จาก เพลงขวัญ ถึง ‘อากาศ’ นางเอกนอกขนบ และ ‘ใต้หล้า’ ที่ยังมีความหวัง
จากนางเอกผู้เรียบร้อยในละครพีเรียดที่เราๆ มักจะได้เห็นกัน แต่ในละคร ใต้หล้า ที่กำลังออกอากาศทางช่องวัน 31 ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น. ถือเป็นการพลิกบทบาทของ เพลงขวัญ นัตยา ทองเสน ไม่น้อย ด้วยบทบาท ‘อากาศ’ ที่ได้รับคือผู้หญิงสมัยใหม่ที่สู้คน รวมถึงหากใครด่ามา แน่นอนว่าต้องมีด่ากลับ
ซึ่งคนที่เคยรับบทแต่สาวเจ้าน้ำตา เมื่อกลายมาเป็นสาวสตรองก็ถึงกับออกปากว่า “เจ๋งอ่ะ”
“คือเราไม่เคยเห็นนางเอกแบบนี้”
แบบที่ “ เปิดฉากมาปารองเท้าแล้ว”
“อากาศไม่ใช่นางเอกในขนบ” เจ้าตัวบอกอีก ทั้งยังคิดด้วยว่า บุคลิกแบบนี้คนดูน่าจะเข้าถึงตัวละครได้ง่าย
“เพราะเด็กหรือคนสมัยนี้น่าจะเป็นกันแบบนี้”
คือ กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ กล้าแสดงความคิดเห็น
เทียบกับตัวเอง เพลงขวัญบอกว่า แม้เธอกับอากาศจะมีความเหมือนตรงที่เป็นสาวยุคใหม่ มีความตรงไปตรงมา และใช้ชีวิตอยู่กับคุณแม่เพียงสองคนเหมือนกัน แต่การถ่ายทอดก็ถือว่ายาก เพราะเนื้อเรื่องจะมีความดราม่า มีความซับซ้อน ซึ่งมันทำให้มันต้องศึกษารายละเอียดอย่างใส่ใจ
“ถ้าไม่ดีเทลมากพอ เพลงกลัวว่าตอนไปที่เล่น หรือตอนที่คนดูเห็นมันจะไม่รู้สึกเหมือนที่พี่เจี๊ยบ (วรรธนา วีรยวรรธน-คนเขียนบท) อยากจะถ่ายทอด”
ดีเทลที่เธอพูดถึง เพลงขวัญอธิบายว่า คือเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ไม่ว่าจะ แม่, พ่อ, ใต้หล้า ซึ่งเป็นพระเอก หรือแม้แต่ หิรัญ พี่ชายต่างแม่ของเธอ
วิธีการที่เธอใช้ในการเข้าถึงรายละเอียดเหล่านี้ นอกจากจะเข้าเวิร์คชอป เรียนกับครูแล้ว ยังมีการทำการบ้านเพิ่มเติมด้วยการเขียนแบ็คกราวน์ของตัวละครเพื่อศึกษา
“พยายามอยู่กับตัวละครให้ได้มากที่สุดค่ะ”
ที่ ‘ขยัน’ เธอให้เหตุผลว่าเป็นเพราะ ถ้าทำการบ้านไปเยอะ พอถึงเวลาถ่ายทำจริงก็จะพร้อม ไม่ต้องเหนื่อยมาก
ขณะเดียวกัน “เพลงไม่ทำการบ้านไปไม่ได้ เพราะมีแต่นักแสดงรุ่นใหญ่ทั้งนั้น เราก็ไม่อยากจะไปเสียเวลา หรือไปเครียด กดดันหน้ากอง”
เรื่องความเครียด ความกดดัน เพลงขวัญสารภาพว่ามีมาตั้งแต่วันแคสต์ตัว
“เห็นชื่อพี่สันต์ (สันต์ ศรีแก้วหล่อ) แค่ชื่อผู้กำกับ ก็ตื่นเต้นแล้ว แล้วคนเขียนบทคือพี่เจี๊ยบ ซึ่งเราชื่นชอบเขามาก แล้วก็พี่ต่อ (ธนภพ ลีรัตนขจร-พระเอก) แค่นี้เราก็ดีใจมากๆ แล้วตื่นเต้นด้วย”
“กดดันมากว่าอยากได้ อยากได้จนเครียด อยากให้เรื่องนี้เป็นเรา ก็เลยตั้งใจมากๆ”
ขณะเดียวกันความชินกับละครพีเรียด พอมาแสดงในละครแนวโมเดิร์น ก็ส่งผลให้เธอจับทางไม่ถูก
“เลยโดนว่า” เพลงขวัญสารภาพ
“ว่าแบบทำไมเหรอ งงอะไรเหรอ คือในบทเขาแทบจะเขียนแล้วนะว่าจะต้องแสดงยังไง”
“จนมีโอกาสได้มาแคสต์อีกรอบหนึ่ง เราก็เลยปล่อยฟีลฟรีดู ไม่ต้องไปคาดหวังหรือกดดันอะไร เขาส่งมายังไง เราก็รับอย่างนั้น เลยรู้สึกว่าสบายขึ้นและมีโมเมนต์ที่เรารู้สึกว่า เออ…เป็นแบบนี้นี่หว่า กลับไปที่เบสิค ว่าการแสดงคือการไม่แสดง แค่นั้นเลย ใช้ใจเล่น”
สำหรับการได้ร่วมงานกับ ต่อ ธนภพ ที่รับบท ‘ใต้หล้า’ เพลงขวัญ ยิ้มหวาน ก่อนยอมรับว่า
“พี่ต่อเป็นคนเก่งอย่างที่ทุกคนบอกจริงๆ”
แถมยังมีส่วนช่วยทำให้เกิดความรู้สึกอุ่นใจในเวลาทำงาน
“มันแปลกมากค่ะ” เพลงขวัญบอก
“ถ้าให้เห็นภาพง่ายๆ คือแค่เขาอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกว่าเราไว้ใจ มันลิงค์กันด้วยอะไรก็ไม่รู้ จับต้องไม่ได้ แต่เป็นฟีลลิ่งที่รู้สึกว่าเราอุ่นใจที่มีใต้หล้าอยู่ตรงนี้”
“ก่อนเข้าซีน บางทีมันต้องใช้พลังเยอะมาก เขาก็ดินเข้ามาหา มาแตะไหล่ คือเพลงเป็นคนเซ้นท์ซิทีฟมากๆ อยู่แล้ว เข้ามาจับมือหรืออะไรแบบนี้ เราก็รู้สึกว่าพอแล้ว ไปเข้าฉากได้ แค่นี้เลย ไม่ต้องพูดอะไร ไม่ต้องบิ้วด้วยคำพูด แต่เป็นฟีลลิ่ง”
“หรือบางทีเพลงก็จะเดินเข้าไปหาเขา เอามือเขามาจับ แล้วก็จะรู้สึกว่าโอเค เพลงพร้อมแล้ว เหมือนเพลงไว้ใจเขา และเชื่อใจใต้หล้า มันก็เลยออกมาเป็นแบบนั้น”
เธอยังเล่าความใจดีของ ‘พี่ต่อ’ ด้วยว่า แรกเจอ เธอไม่รู้จะวางตัวยังไง จะพูดคุยอะไรกับเขาดี แต่แล้วเขาก็เป็นฝ่ายเข้ามาชวนคุย
“เหมือนเขามาทลายกำแพงเรา มาถามเป็นยังไง ซื้อรถที่ไหน ทำไมเลือกสีนี้ คุยสัพเพเหระ แต่ก็ทำให้เรารู้สึกว่าพาร์ทเนอร์เราน่ารัก”
ในส่วนของละคร เพลงขวัญบอกว่าเนื้อหาของเรื่องจะแตะไปที่ปัญหาที่มีในสังคม ทั้งเรื่องความเหลื่อมล้ำ ความอยุติธรรม
“นำเสนอเรื่องความถูกต้อง ศีลธรรม”
ซึ่งในส่วนของใต้หล้านั้น เมื่อทำผิด เขาก็ยอมยอมรับผิด ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกชอบมาก
“เราจะเห็นในข่าวบ่อยๆ ว่ามีเรื่องคล้ายๆ แบบนี้ แล้วก็มีจุดจบคล้ายๆ แบบนี้ แต่จะมีน้อยคนมากที่จะเป็นแบบใต้หล้า เพราะด้วยความที่ใต้หล้าเขาไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ”
“มันก็จะสื่อให้เห็นตรงนี้”
แต่กระนั้นในอีกมุมหนึ่งที่จะได้เห็นจากละคร ก็คือคือ เรื่องของความหวังและแรงบันดาลใจ
“ตัวละครทุกตัวมีความหวังหมดเลยนะ ต่อให้เป็นตัวหิรัญที่เป็นคนไม่ดี แต่เขาก็หวังว่าวันหนึ่งเขาจะทำให้ดีให้พ่อเขาเห็น คือทุกคนสู้หมด”
“อากาศก็หวังว่าวันหนึ่งเขากับแม่จะหลุดพ้นจากที่นี่ ใต้หล้าก็เหมือนกันจากคนที่เคยชีวิตติดลบอยู่ในคุก แต่เขาก็ยังสู้ เขาไม่รู้หรอกว่าจะสู้ได้ขนาดไหน แต่เขาสู้”
“เพลงก็หวังว่าละครเรื่องนี้จะเป็นแรงบันดาลใจ ความหวัง แล้วก็กำลังใจให้กับคนดู”
ก้าวเข้าสู่วงการด้วยการเป็นหนึ่งในผู้แข่งขันรายการ‘เดอะ เฟซ ไทยแลนด์’ ซีซั่น 3 โดยเป็นลูกทีมของ ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม ซึ่งแรกๆ คนที่ชอบดูรายการนี้มาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยม 6 รู้สึกว่ารายการนี้
“ทำไมเขาด่ากัน เลิศอ่ะ”
ก็รู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรายการ แต่แค่ ‘เทปเดียว’ ที่เข้าร่วมก็ท้อเสียแล้ว
เหตุเพราะ “โดนด่าเยอะมาก” , “ดราม่าเยอะมาก”
จึง “อยากตกรอบ ไม่สู้แล้ว”
แต่ก็ไม่ตก และผ่านไปถึง ‘ไฟนอล วอล์ค’ 4 คนสุดท้าย
ตอนนั้นเพลงขวัญบอกว่าลูกเกดเป็นคนให้คำแนะนำหลายอย่างคอยสอน คอยอยู่ข้างหลัง ทั้งยังเป็นผู้เติมไฟให้เสมอ
“พี่เกดส่งไปเรียนการแสดง ไปเรียนเต้น ไปทำหน้า ฉีดโบทอกซ์ คือพี่เกดเหมือนเป็นแม่จริงๆ แม่จัดให้ทุกอย่าง ความสามารถต่างๆ มาได้ด้วยพี่เกด”
ที่มารู้จักช่องวันก็เพราะลูกเกดเช่นกัน
“พี่เขาสอนให้มีเป้าหมาย บอกให้ฝันใหญ่ไปเลย มันไม่ผิดที่เราจะฝัน แล้วเราสามารถที่จะพยายาม ด้วยความมุมานะ ความขยันของเรา”
ความไม่มั่นใจตอนเล่นเรื่องนี้ ลูกเกดก็เป็นคนที่ปลุกความเชื่อมั่น
“บอกพี่เกดว่าไม่รู้จะดีหรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะโอเคไหม พี่เกดก็บอกน้องทำได้ คือเขาดึงความมั่นใจของเราออกมา”
“คือจริงๆ มันอยู่ที่มายด์เซ็ทเราอย่างเดียวเลย เหมือนพอเราเจอดราม่าหนักๆ บางทีเราอาจจะต้องการคำสอนหรือกำลังใจพวกนี้ที่จะมาเพิ่มความมั่นใจให้เรา”
“แล้วเขาก็เป็นคนนั้น ยังเป็นห่วงเรา เป็นกำลังใจให้เราตลอด”
ความเห็น 0