“สหรัฐ-เม็กซิโก” จ่อบรรลุข้อตกลงยกเว้นภาษีเหล็ก 50% ของทรัมป์
ดีลใหม่ใกล้คลอด! สหรัฐ-เม็กซิโก กำลังเจรจาเพื่อลดภาษีเหล็กนำเข้า ภายใต้เพดานปริมาณที่สูงขึ้นกว่าข้อตกลงเดิมในยุคทรัมป์ คาดช่วยลดความตึงเครียดทางการค้า
วันที่ 11 มิถุนายน 2568 เวลา 03.31 น. เว็บไซต์ Yahoo Finance รายงานว่า แหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐ-เม็กซิโก ใกล้บรรลุข้อตกลงที่จะยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 50% ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สำหรับปริมาณนำเข้าในระดับที่กำหนดไว้ โดยข้อตกลงดังกล่าวเป็นการปรับปรุงจากข้อตกลงที่เคยทำไว้ในสมัยแรกของทรัมป์
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ยังไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการเจรจา และจะต้องให้การอนุมัติในท้ายที่สุด โดยการเจรจาครั้งนี้นำโดยรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ ฮาวเวิร์ด ลัทนิก
ทั้งนี้ข้อตกลงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ภายใต้เงื่อนไขในปัจจุบันสหรัฐจะอนุญาตให้ผู้นำเข้าสามารถนำเข้าเหล็กจากเม็กซิโกได้โดยไม่เสียภาษี หากปริมาณนำเข้าอยู่ในระดับที่ไม่เกินเกณฑ์ตามปริมาณการค้าระหว่างกันในอดีต โดยระดับเพดานใหม่นั้นจะสูงกว่าข้อตกลงเดิมในสมัยแรกของทรัมป์ ซึ่งไม่ได้ระบุเป็นตัวเลขคงที่ แต่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อป้องกันการนำเข้าที่พุ่งสูงผิดปกติ**
หลังจากรายงานของ Bloomberg เผยแพร่ออกมา หุ้นบริษัทเหล็กในสหรัฐปรับตัวลดลงในการซื้อขายช่วงปลายวัน โดยหุ้น Cleveland-Cliffs Inc. ร่วงมากกว่า 7% และ Nucor Corp. ลดลงกว่า 4% ขณะที่ค่าเงินเปโซของเม็กซิโกฟื้นตัวจากการอ่อนค่าก่อนหน้า
มาร์เซโล เอบราร์ด รัฐมนตรีเศรษฐกิจเม็กซิโก เปิดเผยในงานหนึ่งเมื่อวันอังคารว่า เขาได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่สหรัฐ เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กไม่สมเหตุสมผลในกรณีของเม็กซิโก เนื่องจากสหรัฐส่งออกเหล็กไปยังเม็กซิโกมากกว่าที่เม็กซิโกส่งออกไปยังสหรัฐ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เขาได้โพสต์ภาพจับมือกับลัทนิกในวอชิงตัน พร้อมรอยยิ้ม
“เรากำลังรอคำตอบจากพวกเขา เพราะเมื่อวันศุกร์เราได้ส่งรายละเอียดข้อโต้แย้งของเม็กซิโกไปให้แล้ว และเราเชื่อว่าเราพูดถูก” เอบราร์ดกล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมเสริมว่า“เราคาดว่าจะได้รับคำตอบในสัปดาห์นี้”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ประกาศว่าจะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กเป็น 50% หลังจากเขาอนุมัติให้บริษัท Nippon Steel Corp. ของญี่ปุ่นเข้าซื้อกิจการ United States Steel Corp. โดยให้เหตุผลว่าต้องการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศและความมั่นคงของชาติ แม้ผู้ผลิตเหล็กในประเทศจะสนับสนุนมาตรการนี้ แต่ผู้ใช้ปลายทางจำนวนมากกลับเรียกร้องให้รัฐบาลผ่อนปรน
การเจรจานี้เกิดขึ้นในช่วงที่ไชน์บาว์มกำลังพยายามประนีประนอมกับทรัมป์ในประเด็นคนเข้าเมืองและการค้ายาเสพติดข้ามพรมแดน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรัมป์เรียกร้องให้เม็กซิโกรับผิดชอบ โดยเมื่อวันอังคาร คริสตี โนม รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐ กล่าวหาว่าไชน์บาว์มสนับสนุนการประท้วงต่อต้านการเนรเทศในลอสแองเจลิส ซึ่งสหรัฐได้ส่งทหารเข้าไปควบคุมสถานการณ์ แต่ไชน์บาว์มได้ปฏิเสธคำกล่าวหานี้โดยเรียกว่าเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง
ขณะเดียวกันการเจรจาดังกล่าวมีขึ้นก่อนการประชุมผู้นำ G7 ที่จะจัดขึ้นในแคนาดา ซึ่งทั้งสองผู้นำมีแนวโน้มจะได้พบกัน
ในปีที่ผ่านมาสหรัฐนำเข้าเหล็กจากเม็กซิโกราว 3.2 ล้านตัน คิดเป็นประมาณ 12% ของปริมาณนำเข้าเหล็กทั้งหมด ตามข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ โดยข้อตกลงก่อนหน้านี้ที่สหรัฐฯ ทำกับเม็กซิโกในปี 2562 ได้กำหนดให้ควบคุมปริมาณนำเข้าไม่ให้เกินค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2558–2560
อ้างอิง : finance.yahoo.com