โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

WOOPS Smoothie ปั้นแบรนด์น้ำปั่นฉบับ SME สมูทตี้ขวัญใจชาวออฟฟิศย่านสาทร

Positioningmag

อัพเดต 26 ก.ย 2567 เวลา 08.34 น. • เผยแพร่ 26 ก.ย 2567 เวลา 08.17 น.

หากย้อนกลับไปในช่วงที่ทั่วโลกเผชิญกับการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 เทรนด์การรักษาสุขภาพทั่วโลกรวมถึงในไทย มีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกายได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามมา รวมถึงเทรนด์ อาหารเพื่อสุขภาพ ที่มีแบรนด์เฉพาะเกิดขึ้นมากมาย โดยขายความเป็นสินค้าคุณภาพเพื่อสุขภาพที่ดี มีการใช้วัตถุดิบจากแหล่งเฉพาะ รวมถึงความเป็น Organic เป็นต้น
สอดคล้องกับข้อมูลจาก Mintel ที่เผยว่า ผู้บริโภคชาวไทยประมาณ 35% ให้ความสำคัญกับคุณค่าต่อสุขภาพมากกว่าเรื่องรสชาติ ส่วนผู้บริโภคประมาณ 22% ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องรสชาติเมื่อซื้อเครื่องดื่มมากกว่าคุณค่าต่อสุขภาพ
จึงในระยะหลายปีให้หลังมานี้ มีร้านน้ำผักผลไม้ที่เป็นที่น่าสนใจและได้รับความนิยมมากขึ้นหลากหลายแบรนด์ อาทิ Erewhon Smoothie น้ำปั่นจากอเมริกาที่สร้างความฮือฮาเรื่องสีสันที่น่าทาน รวมถึงราคาที่แค่เริ่มต้นก็ปาไป 800 กว่าบาท แต่ธุรกิจกลับมีการเติบโตเฉลี่ย 30% ต่อเนื่องทุกปี
หรือจะเป็น Boost Juice ร้านน้ำปั่นจากออสเตรเลีย ที่กำลังฮิตมาในหมู่วัยรุ่นไทย ซึ่งแบรนด์ขายแค่น้ำผลไม้ปั่น แต่สามารถขยายสาขาไปได้กว่า 600 แห่งใน 15 ประเทศทั่วโลก ตามมาด้วย Plantiful ร้านน้ำผักผลไม้ปั่นที่ได้ฉายาว่าเป็น น้ำปั่น Erewhon สาขาไทย และล่าสุด OH JUICE! แบรนด์น้ำปั่นเพื่อสุขภาพที่แตกไลน์ธุรกิจออกมาจาก โอ้กะจู๋ ร้านอาหารสุขภาพที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เป็นต้น
[caption id="attachment_1491913" align="alignnone" width="1280"]

(ซ้ายมือ)ไอซ์-จักรภัทร มุ่งจิตภิญโญ และ (ขวามือ) ซันนี่-วีรสรณ์ ลิ้มเจริญ เจ้าของร้าน WOOPS Smoothie (วูบส์ สมูทตี้)[/caption]
ความฝันคนรุ่นใหม่ มีธุรกิจก่อนวัยเลข 3
หากมองแนวโน้มของตลาดอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ ก็ถือเป็นอีกธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องขึ้นทุกปีและน่าสนใจไม่น้อย ซึ่ง ซันนี่-วีรสรณ์ ลิ้มเจริญ และ ไอซ์-จักรภัทร มุ่งจิตภิญโญ คู่เพื่อนซี้เจ้าของร้านWOOPS Smoothie (วูบส์ สมูทตี้)ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่เลือกลาออกจากงานประจำ แล้วเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ
ซึ่งทั้งคู่เลือกทำธุรกิจร้าน สมูทตี้เพราะมาจากประสบการณ์ตรงที่ซันนี่เจอตอนไปออกกำลังกายเสร็จ แล้วอยากดื่มอะไรเย็นๆ คลายร้อน จึงสั่งน้ำผลไม้ปั่นไม่ใส่น้ำเชื่อม แต่ก็ไม่มีความอร่อย จึงบ่นในวงเพื่อนขำๆว่า ทำไมไม่ใส่ผลไม้ล้วนลงไปปั่น
บวกกับความชอบที่ทั้งคู่มีเหมือนกัน คือ เป็นคนรักสุขภาพและชื่นชอบการกินน้ำปั่นกันเป็นทุนเดิม จึงลองใช้เครื่องมือที่มีอยู่ในครัวบ้านนำผลไม้มาปั่นกินกันเอง โดยไม่ใส่น้ำเชื่อมและน้ำแข็งลงไป ปรากฎว่าเครื่องดื่มก็ออกมามีรสชาติที่ดี ได้ประโยชน์แถมความหวานก็ได้จากผลไม้
โดยเมนูแรกที่ลองทำคือ มิกซ์เบอร์รี่ ที่นำเบอร์รี่มาปั่นรวมกับนมและโยเกิร์ต เมื่อลองทำให้คนรอบตัวชิมและช่วยคอมเมนต์ ช่วยกันพัฒนาสูตรกันกว่า 2-3 เดือน จนมั่นใจว่าไปต่อได้ จึงลองเปิดขายสมูทตี้ทางออนไลน์เป็นครั้งแรกในช่วงเดือน มิถุนายน 2567 โดยใช้พื้นที่ชั้น 2 ของร้านอาหารเกาหลีในซอยสาทร 11 ซึ่งเป็นธุรกิจทางบ้านซันนี่ ที่กำลังจะปิดตัวลงเป็นครัวกลางทำสมูทตี้


ซึ่งทั้งซันนี่และไอซ์ ก็มีความรู้ด้านธุรกิจกันมาบ้าง เพราะไอซ์เรียนจบทางด้านนิเทศศาสตร์ แต่มีประสบการณ์การทำงานในแวดวงการตลาด รวมถึงทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองคือ MARTIN HANK ซึ่งก็มีแนวโน้มไปได้สวย ผนวกกับความชอบในด้านแฟชั่นที่มีมากกว่าการนั่งทำงานประจำเป็นมนุษย์ออฟฟิศ ไอซ์จึงเลือกลาออกมาโฟกัสที่แบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองเต็มตัว
ส่วนซันนี่เรียนจบบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด และเคยทำงานในสายการตลาดให้บริษัทอุปกรณ์กีฬาแบรนด์ดัง แล้วก็เห็นว่าเพื่อนซี้อย่าง ไอซ์ ลาออกจากงานแล้วมาเป็นนายตัวเองทั้งธุรกิจก็ไปต่อได้ดี จึงอยากลองหาธุรกิจทำเป็นของตัวเองบ้าง เพราะด้วยวัยที่ใกล้เลข 3 บวกกับใฝ่ฝันอยากมีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง จึงได้ปรึกษาและชักชวนนำเงินเก็บมาลงขันกันทำธุรกิจด้วยงบหลักล้านบาท
เริ่มต้นธุรกิจ แม้จะทำการบ้านมาดี แต่ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
แม้ตอนนี้ธุรกิจน้ำปั่นจะมีแต่เจ้าใหญ่ๆ อาทิ Boost Juice Plantiful และล่าสุด OH JUICE! ที่ทุนหนากว่า แบรนด์ติดตลาด สามารถขยายสาขาเข้าไปตามศูนย์การค้าได้ แต่เทรนด์ของน้ำปั่นก็ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในเมืองไทย เพราะปัจจัยอย่างสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน ทำให้ผู้คนมีความต้องการในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีความเย็นและสดชื่น ซึ่ง WOOPS Smoothies ที่เป็นแบรนด์น้ำปั่นที่ปั้นขึ้นด้วย SME ตัวเล็กๆ ได้เข้ามาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาด
แต่ใช่ว่าธุรกิจขายสมูทตี้ออนไลน์ของทั้งคู่จะไปได้สวย เพราะในช่วงเปิดร้านแรกๆ ยอดขายดีเพราะเพื่อนๆ และคนรู้จักมาช่วยกันอุดหนุน แต่พอเวลาผ่านไปก็ได้พบความจริง ที่ทั้งคู่ก็คาดการณ์กันไว้อยู่แล้วว่ายอดขายจะหายไป เหลือเพียง 1-2 แก้วต่อวัน บางวันก็ไม่มียอดสั่งซื้อ และจำต้องทิ้งผลไม้และวัตถุดิบต่างๆ แม้จะเป็นการทิ้งต้นทุนไปเสียเปล่า แต่เพื่อความสดใหม่ของวัตถุดิบที่จะนำมาทำเครื่องดื่ม ทั้งคู่จึงยอมเฉือนเนื้อกันคนละหน่อย ไหนจะต้นทุนเรื่องค่าที่ที่ยังต้องเสียเท่าเดิม ซันนี่และไอซ์จึงกลับมานั่งวางแผนแก้ปัญหาและค่อยๆ เรียนรู้วิธีทำธุรกิจกันไป


จนเมื่อเห็นว่ามีคนเดินผ่านไปผ่านมาในซอยเยอะ ผนวกกับร้านอาหารเกาหลีได้ปิดตัวลงเหลือเพียงร้านและโต๊ะเก้าอี้ที่ทิ้งไว้เฉยๆ ซันนี่และไอซ์จึงลองย้ายอุปกรณ์ต่างๆ ลงมาที่ชั้นล่าง แบ่งใช้พื้นที่เล็กๆ ในร้าน แล้วปั่นน้ำขายคนที่เดินผ่านไปมา ทำให้ร้านเริ่มมีลูกค้าจากการ Walk in มากขึ้น จนคนยืนรอเต็มฟุตบาท
ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจรีโนเวทร้านเก่า เพื่อเปิดให้ลูกค้าเข้ามานั่งทานน้ำหลบร้อนกันข้างในได้ และซื้ออุปกรณ์ต่างๆในการทำธุรกิจ เช่น เครื่องปั่นที่ใช้แบรนด์ราคาหลักพันปลายๆ ที่มีความแข็งแรงกว่าเดิม รวมถึง เครื่องสกัดเย็นราคาเกือบหมื่น (ที่ช่วยร่นระยะเวลาในการทำเครื่องดื่มได้เยอะ) มาทำเมนูน้ำผลไม้สกัดเย็น เพิ่มเข้ามาเป็นตัวเลือกให้ลูกค้า เป็นต้น
จนในเดือนสิงหาคมWOOPS Smoothie ที่ได้แรงบันดาลใจของชื่อมาจาก เสียงดูดน้ำตอนใกล้จะหมดแก้ว WOOPS (วูบส์) พร้อมคอนเซ็ปต์ ไม่ใส่น้ำแข็ง ไม่ใส่น้ำเชื่อม ก็ได้ฤกษ์เปิดในซอยสาทร 11 อย่างเป็นทางการ
เตรียมขยายอีก 3 สาขา จับโลเคชั่นออฟฟิศ
ด้วยความที่ร้านอยู่ในย่านสำนักงานยอดขายจึงดีในวันทำงาน โดยตลาดลูกค้าหลักๆ จึงเป็นกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ ที่จะเข้ามาหาอะไรกินในซอยตอนเที่ยงๆ กลุ่มรองลงมาเป็นนักท่องเที่ยวที่มาพักโรงแรมใกล้ๆ โดยราคาเครื่องดื่มของร้านมีตั้งแต่ราคา 59 บาทไปจนถึงหลักร้อยปลายๆ โดยมียอดขายเฉลี่ย 100 แก้วต่อวัน
ซึ่งมาจากลูกค้าที่ Walk in กว่า 70% และอีก 30% เป็นลูกค้า Delivery ที่ตามมาจากช่องทาง Online ที่ทางร้านเองก็วางแผนไว้คือ การทำการตลาด ยิงโฆษณาบนแอปฯ Delivery เรียนรู้และศึกษาพฤติกรรมลูกค้า การทำคอนเทนต์ป้อนลงไปบนโซเชียลเพื่อโปรโมทร้าน การวางแผนจะใช้ KOL ให้เข้ามาช่วยทำให้ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงรสชาติเครื่องดื่ม งานอาร์ตเวิร์ก แบรนด์ดิ้งต่างๆ ที่ใช้ภายในร้าน
ร้านเปิดมาได้ 4 เดือน ทั้งคู่ก็มีปรับแผนกันว่าจะปรับปรุงร้านใหม่ โดยจะแบ่งร้านทำธุรกิจ 2 อย่างคือ ฝั่งหนึ่งเป็นโซนร้านน้ำผลไม้ทำธุรกิจขายน้ำผลไม้ อีกโซนหนึ่งจะทำเป็นธุรกิจรับจัดดอกไม้ที่มีการร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นเพื่อนๆ กันด้วย
ทำให้นอกจากสำนักงานใกล้ๆ จะมาสั่งดอกไม้เป็นของขวัญได้แล้ว ร้านยังมีดอกไม้เป็นตัว ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปและใช้บริการมากขึ้น รวมถึงแพลนที่จะร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ ในการเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา โดยแบ่งเป็นหน้าร้าน 2 ที่ คือ เอ็มไพร์ ทาวเวอร์ กับ ตลาดละลายทรัพย์ และย่านงามวงศ์วาน ที่จะเปิดเป็นเดลิเวอร์รี


ทั้งนี้ ทั้งคู่มองว่าตลาดอาหารเครื่องดื่มและของกินต่างๆ เป็นตลาดที่กว้างมาก โดยเฉพาะกับเทรนด์เฮลท์ตี้ที่กระแสมาแรงกว่าเมื่อก่อน ซึ่งเทรนด์เครื่องดื่มสมูทตี้ ที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบัน จะเป็นเรื่องของการแต่งแก้ว เน้นความสวยงาม แต่ที่ร้าน WOOPS ไม่ได้เน้นความหวือหวาในเรื่องการตกแต่ง หรือเมนูแปลกแหวกกว่าใคร แต่เป็นร้านที่อยู่ในคอนเซ็ปต์ Every Day Smoothies กินง่าย ใครๆก็มากินกันได้ทุกวัน
แม้ว่าความสวยงามก็ถือเป็นจุดดึงดูดลูกค้า แต่ทั้งคู่มองอยากเน้นให้ลูกค้ามาซื้อกินมากกว่า เพราะจากที่ลองเปิดร้านเป็นธุรกิจเสริม กลายเป็นว่าธุรกิจสมูทตี้สามารถสร้างรายได้ให้กับซันนี่และไอซ์ได้อย่างจริงจัง ทั้งคู่จึงไม่ได้คิดว่า ธุรกิจที่ทำจะมีการแข่งขันสูงจนร้านไม่สามารถพัฒนาหรือเติบโตต่อไปได้ในอนาคต มีแต่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และอยู่ไปอีกพักใหญ่ๆ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...