“ชูวิทย์” เปิดหมดเปลือก ทุนจีนสีเทา ภาค2 แฉบริษัทศูนย์เหรียญ ผู้ถือหุ้นจีน 100% ชนะการประมูลมิเตอร์ไฟฟ้า 1,500 ล้านบาท พร้อม เปิดโปง “สันธนะ” เสียผลประโยชน์หนัก ฮั้วนายทุนจีน
เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2565 เวลา 13.00 น. ที่ โรงแรม เดอะ เดวิส กรุงเทพ สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง แฉหมดเปลือก “ทุนจีนสีเทา” ภาค 2 พร้อมเปิดโปงพฤติกรรม นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ระบุว่าเป็นตำรวจที่ตำรวจด้วยกันไม่เอา ภายหลังนายชูวิทย์ ถูกกล่าวหาว่าโรงแรม เดอะ เดวิส เปิดผับเกินเวลา และมั่วสุมเสพยาเสพติด เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา
นายชูวิทย์ กล่าวว่า “บริษัทศูนย์เหรียญ” ในประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ประเภท คือมีคนไทย 51% และต่างด้าว (จีน) 49% แต่ปัจจุบันพบว่า บริษัท อักษรย่อ H ซึ่งจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2543 เป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ปัจจุบันปี 2565 มีผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวเป็นต่างด้าว (คนจีน) 100%
รวมทั้งที่ผ่านมาไม่นาน บริษัทได้ชนะการประมูลมิเตอร์ไฟฟ้า เป็นจำนวน 1,500 ร้อยล้านบาท ซึ่งมีหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเกี่ยวข้อง และเป็นหน่วยงานหลัก
นอกจากนี้ บริษัทดังกล่าวยังมีการเพิ่มทุนเรื่อยๆ และเพิ่มผู้ถือหุ้น ทราบมาว่าเปลี่ยนผู้ถือหุ้นทุก 7 วัน ทั้งนี้ ยังชนะการประมูลทุกงาน เป็นคู่ค้ารัฐวิสาหกิจมาตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี และมีหน่วยงานอื่นๆ เกี่ยวข้องอีกมาก
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ภาครัฐต้องรีบจัดการทุนจีนเหล่านี้อย่างเร่งด่วน เพราะเป็นเหลือบไรกัดกินประเทศ
สำหรับกรณี นายสันธนะ นั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหากใครรู้จักนายสันธนะ ตอนนี้ติดคุกหมดแล้ว มองว่าการมาหาเรื่องตนในวันนั้น เป็นการเรียกราคา เพราะเสียผลประโยชน์จากการที่นายทุนจีนถูกจับกุม โดยประวัติของนายสันธนะ ต้องฟังจากตำรวจด้วยกัน จึงจะรู้ว่าไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย
ส่วนการที่นายสันธนะ เสียงดังใส่ตนวันดังกล่าว มองว่า “หมามาเห่า” โดยตนถือสุภาษิต “หมากัดอย่ากัดตอบ” เพราะคนละรุ่น ที่ผ่านมาตนมีบาดแผลเต็มตัว ติดคุกมา 3 รอบ ไม่กลัวอะไร อยากชนก็เข้ามาชน การที่นายสันธนะ มีผลประโยชน์กับนายทุนจีน มองว่าเป็นคนทรยศประเทศชาติ
อยากสอนนายสันธนะว่า หากจะเป็นนักแฉการพูดต้องมีสาระ ไม่ใช่เอาเสียงดังข่ม แต่หลักฐานสร้างขึ้นมา ใช้คนมาสร้างสถานการณ์แล้วอัดคลิป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่นายสันธนะ มาหาตนที่โรงแรม ก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยอีก เพราะไม่อยากพูดคุยด้วย มองว่านายสันธนะเหมือน “สกังค์” เข้าใกล้ใครเขาก็หนีหมด