โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“พิชัย” แจง “ศิริกัญญา” มั่นใจทำจีดีพีถึงเป้า ส่วนโครงการซื้อหนี้ประชาชน เน้นรายเล็กให้โอกาสได้กู้ใหม่

การเงินธนาคาร

อัพเดต 25 มี.ค. เวลา 17.29 น. • เผยแพร่ 25 มี.ค. เวลา 10.29 น.

"พิชัย" แจง "ศิริกัญญา" มั่นใจทำจีดีพีถึงเป้า ส่วนโครงการซื้อหนี้ประชาชน เน้นรายเล็กให้โอกาสได้กู้ใหม่ เผยหนี้ที่มีปัญหาคือ 3 ล้านคน มีหนี้ติดอยู่ 1.2 แสนล้านบาท

วันที่ 25 มีนาคม 2568 เวลา 15.00 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานครนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงภายหลังน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ดูเหมือนทุกอย่างแย่ คนไม่อาจคาดหวัง

ซึ่งสรุปแบบนั้นไม่ได้ ต้องมีความหวังแม้จะยากลำบาก ตนเองเห็นด้วยที่เศรฐกิจไม่ดีมายาวนาน เพราะเติบโตแค่ 1.9% มานาน

อย่างไรก็ตามการตั้งตัวเลขจีดีพีไว้ 3% เพราะคาดหวัง และเชื่อว่าจะเติบโตแม้จะช้า โดย 6 เดือนที่ผ่านมา เราโต 3.1% ทำให้ต้องผลักดันไปให้ถึง ส่วนการส่งออกในสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ส่งออกจำนวนมากกว่าบริโภคในประเทศ ซึ่งการส่งออกข้าวบางพันธุ์เสมอกับต้นทุน ไม่มีกำไร ขณะนี้การผลิต 17 ล้านตัน บริโภคในประเทศ 11 ล้านตัน และส่งออก 6 ล้านตัน

“สิ่งที่ต้องทำคือ ลดการผลิตให้น้อยลง โดยใช้พื้นที่เพาะปลูกทำอย่างอื่น เช่น 14 ล้านไร่เพื่อปลูก อีก 12 ล้านไร่ต้องลดพื้นที่ปลูกข้าวดีที่สุดคือสิ่งที่นำเข้าต้องผลิตเอง โดยดูต้นทุนการนำเข้า เช่น ข้าวโพด หากทำให้ดี จะได้ไร่ละ 15,000-16,000 บาท ซึ่งเป็นโครงกา 3-5 ปีที่ต้องดูแล ” นายพิชัย ระบุ

นาย พิชัย กล่าวว่า การลงทุนอุตสาหกรรมนับหลายล้านบาทลงทุนในปีเดียวไม่ได้ ต้องพิจารณาว่าโครงสร้างเก่า เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีนโยบายรักษาแพลตฟอร์มเดิมและปรับเป็นไฮบริดจ์ ในรถกะบะเพื่อการขนส่ง

นอกจากนั้นเรื่องการแก้ปัญหาค่าไฟแพงจำเป็นต้องปรับโครงสร้าง ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวยอมรับว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แต่ต้องหาทางให้นักท่องเที่ยวอยู่ให้นานขึ้น ทั้งนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวในประเทศไทยอยู่ที่ 35.5 ล้านคน พบว่ามีจำนวน 3 ล้านคนเข้ามาเพื่อสาธารณสุข

นายพิชัย กล่าวต่อว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจ ตนเองไม่อยากเรียกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ต้องเติมเม็ดเงินเข้าไปในระบบ วันนี้หนี้ถึงระดับที่ทุกคนรับไม่ไหว การสเตเบิลคอยน์ต้องใช้ระวัง ทั้งนี้ ตามกฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลังไม่สามารถพิมพ์เงินใหม่เพื่อแข่งกับ ธปท. ได้

แต่ที่ต้องทำเพื่อให้มีสภาพคล่อง และเข้าถึงรายย่อยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นจีโทเคน ไม่ใช่เงินใหม่ ซึ่งใครมีสามารถเข้าไปแลกเปลี่ยนได้ หากเป็นแบบนี้ใครที่เงินฝาก 20,000 บาทสามารถซื้อธนบัตรรัฐบาลได้ ทั้งนี้ ธปท.ยังไม่เห็นด้วย

นายพิชัยชี้แจงว่าสำหรับการแก้หนี้ ปกติขั้นตอนทั่วไปต้องขอยืดหนี้ให้น้อยลง ซึ่งทำได้เฉพาะคนที่มีกำลัง ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงของการแก้หนี้ให้คนที่มีหนี้ไม่เยอะ เงินที่ช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้ ใช้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง สำหรับหนี้ที่มี 13.6 ล้านล้านบาท ไม่คิดว่าซื้อหนี้ทั้งระบบ เพราะไม่มีปัญญา ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีหนี้ที่ไม่เสียรวมอยู่ จำนวน 6 ล้านล้านบาท แต่จะเลือกซื้อหนี้เสีย ไม่เลือกกลุ่มที่ลูกหนี้กับเจ้าหนี้เจรจากัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ขนาดใหญ่ มีหลักทรัยพ์ค้ำประกัน จะเลือกลูกหนี้ที่ไม่มีปัญญา ไม่มีหลักทรัพย์ กู้มากินและตามตัวลูกหนี้ไม่ได้

“หนี้ที่มีปัญหา คือ 3 ล้านคน มีหนี้ติดอยู่ 1.2 แสนล้านบาท ด้วยเงินนิดเดียวทำให้คนมีความทุกข์ ซึ่งจะทำให้หาทางละเว้นเอ็นซีบี เฉพาะกลุ่มมีรหัสพิเศษ หากหลุดพ้นต้องหาทางกู้ใหม่ คือการให้โอกาส ส่วนจะได้กู้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ วันนี้ให้ธนาคารออมสินนำร่องโดยใช้เงิน 4,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยน้อย พบว่าเปิดได้ 3 วัน มีกว่า 4.5 แสนบัญชี หากควบคุมได้ กำกับดี ๆ จะช่วยแก้ปัญหาตัวเล็กๆ ได้” นายพิชัย กล่าว

อ่านข่าว เศรษฐกิจทั่วไทย ทั้งหมด ได้ที่นี่