สปสช.จ่อประเมินผลตอบรับตู้จ่ายถุงยางอนามัยอัตโนมัติ ก่อนขยายพื้นที่ติดตั้ง
สปสช.จ่อประเมินผลตอบรับตู้จ่ายถุงยางอนามัยอัตโนมัติ ก่อนขยายพื้นที่ติดตั้ง
วันนี้ (15 กุมภาพันธ์) ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ตามที่ สปสช.ได้ดำเนินโครงการเลิฟปัง รักปลอดภัย แก้ปัญหาท้องไม่พร้อม ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ “แจกยาคุมกำเนิด-ถุงยางอนามัย” ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง และได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ตามนโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.)
โครงการนี้ ไม่เพียงแต่ดูแลประชาชนผู้ใช้สิทธิบัตรทองให้เข้าถึงบริการถุงยางอนามัยเบื้องต้น จำนวน 94,566,600 ชิ้น ในปี 2566 และยาคุมกำเนิดเท่านั้น แต่รวมถึงบริการคุมกำเนิดด้วยวิธีต่างๆ ด้วย เช่น การใส่ห่วงอนามัย ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน เป็นต้น
“ในส่วนของถุงยางอนามัย ที่ สปสช.เพิ่มบริการผ่านตู้จ่ายถุงยางอนามัยอัตโนมัตินั้น ได้เริ่มให้บริการแล้วเช่นกัน เบื้องต้นติดตั้งบริการ 3 เครื่อง ใน 2 พื้นที่เมืองพัทยา คือ ท่าเรือแหลมบาลีฮาย 2 เครื่อง และโรงพยาบาล (รพ.) เมืองพัทยา 1 เครื่อง โดยหลังจากนี้ สปสช.จะมีการติดตามและประเมินผลการให้บริการและรับบริการของประชาชนกลุ่มเป้าหมายผ่านตู้จ่ายถุงยางอัตโนมัติ หากได้รับการตอบรับที่ดี ก็จะมีการขยายติดตั้งตู้บริการเพิ่มเติมในพื้นที่และจังหวัดอื่นๆ ต่อไป” ทพ.อรรถพรกล่าว
นายจำรอง แพงหนองยาง รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ (สวิง พัทยา) กล่าวว่า ยินดีที่หน่วยงานภาครัฐได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และมองว่ามีความตั้งใจในการพัฒนาระบบบริการ เพื่อให้เกิดการเข้าถึงที่ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” การรับถุงยางอนามัยผ่านเครื่องจ่ายถุงยางอนามัยอัตโนมัติ รวมถึงสิทธิประโยชน์คุมกำเนิดอื่นๆ ภายใต้โครงการเลิฟปัง รักปลอดภัยฯ ในระบบบัตรทอง
“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมจะมองว่าดี แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ประชาชนทุกกลุ่ม เช่น กลุ่มพนักงานบริการ ก็อยากให้มีบริการถุงยางอนามัยและยาคุมกำเนิดที่ไม่ต้องมาแสดงบัตรประชาชน หรือเปิดเผยตัวตนวิธีใดๆ ก็ตาม เพราะแม้แต่การจ่ายถุงยางอนามัยผ่านตู้อัตโนมัติก็ยังต้องใช้บัตรประชาชนยืนยัน ที่เป็นการเปิดเผยตัวตนเช่นกัน ถือเป็นข้อจำกัด” นายจำรองกล่าว และว่า การให้บริการถุงยางอนามัย จำนวน 10 ชิ้นต่อครั้งต่อสัปดาห์นั้น หากเป็นค่าเฉลี่ยประชากรทั้งประเทศ มองว่าเป็นจำนวนที่เหมาะสมแล้ว
นายจำรองกล่าวต่อไปว่า ส่วนจะเป็นการสนับสนุนให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์หรือไม่นั้น คงแล้วแต่มุมมอง แต่ส่วนตัวมองว่า เพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมชาติมนุษย์ และทุกครั้งที่เห็นถุงยาง ก็ไม่ได้จะทำให้อยากมีเพศสัมพันธ์ เพียงแต่การพกถุงยางอนามัยเป็นเรื่องการเตรียมความพร้อม และป้องกันมากกว่า
“เมื่อวานนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2566) ทั้งสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย สำนักงานชลบุรี, มูลนิธิซิสเตอร์ พัทยา, เครือข่ายสุขภาพและโอกาส Hon house พัทยา และสวิง พัทยา เอง ได้ร่วมการเปิดตัวโครงการเลิฟปังฯ เราเห็นด้วยกับการจัดบริการเพื่อเพิ่มการเข้าถึงถุงยางอนามัย เพราะทำให้เข้าถึงได้ง่าย สะดวกมากขึ้น และอยากให้มีการกระจายติดตั้งไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงการจัดบริการถุงยางอนามัยเฉพาะกลุ่มพนักงานบริการที่ไม่อยากแสดงตัวตนด้วย” นายจำรองกล่าว
ขณะที่ นายวชิรธร คงสุข กรรมการและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท สบายฯ ได้ร่วมกับ สปสช. พัฒนาระบบการแจกถุงยางอนามัยผ่านตู้อัตโนมัติ โดยนำนวัตกรรมในการจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค ผ่านเครื่องอัตโนมัติของบริษัท มาปรับกระบวนการเพื่อให้บริการให้สอดคล้องกับนโยบายและหลักเกณฑ์ของ สปสช. ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางเลือกให้กับประชาชนผู้มีสิทธิประโยชน์บัตรทอง สามารถเข้าถึงสิทธิการรับถุงยาง โดยได้รับการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ซึ่งบริษัทมองถึงประโยชน์ของช่องทางในการให้บริการแจกถุงยางผ่านตู้อัตโนมัติ ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์อุปนิสัยส่วนตัวของคนไทย ที่ส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้ามาขอรับถุงยางอนามัยผ่านเครือข่ายสถานพยาบาลที่ให้บริการในปัจจุบัน
“สำหรับการแจกถุงยางอนามัยผ่านตู้อัตโนมัติ ในอนาคตมีแผนกระจายไปยังแหล่งชุมชนและพื้นที่สำคัญๆ ทั่วประเทศด้วย” นายวชิรธรกล่าว