โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

25 บทเรียนสำหรับเฟิร์สจ็อบเบอร์ เพื่อการทำงานและชีวิตที่ราบรื่น

Mango Zero

เผยแพร่ 06 พ.ย. 2561 เวลา 10.29 น. • Mango Zero

เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องเติบโตไปสู่ก้าวใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยวันแรกของเหล่าน้องๆ นักเรียนม.ปลาย หรือโดยเฉพาะกับเหล่านิสิตนักศึกษาที่วันหนึ่งต้องก้าวพ้นชีวิตการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย และก้าวเข้าสู่วัยทำงาน หรือเฟิร์สจ็อบเบอร์

และสำหรับเด็กจบใหม่หลายๆ คนที่เพิ่งก้าวเข้าสู่การเป็นเฟิร์สจ็อบเบอร์หมาดๆ หรือหลายๆ คนที่กำลังจะกลายเป็นเฟิร์สจ็อบเบอร์ในเร็วๆ นี้ เราก็มีบทเรียนที่เหล่าเฟิร์สจ็อบเบอร์ควรรู้และนำไปปรับใช้เพื่อนำไปสู่การทำงาน และชีวิตที่ราบรื่น

ตรงต่อเวลา

ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่นอกจากจะต้องคำนึงมาตั้งแต่ตอนเรียน ในชีวิตการทำงาน การตรงต่อเวลาก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน (อาจจะสำคัญมากกว่าเสียอีก) ไม่ว่าจะในโอกาสไหนๆ ทั้งสัมภาษณ์งาน นำเสนอผลงาน หรือในวันทำงานปกติ การมาตรงต่อเวลาก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว

รับปากต้องทำได้

ความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นเพื่อให้ชีวิตการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น การรับปากและทำงานให้เสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย ย่อมดีกว่าการตอบรับงานมาแล้ว แต่ไม่เสร็จอย่างที่พูดไว้ก่อนหน้า ในกรณีนี้หากคิดว่างานใหญ่หรือหนักเกินกว่าจะทำให้เสร็จได้ตามกำหนด ก็ควรรีบบอกเพื่อนร่วมงานให้รู้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อหาทางออกต่อไปนะ

คิดก่อนพูด

เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศการทำงานให้ราบรื่น ทุกคำพูดหรือความคิดเห็นที่จะออกจากปากเราจึงควรผ่านการคิดถึงผลดี ผลเสียที่จะเกิดขึ้นก่อน

แต่งกายถูกกาลเทศะ

เพราะการแต่งกายถือเป็นสิ่งแรกที่จะได้เห็นก่อนจะเข้ามาทำความรู้จัก เราจึงปล่อยผ่านไม่ได้ หลายๆ ที่มีเกณฑ์ความเหมาะสมของการแต่งกายที่ไม่เหมือนกัน  เช่น บางบริษัทบังคับให้สวมเสื้อเชิ้ต บางบริษัทสามารถสวมชุดสุภาพอะไรก็ได้ แต่เมื่อออกไปพบลูกค้าต้องสุภาพกว่าตอนทำงานปกติ ดังนั้นควรเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมและถูกกาลเทศะของที่นั้นๆ ด้วยนะ

ไม่หยุดเรียนรู้

ในช่วงเริ่มต้นงาน เราจะได้เปิดโลกและเจอกับสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เจอในตอนที่ยังเรียนอยู่เยอะมาก เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมใช้โอกาสตรงนี้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และเรียนรู้ให้ได้มากที่สุดล่ะ

พูดคุย แชร์ไอเดีย

หนึ่งในปัจจัยที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ในที่ทำงานก็คือ การแลกเปลี่ยนไอเดียและความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมงาน เพราะเรื่องบางเรื่องก็สามารถมองได้หลายมุม การเปิดรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น รวมถึงแชร์ไอเดียของตัวเองจะทำให้เกิดการเรียนรู้ได้มากขึ้นนะ

เคารพความคิดเห็นเพื่อนร่วมงาน

เป็นเรื่องปกติที่การทำงานแบบระดมสมอง จะต้องมีเหตุการณ์ความคิดเห็นไม่ตรงกันเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือเราควรเคารพต่อความคิดเห็นของทุกคน และในหลายๆ เรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างกันก็ไม่ได้มีถูกมีผิด

สงสัยให้ถาม

ในช่วงแรกของการเริ่มงาน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเกิดคำถามกับการทำงาน แต่เมื่อสงสัยอะไรแล้วไม่สามารถหาคำตอบได้เอง ก็ควรถามเพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ หรือเจ้านายให้เข้าใจ เพื่อไม่ให้ความสงสัยของเราสร้างความผิดพลาดให้กับตัวงาน

ตื่นตัวอยู่เสมอ

การตื่นตัวและพร้อมทำงานอยู่เสมอ จะทำให้เรามีมวลบวกต่องานมากกว่าการนั่งซึมอยู่เฉยๆ และนอกจากการสร้างมวลบวกให้กับตัวเองแล้ว การตื่นตัวอยู่เสมอยังแผ่บรรยากาศคึกคัก และมีชีวิตชีวาไปสู่เพื่อนร่วมงานได้อีกด้วย

เปิดรับสังคมใหม่ๆ

ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง กับการย้ายสังคมจากมหาวิทยาลัยไปสู่สังคมการทำงาน สิ่งแรกที่ควรมีในการเริ่มต้นทำงานใหม่ก็คือเปิดใจให้กับสังคมใหม่ๆ แม้ว่าเพื่อนที่ทำงานอาจจะไม่สนุก เฮฮาหรือรู้จักเราดีเท่ากับเพื่อนในวัยเรียน แต่ก็เป็นอีกหนึ่งความหลากหลายในชีวิตที่เราควรได้เรียนรู้นะ

ศึกษาเรื่องสวัสดิการพื้นฐาน

เป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันยกใหญ่สำหรับชาวเฟิร์สจ็อบเบอร์ เพราะนอกจากค่าตอบแทนอย่างเงินเดือนที่เราจะได้จากการทำงานแล้ว ยังมีสวัสดิการที่เราจะได้จากภาครัฐ เช่น ประกันสังคม และสวัสดิการอื่นๆ ที่บางบริษัทจะมีให้ เช่น ประกันสุขภาพ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อย่าลืมไปศึกษากันให้เข้าใจนะ

เก็บเงินให้เป็น

สำหรับหลายๆ การเริ่มทำงานหลังจากเรียนจบนับเป็นรายได้ก้อนแรก และขึ้นชื่อว่าเป็นเงินที่หามาเอง ใครๆ ก็อยากจะมีอิสระในการใช้จ่ายด้วยกันทั้งนั้น แต่ช้าก่อน! แม้ว่าจะเพิ่งเริ่มทำงานและยังไม่มีภาระ แต่ก็อย่าลืมแบ่งเงินเก็บไว้บ้าง ทั้งเพื่ออนาคตและยามฉุกเฉินนะ

ไม่รีบทำบัตรเครดิต

เมื่อมีอายุงานตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป หลายๆ ธนาคารก็จะเริ่มยื่นข้อเสนอให้ทำบัตรเครดิต และยิ่งในตอนนี้มีโปรโมชั่นผ่อน 0% อยู่อีกเพียบ มันก็ยิ่งดึงดูดให้อยากทำ แต่พึงระลึกไว้เสมอว่าการมีบัตรเครดิตนั้นก็เหมือนดาบสองคม นอกจากอำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายแล้ว ในอีกแง่หนึ่งก็คือหนี้สินที่ต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายอะไร ก็รอทำงานไปอีกสักระยะหนึ่งก็ได้นะ

แบ่งเวลาให้ดี

ในแต่ละวันเราทำงานกันประมาณ 8 ชั่วโมง ไม่นับระยะเวลาการเดินทางเฉลี่ยวันละ 1-2 ชั่วโมง เวลาที่เหลืออยู่ก็อย่าลืมแบ่งให้ดีว่าจะใช้ไปกับอะไรบ้าง และอย่าหักโหมทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้ตัวเองกันล่ะ

ไม่ลืมใส่ใจสุขภาพ

สิ่งที่เรามักจะหลงลืมเมื่อเริ่มทำงานก็คือการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อน และยิ่งโดยเฉพาะกับพนักงานออฟฟิศที่คุ้นเคยอยู่กับการดื่มชา กาแฟ และแทบไม่ได้ขยับตัวลุกออกจากเก้าอี้ทำงาน อย่าลืมใส่ใจสุขภาพกันด้วยนะ

ไม่ใช้อารมณ์แก้ปัญหา

ไม่ว่าโดยอุปนิสัยแล้วเราจะเป็นคนหัวร้อนมากแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ในสนามการทำงาน อย่าลืมว่ามีอีกหลายคนที่จะได้รับผลกระทบหากเกิดการระเบิดอารมณ์เกิดขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะพอใจหรือไม่พอใจ ให้การใช้อารมณ์อยู่ในตัวเลือกสุดท้ายของการแก้ปัญหานะ

รู้เท่าทันโลก

การติดตามข่าวสารบ้านเมืองก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะนอกจากจะทำให้เรารู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ วันแล้ว ยังสามารถนำไปปรับใช้กับงาน หรือช่วยต่อเติมความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานได้อีกด้วย

วางแผนเรื่องความก้าวหน้า

เป็นเรื่องที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่ได้เริ่มคิดในตอนที่เริ่มทำงานได้หมาดๆ แต่เมื่ออะไรๆ เริ่มลงตัวแล้ว ก็ควรจะมีการวางแผนอนาคต ทั้งเรื่องหน้าที่การงาน ชีวิตประจำวัน และรวมไปถึงการเรียนต่อว่าอยากจะเติบโตไปในทางไหน

ไม่ละเลยครอบครัว

เฟิร์สจ็อบเบอร์ไฟแรงหลายๆ คนทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนลืมไปว่ายังมีคนอีกกลุ่มที่รอให้เรากลับไปหาและใช้เวลาด้วยเสมอ เราเติบโตขึ้นอีกขึ้นจากตอนเรียน และพ่อแม่ก็แก่ลงเช่นกัน ใช้เวลากับพวกท่านบ้างนะ

หลีกเลี่ยงการนินทาเพื่อนร่วมงาน

การนินทามีอยู่ในทุกที่ และในบางครั้งเราก็ปฏิเสธที่จะเจอไม่ได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะนอกจากจะทำให้ผู้ถูกกล่าวถึงรู้สึกแย่เมื่อรู้เข้าแล้ว ยังยิ่งเป็นการเติมความคิดแง่ลบต่อคนคนนั้นให้กับเราอีกด้วย

ผ่อนคลายบ้าง

เพราะงานไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต หลังจากทำงานหนักในวันจันทร์-ศุกร์แล้ว อย่าลืมหาช่วงเวลาผ่อนคลาย และหากิจกรรมพักสมองให้กับตัวเองในช่วงค่ำหรือเสาร์-อาทิตย์ เช่น เล่นกีฬา อ่านหนังสือ ฟังเพลง พบปะเพื่อนๆ ปลูกต้นไม้

หากิจกรรมเพิ่มพูนความรู้ง่ายๆ

นอกจากพักผ่อนจากการทำงานแล้ว สิ่งที่เราสามารถทำได้อีกหนึ่งอย่างเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ คือเราอาจสละเวลาสัปดาห์ละ 2-3 ชั่วโมงเพื่อกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ แต่ไม่ตึงเครียดจนเกินไป เช่น การเรียนภาษาที่สนใจ การออกไปดูนิทรรศการศิลปะ หรือการลงเรียนคอร์สออนไลน์ต่างๆ ในตอนนี้ก็เปิดให้เรียนฟรีอยู่เยอะเลย

ขอความคิดเห็นจากเจ้านาย

ในบางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าทำดีแล้ว อาจยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ในช่วงแรกของการทำงานเราจึงควรขอความคิดเห็นจากเจ้านายอยู่เป็นระยะๆ เพื่ออุดช่องโหว่และเป็นแนวทางในการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

สำรวจตัวเอง

หลังจากทำงานไปได้สักระยะ นอกจากการถามความคิดเห็นจากเจ้านายแล้ว อีกอย่างที่ควรทำก็คือการสำรวจและให้ความคิดเห็นกับตัวเอง ว่าเราเหมาะกับงานนี้ไหม มีจุดไหนที่เรายังต้องพัฒนา หรือถ้าหากงานนี้ไม่เหมาะสมกับตัวเอง เราสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรบ้าง

รู้จักปรับตัว

ในการเป็นเฟิร์สจ็อบเบอร์นั้น ต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงพร้อมกันในหลายๆ ด้าน ทั้งสังคม ชีวิตการทำงาน ชีวิตประจำวัน สุขภาพ อีกทั้งในการทำงานมันอาจจะไม่ได้ตรงกับที่เรียนมา 100% และยังมีปัญหาและอุปสรรคงอกมาให้แก้อยู่ตลอดๆ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดและขาดไปไม่ได้เลยจริงๆ ก็คือ “การปรับตัว” เพื่อให้สามารถอยู่ในสังคมใหม่และไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ได้อย่างมีความสุขและราบรื่น

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...