โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

'คาเซมิโร่' โขกกู้ชีพช่วย 'แมนฯ ยู' ไล่เจ๊า 'เชลซี' 1-1 ทดเจ็บ 90+4 แถมยังช่วยชีวิต 'แม็คโท' ทำเสียจุดโทษ

MATICHON ONLINE

อัพเดต 23 ต.ค. 2565 เวลา 00.50 น. • เผยแพร่ 22 ต.ค. 2565 เวลา 18.30 น.

‘คาเซมิโร่’ โขกกู้ชีพช่วย ‘แมนฯ ยู’ ไล่เจ๊า ‘เชลซี’ 1-1 ทดเจ็บ 90+4 แถมยังช่วยชีวิต ‘แม็คโท’ ทำเสียจุดโทษ

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก คู่สุดท้ายประจำค่ำคืนวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม เป็นการฟาดแข้งเกม “บิ๊กแมตช์” ระหว่าง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ทีมอันดับ 4 เปิดรังเหย้าสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 5 ของตาราง

เชลซี จัดทัพนำโดย รูเบน ลอฟตัส ชีค, จอร์จินโญ่, เมสัน เมาน์ท, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมย็อง

ส่วนแมนฯ ยู นำทัพโดย อันโตนี่, บรูโน่ แฟร์นาน, เจดอน ซานโช่, มาร์คัส แรชฟอร์ด โดยมี คริสเตียน อีริคเซ่น บัญชาเกมแดนกลาง

ครึ่งแรก เกมรุกของแมนฯ ยู กับเชลซี เปิดแลกกันอย่างสนุก และมีจังหวะลุ้นประตูกันหลายครั้งแต่ยังทำอะไรกันไม่ได้ยังเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลัง แมนฯ ยู มาเสีย ราฟาแอล วาราน ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสชุดฟุตบอลโลก 2022 จากอาการบาดเจ็บ ต้องส่ง วิคตอร์ ลินเดอร์เลิฟ มาแทน แต่ทั้งคู่เล่นกันอย่างระมัดระวังมากขึ้น และหาจังหวะลุ้นประตูกันน้อย

ช่วงท้ายเกมนาที 84 แมนฯ ยู เสียจุดโทษ เมื่อ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองไม่กี่นาที ไปทำ ฟาวล์ดึงผู้เล่นเชลซี ล้มลงในเขตโทษ และจอร์จินโญ่ สังหารจุดโทษให้เชลซี ออกนำ 1-0

แมนฯ ยู เร่งเกมสุดขีด นาที 90+4 คาเซมิโร่ โหม่งประตูกู้ชีพให้แมนฯ ยู ไล่ตีเสมอชนิดต้องใช้เทคโนโลยีโกลไลน์ช่วยตัดสิน และแมนฯ ยู ได้ประตูตีเสมอแบบเหลือเชื่อ จบเกมทำให้เสมอกันไป 1-1 แบ่งกันไปทีมละแต้ม

แมนฯ ยู 11 นัด มี 20 แต้ม อยู่อันดับ 5 ส่วนเชลซี 11 นัด มี 21 แต้ม อยู่อันดับ 4

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...