม่เชื่อเดินเข้าไปหานายโจ้ ถามว่ามี ปัญหาอะไรก่อนที่นายโจ้จะใช้เท้าถีบนายเต้หนึ่งที แล้วพวกของนายโจ้รุม ทำร้ายนายเต้ นายตงซึ่งอยู่ห่าง 3-4 เมตร เดินเลี่ยงหนี เมื่อการทำร้ายยุติลง นายโฟล์คถูกญาติที่ชื่อ นางแหม่มพา กลับบ้าน

คำเบิกความของ นายฟลุคที่อยู่ใกล้ชิดกับ เหตุการณ์มีรายละเอียดสมควรถึงเรื่องราวก่อนเกิด เหตุและตรงกับภาพจากวงจรปิดที่นายโฟล์คเดินเข้าไปกลางซอยกับผู้ตาย

อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ทำร้ายเกิดขึ้นบริเวณกลางซอย ไม่มีกล้องวงจรปิดจับภาพดังกล่าวไว้ จึงอาศัยคำให้การของนายตงที่บอกว่าเห็น นายโจ้แทงผู้ตายและชี้ตัวนายโจ้ จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
เนื่องจากเหตุการเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ขณะเกิดเหตุก็มีการเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ที่ซอยดังกล่าว มีคนปรากฏในกล้องวงจรปิดเป็นจำนวนมาก การชุลมุนเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่นาน ยากที่จะมีใครสังเกต ว่าใครทำร้ายกันอย่างไร?

แม้กระทั่งพยานปากนายเอกชัย ก็เบิกความว่า. บริเวณที่เกิดเหตุกลางซอยมีคนไม่ต่ำกว่า 20 คน บริเวณกลางซอยมีแสงไฟเล็กน้อยอยู่ห้าง 1- 2 เมตร
จากจุดเกิดเหตุก็จะเห็นเหตุการณ์ได้ชัดเจนแสดงให้เห็นว่าแสงสว่างจากไฟฟ้ามีไม่มาก พอถ้าไม่อยู่ใกล้ พอไม่น่าจะเห็นรายละเอียดของเหตุการณ์อย่างชัดเจน
ประกอบกับการทำร้ายเกิดขึ้นในลักษณะช่วงเวลาสั้นๆก่อนยุติลง คำให้การของนายตงจึงไม่อาจรับฟัง ได้อย่างไม่มีข้อสงสัย

นายโฟล์คยังเบิกความอีกว่า นายตงมีอาการเมาคุยไม่รู้เรื่อง. เช่นเดียวกับคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ แสดงให้เห็นว่า การร่วมรับรู้และแยกแยะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของนายตง ไม่สามารถทำได้อย่างปกติ อย่างคนทั่วไป

หลังเกิดเหตุการณ์ตำรวจฝ่ายสืบสวนสามารถติดตามจับกุมจำเลยกับพวกได้ในวันเดียวกัน ไม่ปรากฏว่า ตรวจยึดอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุได้จากจำเลย มิได้นำเสื้อผ้าของจำเลยกับพวกไปตรวจพิสูจน์อย่าง ที่ยึดเสื้อ ยืดกางเกง ของนายเบนซ์ไปตรวจดีเอ็นเอ

นายโจ้เองก็ยืนยันให้การปฏิเสธมาโดยตลอด
พยานหลักฐานอื่นของโจทก์เป็นพยานปลายเหตุหรือพยานบอกเล่า
ส่วนกล้องวงจรปิดก็ไม่มีภาพเหตุการณ์ทำร้าย ทำให้พยานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับ ฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายไม่ต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของจำเลย
พิพากษายกฟ้อง
ศาลอาญา
วันที่ 23 เดือนกรกฎาคมพุทธศักราช 2561

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0