โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ความน่าสนใจของ KBANK ทำไม GULF กล้าทุ่มเงินลงทุน !?

The Bangkok Insight

อัพเดต 23 มี.ค. เวลา 05.34 น. • เผยแพร่ 23 มี.ค. เวลา 05.31 น. • The Bangkok Insight

ความน่าสนใจของ KBANK ทำไม GULF กล้าทุ่มเงินลงทุน !? ถือครอง 3.25% ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 5 ของ KBANK ทันที

ว่ากันว่าในโลกของการลงทุน มักมีเรื่องราวที่ทำให้ตลาดจับตาอยู่เสมอ และข่าวใหญ่ล่าสุดที่เขย่าวงการตลาดหุ้นไทย คือการที่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้เข้าลงทุนใน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เป็นจำนวนถึง 77 ล้านหุ้น โดยมีสัดส่วนการถือครอง 3.25% ส่งผลให้ GULF ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 5 ของ KBANK ทันที

เปิด 5 อันดันผู้ถือหุ้นใหญ่ KBANK

1. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 15.42%
2. STATE STREET EUROPE LIMITED 7.51%
3. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 4.83%
4. สำนักงานประกันสังคม 3.40%
5. บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 3.25%

GULF

การลงทุนครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของ GULF ในการกระจายพอร์ตการลงทุนเข้าสู่ภาคการเงิน ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจหลักของบริษัทที่มุ่งเน้นด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน โดยในช่วงปีที่ผ่านมา GULF ได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้น KBANK อย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่ถือครองเพียง 0.87% ในเดือนเมษายน 2567 จนกระทั่งขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 ในปี 2568

นางสาว ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของ GULF ได้ออกมายืนยันว่า นี่เป็นเพียงการลงทุนทั่วไป โดยมีเป้าหมายหลักคือ การรับเงินปันผลและการทำกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น สะท้อนถึงกลยุทธ์ของ GULF ในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากหุ้นที่มีความมั่นคงสูงและมีศักยภาพในการเติบโต

สำหรับกรณีการเข้าถือหุ้นธนาคารกสิกรไทย มองว่าเป็นธนาคารที่มีความทันสมัยทางเทคโนโลยี เป็นผู้นำในด้านข้อมูล (Data) และเทคโนโลยีคริปโทเคอร์เรนซี ไม่ได้ห่างไกลจากวิสัยทัศน์ของกัลฟ์มากนัก การจับมือระหว่างสององค์กรจึงอาจไม่ใช่เรื่องแปลก

ยุพาพิน วังวิวัฒน์

ทำไมหุ้น KBANK จึงน่าสนใจ?

คำถามสำคัญก็คือ ทำไมหุ้นของธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK จึงเป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบันมาโดยตลอด หากสรุปแบบไวๆ ก็จะพบจุดเด่นในหลายด้าน เช่น

1. เงินปันผลที่แข็งแกร่ง: KBANK ประกาศจ่ายปันผลรวมปี 2567 ที่ 12 บาทต่อหุ้น แสดงให้เห็นถึงนโยบายการคืนผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) อยู่ที่ระดับ 7-8% ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นในตลาดหลักทรัพย์ฯ

2. ราคาหุ้นที่ถูกเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชี: ปัจจุบัน KBANK มี P/BV (Price to Book Value) อยู่ที่เพียง 0.66 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมธนาคาร หมายความว่านักลงทุนสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีของธนาคาร ซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาสที่ราคาหุ้นอาจปรับตัวขึ้นในอนาคต

3. การเติบโตของรายได้และกำไร: KBANK ทำกำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 48,598 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% จากปีก่อนหน้า สะท้อนถึงประสิทธิภาพของการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ในขณะที่รายได้รวมของธนาคารอยู่ที่ 315,217 ล้านบาท สูงสุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทย

ปัจจัยบวกที่สนับสนุน KBANK

จากข้อมูลของบลวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส และ บล.กรุงศรี ได้วิเคราะห์แนวโน้มหุ้น KBANK โดยมีปัจจัยบวกที่น่าสนใจ คือ การเติบโตของกำไรและรายได้ โดยกำไรปี 2568 คาดว่าจะเติบโต 9% ส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังคงแข็งแกร่ง แม้ภาวะดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง อีกทั้งยังมีการบริหารเงินทุนที่แข็งแกร่ง มีการเพิ่มการจ่ายปันผลเพื่อดึงดูดนักลงทุน และเพิ่ม ROE

สรุปแล้วเราจะเห็นว่าการลงทุนของ GULF กับ KBANK ถือเป็นโอกาสที่น่าจับตามอง ด้วยการเลือกหุ้นที่ให้ปันผลสูง, มีมูลค่าทางบัญชีต่ำ และมีแนวโน้มกำไรเติบโต แม้ตลาดจะจับตาดูว่าการลงทุนครั้งนี้ของ GULF จะมีนัยสำคัญอย่างไรในระยะยาว แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน คือ KBANK ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นธนาคารที่แข็งแกร่งและน่าลงทุนในปี 2568

GULF

ทั้งนี้ KBANK ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องตามที่ได้รับอนุญาตไว้ในพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงินฯ และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ และประกาศที่เกี่ยวข้อง โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ธนาคารมีเครือข่ายสาขาจำนวน 781 สาขา และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์สำหรับทำธุรกรรมด้วยตนเอง 10,286 เครื่อง ครอบคลุมทุกพื้นที่และเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ ธนาคารมีเครือข่ายการให้บริการในต่างประเทศรวม 16 แห่ง ใน 8 ประเทศ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...