เกิด แก่ เจ็บ ตาย..เป็นเรื่องปกติ
ทุกข์-สุขก็เป็นเรื่องปกติ
แต่คนเรามักไม่ค่อยยอมรับความปกติเหล่านี้ว่ามันคือเรื่องธรรมดาของโลกที่ใคร ๆ ก็ต้องเผชิญ
ความธรรมดาของโลกหรือที่ทางพุทธศาสนาเรียกว่าโลกธรรม 8 ที่บอกพวกเราว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีอะไรเป็นของใครทั้งสิ้น ทุกอย่างล้วนไม่จีรังยั่งยืน ทุกคนล้วนเกิดมาและจากไปด้วยความว่างเปล่า
โลกธรรม 8 ประกอบด้วยความพอใจ ที่รัก ที่ปรารถนาของมนุษย์ ได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และความไม่พอใจ ไม่ปรารถนาของมนุษย์ ได้แก่ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทาว่าร้าย และทุกข์
ความธรรมดาของโลกนี้เอง ที่บอกให้เรารู้ว่าเมื่อมีลาภก็เสื่อมลาภ มียศก็เสื่อมยศ มีสรรเสริญก็มีนินทา มีสุขก็ต้องมีทุกข์เป็นสัจธรรมของมนุษย์ที่ใครก็หลีกหนีไม่ได้ แต่คนเราก็ยังพยายามสุดกำลังที่จะเลี่ยง จะหลีก จะโหยหาแต่ความพอใจที่ตัวเองปรารถนาเท่านั้น
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสุขสมหวังดังปรารถนาไปเสียทุกอย่าง แต่ก็ยังพยายามนำพาตัวเองไปสู่ความทุกข์ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่เห็นหรือสิ่งที่เป็น วันหนึ่งมันก็หายไป หมดไป สูญสิ้นไปตามหลักธรรมดาของโลก
ทุกข์ไม่ยั่งยืน
ที่น่าแปลกก็คือเมื่อเป็นทุกข์ เรามักไม่ยอมวาง มีแต่กำไว้ให้แน่นขึ้น ทุกข์ขึ้น ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ จนลืมไปว่าทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว เดี๋ยวมันก็ผ่านไป และเดี๋ยวมันก็จบไป ของทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป..ไม่เว้นแม้กระทั่งคำคน
ยกตัวอย่างง่าย ๆ โดนหัวหน้าด่า รุนแรงชนิดที่ว่าทั้งเจ็บ ทั้งแค้น แต่ทำอะไรไม่ได้ เอาแต่คิดมาก เจ็บใจ เคียดแค้น และทุกข์ คิดถึงคำด่าของหัวหน้าวนไปเวียนมาไม่รู้จบ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น คิดมากอยู่เป็นเดือน ตีอกชกตัว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
รู้ไหม..ในกรณีนี้หัวหน้าเค้าด่าแล้วเค้าจบ ด่าเสร็จเค้าไม่มานั่งคิดอะไรให้ยืดยาว เค้าไม่มีอะไรติดอยู่ในใจ แต่เป็นเราต่างหากที่แบกไว้ให้หนักอยู่คนเดียว ทั้งเจ็บแค้น ไม่พอใจ ปล่อยบาดแผลให้ใหญ่ขึ้นในหัวใจตัวเอง
ถามว่าเหตุการณ์นี้ใครทุกข์..คงตอบได้ไม่ยาก
เราทุกข์ เพราะไม่ยอมจบ ไม่ยอมปล่อย ไม่ยอมวาง ในขณะที่หัวหน้าด่าแล้วจบ ไม่มีเรื่องให้ต้องทุกข์อีกต่อไป ทั้งที่จริง ๆ แล้วเราไม่ควรไปจมอยู่กับสิ่งที่มีผลกระทบจิตใจนานเกินไป..คิดได้ ทุกข์ได้ แต่ก็ต้องหลุดออกมาให้ได้ถึงจะเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปได้
สุขก็ไม่ยืนยั่ง
มนุษย์ทุกคนอยากมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น แต่ความสุขของคนเราไม่เหมือนและไม่เท่ากัน บางคนน้อย บางคนมาก และบางคนก็โลภเกินกว่าจะมีความสุขกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
เป็นเหตุให้ทุกคนบนโลกโหยหากันแต่ความสุข จนกลายเป็นความอยากได้ อยากมี อยากเป็น และพอได้ พอมี พอเป็นอย่างที่ต้องการแล้ว มีความสุขกับสิ่งที่ได้แล้ว ก็ยังอยากได้อีก อยากมีอีก อยากเป็นอีกไม่สิ้นสุด จากความสุขเล็ก ๆ ที่เคยได้รับก็กลายเป็นว่าไม่พอ ร้องหาความสุขที่ใหญ่ขึ้น
จนลืมคิดว่า..สุขเดี๋ยวมันก็ทุกข์ เป็นของธรรมดา..ดีใจได้ เป็นสุขได้ แต่อย่าไปหลงระเริงกับความสุขที่เกิดขึ้นให้มาก เผื่อใจต้อนรับความทุกข์ที่กำลังเดินทางเข้ามาด้วย
อย่าลืมว่าโลกนี้ไม่มีอะไรจีรัง สุขก็ไม่ยืนยั่ง ทุกข์ก็ไม่ยั่งยืน ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป..
ความเห็น 30
winai
คำสอนพระพุทธเจ้า ทำให้รู้ว่าความจริงเลือกเกิดได้ถ้าสร้างปัจจัยถูกต้อง เข้ามาศึกษาพุทธศาสนา จะรู้ว่าชีวิตวันนี้ทำให้ทุกข์มีน้อยลงสุขได้ และวันข้างหน้าสามารถออกจากการท่องไปจาก สังสารวัฏนี้หรือจะอยู่ก็ได้อยู่ที่เราเลือกโดยเข้าไปศึกษาและปฏิบัติอย่าจริงจัง เลือกฟังธรรมที่เป็นไปเพื่อการหลุดพ้น หรือถ้ายังติดยึดในโลกสมมตินี้ก็มีหนทางอยู่อย่างทุกข์น้อยๆสุขแบบอัตภาพ
27 พ.ค. 2562 เวลา 23.13 น.
เป็นสัจธรรมของโลก ทุกอย่างเหมือนสอนให้มนุษย์ได้เรียนรู้ในการดำรงขีวิต
ในการฝึกให้รู้จัก ความอดทน ที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ ทุกข์ได้แต่อย่าจมอยู่กับมันนาน สุขก็เช่นกันถ้าเราได้เจอก็อย่าไปหลงระเริงกับมัน ธรรมสอนให้เรารู้ว่าอย่าตั้งตนอยู่ในความประมาท
27 พ.ค. 2562 เวลา 16.25 น.
Sky2365
เราไมากลัวตาย แต่เรากลัวทุกข์ เราไม่กลัวความจน แต่อรากลัวความพิการ
27 พ.ค. 2562 เวลา 12.54 น.
ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ สองสิ่งนี้ย่อมที่จะเปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นได้เสมอ ก็ด้วยจากความคิดและในการกระทำของตัวเรานั่นเอง.
27 พ.ค. 2562 เวลา 21.46 น.
PS
ชีวิตก็ไม่ยั่งยืนใครเป็นอมตะบ้างวะ กัดกันอยู่ได้
27 พ.ค. 2562 เวลา 19.16 น.
ดูทั้งหมด