โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

ไขปริศนา'แอลพีจีเอ'พาเงิบ กับการคำนวณอันดับโลก 'โค-โปรเม'

MATICHON ONLINE

เผยแพร่ 07 มิ.ย. 2560 เวลา 08.46 น.
ลิเดีย โค - เอรียา จุฑานุกาล (แฟ้มภาพ LPGA)

กลายเป็นมหกรรม “เงิบ” ระดับโลกชนิดถ้วนหน้า เมื่อสื่อทั้งไทยและเทศ รวมถึงแฟนกอล์ฟทั่วโลก ต่างเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงในอันดับโลกนักกอล์ฟหญิง กับการขึ้นบัลลังก์มือ 1 ของโลกของ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล ซึ่งจะแทนที่ ลิเดีย โค มือ 1 สาวชาวนิวซีแลนด์ที่ยึดครองมือ1 มานานกว่า 1 ปี 8 เดือน

กระทั่งถึงเวลาประกาศผลการจัดอันดับจริงโดย โรเล็กซ์ วีเมนส์ เวิลด์ กอล์ฟ แรงกิ้งส์ เมื่อวันจันทร์ที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็เกิดความสับสนงงงัน เพราะโคยังคงครองมือ 1 ของโลกต่อไปเป็นสัปดาห์ที่ 85 ขณะที่โปรเมยังเป็นอันดับ 2 แต่ระยะห่างคะแนนเฉลี่ยของทั้งคู่ต่างกันเพียง 0.01 คะแนนเท่านั้น!

เรื่องการขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกของโปรเมนั้นไม่ใช่เรื่องที่สื่อหรือแฟนกอล์ฟทั่วโลก “มโน” กันไปเอง เนื่องจาก แอลพีจีเอ ในฐานะทัวร์หลักของวงการกอล์ฟหญิงได้ออกข่าวตั้งแต่ก่อนแข่งรายการ ช็อปไรต์ แอลพีจีเอ คลาสสิก ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า ไม่ว่าอย่างไรเสีย โคก็จะเสียมือ 1 ของโลกอย่างแน่นอน ส่วนใครจะขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกคนใหม่นั้น ขึ้นอยู่กับผลงานของ รยู โซ-ยอน โปรสาวมือ 3 ของโลกชาวเกาหลีใต้ซึ่งลงแข่งรายการช็อปไรต์ขณะที่เมและโคพักการแข่งขัน

ตามเงื่อนไขที่แอลพีจีเอระบุไว้นั้น ถ้าโซ-ยอนไม่ติดอันดับท็อป 3 โปรเมก็จะมีแต้มเบียดแซงโคขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกคนใหม่อย่างแน่นอน และเมื่อโซ-ยอนไม่ผ่านการตัดตัว จึงเข้าเงื่อนไขที่แอลพีจีเอระบุไว้แบบไม่ต้องลุ้นให้เสียเวลา ทุกสื่อทั่วโลกจึงพากันฟันธงว่าโปรเมจะได้ขึ้นมือ 1 โลกแทนโคอย่างแน่นอน

แอลพีจีเอแถลงชี้แจงการคำนวณที่ผิดพลาด

ท่ามกลางความสับสนเรื่องอันดับโลกที่ประกาศใหม่ แอลพีจีเอก็ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่าเป็นความผิดพลาดของเครื่องมือที่ใช้คำนวณคะแนนโดย WWGR (วีเมนส์ เวิลด์ กอล์ฟ แรงกิ้งส์) ซึ่งการจะทำความเข้าใจข่าวนี้อย่างถ่องแท้ คงต้องไปทำความรู้จักกับระบบการคิดคะแนนของกีฬากอล์ฟอาชีพอย่างลึกซึ้งเสียก่อน

เมื่อเทียบกับหลายๆ ชนิดกีฬา ถือว่าการคิดคะแนนเพื่อจัดอันดับโลกของกอล์ฟนั้นซับซ้อนกว่ามาก อย่างเทนนิสใช้การคำนวณคะแนนวงรอบ 52 สัปดาห์ (1 ปี) หรือว่ากันง่ายๆ คือเทียบผลงานในรอบสัปดาห์เดียวกันของปีนี้กับปีที่แล้ว ถ้าผลงานแย่กว่าเดิมหรือไม่ร่วมแข่งขัน คะแนนก็จะหายไป แต่ถ้าทำได้ดีกว่าเดิม คะแนนก็จะเพิ่มขึ้นมา

หรืออย่างแบดมินตัน จะนำผลงานที่ดีที่สุด 10 รายการในรอบ 52 สัปดาห์มาคิดคะแนนเท่านั้น หมายความว่าในวงรอบ 1 ปี ต่อให้ตกรอบแรกบ่อย แต่ถ้าทำผลงานดีอย่างน้อย 10 รายการ อันดับโลกก็ยังดีอยู่ได้
ส่วนกอล์ฟนั้นแตกต่างออกไป เพราะไม่ได้ยึดจาก “คะแนนสะสม” เหมือนเทนนิสหรือแบดมินตัน (ที่บวกลบคะแนนตามวงรอบ 52 สัปดาห์ไปเรื่อยๆ) แต่เป็น “คะแนนเฉลี่ย” และใช้วงรอบการคำนวณ 104 สัปดาห์ หรือ 2 ปีแทน

หลักการกว้างๆ คือ นำคะแนนที่ได้จากการแข่งขันทั้งหมดมาหารด้วยจำนวนรายการที่ลงแข่งขันในรอบ 104 สัปดาห์ ซึ่งการคิดคะแนนเฉลี่ยก็เพื่อให้เห็นภาพรวมของผลงาน ไม่ใช่ใครทุ่มแข่งมากๆ ก็จะได้แต้มสะสมเยอะๆ จนนำโด่ง แต่จะให้น้ำหนักผลงานในช่วง 13 สัปดาห์หลังสุดมากกว่าสัปดาห์ที่ย้อนหลังไป

ทั้งนี้ แอลพีจีเอระบุว่า ในรอบ 104 สัปดาห์ ใครแข่งเท่าไรก็หารด้วยจำนวนทัวร์นาเมนต์เท่านั้น ยกเว้นคนที่แข่งน้อยกว่า 35 รายการ ก็ให้ใช้ 35 เป็นตัวหาร เพื่อป้องกันไม่ให้คนแข่งน้อยเกินไปแต่ได้อันดับดี

ในทางตรงข้าม บางครั้งการที่นักกอล์ฟไม่ได้ลงแข่งขันก็อาจกลายเป็นผลดีให้อันดับโลกขยับขึ้นได้ เพราะจำนวนทัวร์นาเมนต์ที่เป็นตัวหารลดน้อยลง คะแนนสะสมก็อาจดีขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับผลงานในช่วง 104 สัปดาห์ที่เอามาคำนวณด้วย

ตัวอย่างชัดเจนจากกรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เมื่อ จอร์แดน สปีธ โปรหนุ่มชาวอเมริกัน ไม่ผ่านการตัดตัวรายการ เดอะ บาร์เคลย์ส จนหล่นจากมือ 1 โลกไปอยู่อันดับ 2 ขณะที่ รอรี่ แม็คอิลรอย โปรดังชาวไอร์แลนด์เหนือซึ่งอยู่ระหว่างพักรักษาอาการบาดเจ็บกลับขึ้นไปเป็นมือ 1 โลกอีกครั้ง

ส่วนการคำนวณคะแนนเฉลี่ยนั้น ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนจากการจัดอันดับโลกนักกอล์ฟหญิงล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ลิเดีย โค มีคะแนนสะสม 418.48 คะแนน จากการลงแข่งขัน 50 รายการ หารออกมาแล้วได้ 8.3696 ปัดเศษเป็น 8.37

ขณะที่โปรเมมีคะแนนสะสม 476.38 คะแนน จาก 57 รายการ เฉลี่ยแล้วได้ 8.3575 ปัดเศษเป็น 8.36 หรือก็คือตามโคอยู่ 0.01 คะแนน

ปัญหาที่เกิดกับการคำนวณที่ผิดพลาดของแอลพีจีเอทัวร์หรือ WWGR นั้น เนื่องด้วยตอนคิดเงื่อนไขก่อนแข่งศึกช็อปไรต์ ทางทีมงานไม่ได้ตัดผลงานของช่วงสัปดาห์เดียวกันเมื่อปี 2015 คือรายการ มานูไลฟ์ แอลพีจีเอ คลาสสิก ออก ทำให้จำนวนทัวร์นาเมนต์ในวงรอบ 104 สัปดาห์ผิดเพี้ยนไป

แทนที่โคจะแข่ง 50 รายการ ก็กลายเป็น 51 รายการ (เพราะศึกมานูไลฟ์ปี 2015 เกินมา) เช่นเดียวกับโปรเมที่เป็น 58 รายการ แทนที่จะเป็น 57 รายการ พอเอามาหารคะแนนสะสมเลยกลายเป็นว่าโปรเมแซงโคขึ้นไปนั่นเอง

ไหนๆ ก็เอ่ยถึงการคำนวณคะแนนจัดอันดับโลกกีฬากอล์ฟแล้ว พรุ่งนี้จะขอลงลึกในรายละเอียดเรื่องความซับซ้อนของการคิดคะแนนแต่ละทัวร์นาเมนต์กันต่อ

แต่ที่แน่ๆ ในตอนนี้เนื่องด้วยโปรเมขยับเข้าใกล้โคมากเต็มที โอกาสที่จะขึ้นมือ 1 โลกมีสูงหลังจบการแข่งขันมานูไลฟ์ แอลพีจีเอ คลาสสิก ที่แคนาดา ในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ โดยต้องไม่ทำผลงานให้แย่จนเกินไปนัก

ส่วนเงื่อนไขว่าต้องได้อันดับเท่าไรจึงจะขึ้นมือ 1 ของโลกนั้น ถึงตรงนี้คงไม่มีใครกล้าฟันธง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอลพีจีเอที่หน้าแตกเละเทะไปแล้วรอบนึง!

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...