งานวิจัยล่าสุดชี้ว่าแก่นโลกกำลังเย็นตัวลงในอัตราที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้อย่างน้อย 1.5 เท่า ซึ่งเมื่อเย็นตัวลงอาจทำให้สิ่งมีชีวิตไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีกต่อไปในอนาคตข้างหน้า
แก่นของโลกได้เย็นตัวลงอย่างช้าๆตลอด 4.5 พันกว่าล้านปีที่ได้ถือกำเนิดตามธรรมชาติของดาวเคราะห์ ทำให้เหมาะแก่การอยู่อาศัยแบบในปัจจุบัน โดยในอนาคตมันจะเย็นลงเรื่อยๆจนแก่นโลกกลายเป็นหินแข็งไร้ความเคลื่อนไหวทางธรณีที่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิต เหมือนดาวอังคารและดาวพุธ ซึ่งคาดว่าจะเกิดอีกหลายพันล้านปี แต่สิ่งที่ยังไม่แน่ชัดในปัจจุบันคือโลกของเรานั้นเย็นตัวลงเร็วขนาดไหน และจะหยุดลงเมื่อไหร่ ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นตัวบอกอนาคตของโลกได้ว่าจะยังคงมีชีวิต่อไปอีกนานเท่าใด โดยสิ่งที่อาจสามารถใช้เป็นตัวชี้วัดได้คือการศึกษาการสูญเสียความร้อน และการนำความร้อนของแร่ธาตุในบริเวณแก่นของโลก
ทีมนักวิจัยได้ทำการศึกษาแร่ธาตุ bridgmanite ที่พบมากในรอยต่อระหว่างแก่นโลก (Earth's core) และชั้นเนื้อโลก (Mantle) โดยพบว่ามันนำความร้อนได้สูงกว่าที่คาดเอาไว้ 1.5 เท่า และสันนิษฐานว่าความร้อนนั้นก็จะถูกไหลเวียนส่งออกไปเร็วมากขึ้นด้วย ซึ่งอาจหมายความว่ากระบวนการการเย็นตัวลงของโครงสร้างภายในของโลกนั้นอาจเย็นตัวลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ตามไปด้วยเช่นกัน
โดยหากชั้นภายในของโลกเย็นตัวแล้ว แก่นโลกหยุดไหลเวียนแข็งตัว จะมีการสูญเสียสนามแม่เหล็ก ที่ช่วยป้องกันโลกจากรังสีคอสมิกที่อันตราย สูญเสียเสถียรภาพทางอุณหภูมิและวงจรคาร์บอนของโลก ณ จุดนั้นจะทำให้โลกกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถอาศัยได้อีกต่อไป
นักวิจัยชี้ว่าผลของการศึกษานี้ให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งของวิวัฒนาการของโลก โดยชี้ว่าโลกกำลังเย็นลงและอาจจะกลายเป็นดาวเคราะห์ที่ไม่มีการเคลื่อนไหว และจะเป็นเหมือนดาวเคราะห์อื่นๆในอนาคตอย่างดาวอังคาร และดาวพุธ แต่นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องมีการศึกษาและทำความเข้าใจโครงสร้างชั้นในของโลกให้มากขึ้น
ก่อนหน้านี้การประเมินการณ์โดย Andrew Rushby จาก University of East Anglia ชี้ว่าโลกจะสามารถเหมาะสมต่อสิ่งมีชีวิตในการอาศัยอยู่อีกราว 1.75 - 3.25 พันล้านปี หากไม่มีเหตุการณ์ร้ายแร้งอื่นๆอย่างนิวเคลียร์ อุกกาบาตหรือภัยพิบัติอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นก็ตามการเข้าใจถึงการเย็นตัวของโลกชั้นในก็ถือเป็นเรื่องที่ยังไม่มีการเข้าใจนักในปัจจุบัน
งานศึกษา
https://www.sciencedirect.com/…/pii/S0012821X21005859
ที่มา
https://www.nbcnews.com/…/earths-core-cooling-faster…
https://www.bbc.com/thai/features-60101139
https://www.sciencedaily.com/rel…/2022/01/220114115640.htm
https://phys.org/…/2022-01-earth-interior-cooling…
https://www.independent.co.uk/…/earth-core-cooling…