ประวัติศาสตร์บิดเบือน : ย้อนรอย Fear Street ซีรีส์สยองขวัญจาก Netflix เมื่อสังคมชายเป็นใหญ่เข่นฆ่า LGBTQIAN+
"Fear Street" ซีรีส์สยองขวัญจาก Netflix ที่สร้างจากนิยายของ R.L. Stine อาจดูเหมือนแค่เรื่องราวของคำสาปและฆาตกรต่อเนื่อง แต่เมื่อเราขุดลึกลงไป นี่คือเรื่องราวที่สะท้อนความอยุติธรรมทางเพศและประวัติศาสตร์ที่ถูกบิดเบือนโดยระบบปิตาธิปไตย (Patriarchy) ซึ่งในภาคสุดท้ายของ Fear Street Part 3: 1666 เราถูกพาย้อนเวลากลับไปยังยุคที่ "แม่มด" ไม่ได้เป็นเพียงคำกล่าวหา แต่เป็นเครื่องมือที่ผู้ชายใช้กำจัดและควบคุมผู้หญิงที่แตกต่างจากกรอบของสังคม
Sarah Fier ไม่ใช่แม่มด แต่เป็นเหยื่อของสังคมชายเป็นใหญ่
เรื่องราวของ Sarah Fier หญิงสาวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด เพียงเพราะเธอมีความรักกับ Hannah Miller หญิงสาวอีกคนหนึ่ง ในยุคที่สังคมปิตาธิปไตยไม่อาจยอมรับความรักที่อยู่นอกเหนือกรอบของสังคม ถึงแม้ว่า Sarah Fier ไม่เคยทำเวทมนตร์ ไม่มีคาถา ไม่มีคำสาป แต่เพียงเพราะเธอมีความสัมพันธ์แบบเลสเบี้ยนและขัดขืนอำนาจชายเป็นใหญ่ ทำให้เธอตกเป็นเป้าหมายของการล่าแม่มด และเพื่อรักษาอำนาจของชนชั้นนำ Solomon Goode (ชายผู้แทนสังคมปิตาธิปไตย) ได้ใส่ร้าย Sarah Fier และใช้ความกลัวต่อ "แม่มด" เป็นเครื่องมือควบคุมผู้คนในเมือง Union (Shadyside ในอนาคต)
เมื่ออำนาจอยู่ในมือผู้ใด ความจริงก็ถูกเขียนขึ้นโดยผู้ชนะ
เรื่องราวของ Sarah Fier ถูกบิดเบือนมาหลายศตวรรษ เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของคำสาป ทั้งที่จริงแล้ว ครอบครัว Goode ต่างหากที่ทำข้อตกลงกับปีศาจเพื่อแลกกับอำนาจและความมั่งคั่ง
ความเป็นเลสเบี้ยนในยุคที่ "ศาสนา" และ "อำนาจ" เป็นใหญ่
Sarah Fier และ Hannah Miller คือภาพแทนของ หญิงรักหญิงที่ถูกกดขี่โดยสังคม ซึ่งสะท้อนว่า LGBTQIAN+ ไม่ได้เพิ่งมีอยู่ในยุคปัจจุบัน แต่ถูกกดทับและลบทิ้งไปจากประวัติศาสตร์ที่ชายเป็นใหญ่เขียนขึ้น ทำให้เห็นว่า "แม่มด" ในยุคกลางไม่ได้หมายถึงคนที่ใช้เวทมนตร์เสมอไป
หลายครั้งอาจหมายถึง ผู้หญิงที่มีพลังทางสังคม หรือผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน เรื่องราวของ Fear Street จึงตั้งใจชี้ให้เห็นว่า การล่าแม่มดไม่ใช่เรื่องของไสยศาสตร์ แต่มันคือการเมือง Sarah Fier ไม่ได้ถูกฆ่าเพราะเธอเป็นแม่มด แต่เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่รักผู้หญิง และไม่ก้มหัวให้กับสังคมปิตาธิปไตย อาจพูดได้ว่า Fear Street ไม่ใช่แค่หนังสยองขวัญ แต่เป็นเรื่องราวของการต่อต้านอำนาจที่กดขี่ และการคืนความเป็นธรรมให้กับหญิงรักหญิงที่ถูกลืมไปจากหน้าประวัติศาสตร์
Fear Street กับประวัติศาสตร์การล่าแม่มดในโลกจริง
เรื่องราวของ Sarah Fier เป็นภาพสะท้อนของเหตุการณ์จริง เช่น Salem Witch Trials (1692-1693) ซึ่งผู้หญิงหลายคนถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด โดยอ้างจากพฤติกรรมที่สังคมชายเป็นใหญ่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งการล่าแม่มดในประวัติศาสตร์มักมีปัจจัยร่วมกัน คือ ผู้หญิงที่มีอิสระมากเกินไป หรือไม่อยู่ในกรอบที่ผู้ชายกำหนด, คนที่มีเพศวิถีหรืออัตลักษณ์ทางเพศที่แตกต่าง (เช่น LGBTQIAN+) และผู้หญิงที่เป็นปัญหาต่ออำนาจของผู้ชาย (หมอผี, นักสมุนไพร, หญิงเดี่ยว, นักคิด)
โดยสรุปแล้ว ซีรีส์ Fear Street ถือเป็นเรื่องราวการตีแผ่ ความอยุติธรรมของสังคมปิตาธิปไตย ที่ฝังรากลึกในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกดขี่และการลบเลือนตัวตนของชุมชน LGBTQIAN+ ในอดีต นอกจากนี้ ซีรีส์วิพากษ์การเขียนประวัติศาสตร์โดยผู้มีอำนาจ ซึ่งมักบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อรักษาโครงสร้างทางสังคมที่พวกเขาควบคุมอยู่ Fear Street จึงเป็นมากกว่าความบันเทิง แต่มันคือคำถามที่ท้าทาย ระบบชายเป็นใหญ่ ซึ่งยังคงส่งผลกระทบต่อสังคมปัจจุบัน
ท้ายที่สุด หนังเรื่องนี้เตือนให้เราตระหนักว่า ประวัติศาสตร์ไม่ได้เป็นอย่างที่เราถูกสอนเสมอไป และหากเคยเชื่อว่า "แม่มด" คือปีศาจ บางทีเราอาจต้องกลับมาทบทวนความจริงอีกครั้ง