โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

นิยาย Dek-D

อัพเดต 16 ม.ค. 2567 เวลา 09.15 น. • เผยแพร่ 16 ม.ค. 2567 เวลา 09.15 น. • enjoybook
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เซี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …กลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวอดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!

ข้อมูลเบื้องต้น

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

*** ลิขสิทธิ์ถูกต้องภายใต้หจก. EnJoyBook ***
ได้รับลิขสิทธิ์ออนไลน์ (Digital license) สำหรับแปลขายลงบนเว็บไซต์ได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ 100%
สงวนลิขสิทธิ์
เผยแพร่ครั้งแรกใน SHANGHAI SEVENCAT CULTURE MEDIA CO., LTD.
การแปลนี้จัดร่วมกับ SHANGHAI SEVENCAT CULTURE MEDIA CO., LTD.
ลิขสิทธิ์แปลไทย ⓒ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็นจอยบุ๊ค
---------------------------------------
นิยายแปลเรื่อง กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
ผู้แต่ง : 福宝是宝 ผู้แปล : ทีมงาน Enjoybook

จำนวน 586 ตอนจบ

เรื่องย่อ
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เซี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต
ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวอดีตสามีของเธอก็มักจะมาเยี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งแต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี และยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอี้โจวได้จงได้
**เปลี่ยนเวลาลง 16.00 น**

บทที่ 1 เลิกรา

บทที่ 1 เลิกรา

เซี่ยชิงหยวนเสียชีวิตหลังจากเลิกรากับเสิ่นอี้โจวไปได้สิบปี

เพื่อช่วยเด็กที่กําลังจะโดนรถบรรทุกใหญ่ชน เธอจึงผลักเขาออก และกลายเป็นเธอที่เป็นผู้ประสบอุบัติเหตุแทน

เลือดไหลออกจากปากของเซี่ยชิงหยวนไม่หยุด จนทําให้ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเลือด

หญิงสาวลืมตาขึ้นมองท้องฟ้า ก่อนที่ใบหน้าของเสิ่นอี้โจวจะปรากฏขึ้นในใจของเธอ

เธอไม่คาดคิดว่าช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต สิ่งที่เธอคิดถึงจะเป็นเขา

ผู้คนที่ยืนอยู่โดยรอบต่างบอกให้เธออดทนเอาไว้ เพราะรถพยาบาลกำลังจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า

แต่ถึงอย่างนั้น เซี่ยชิงหยวนกลับไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว

หากนี่คือบทลงโทษ เธอก็ยินดีรับมันไว้

ความคิดของหญิงสาวเริ่มยุ่งเหยิง ไม่นานนักเธอก็เห็นหลุมศพของตัวเองอยู่บนเนินเขาที่บ้านเกิดของเธอ

จากนั้นเธอก็เห็นเสิ่นอี้โจว

แม้จะผ่านไปปีแล้วปีเล่า เขาก็ยังคงมาเยี่ยมหลุมศพของเธอ

อีกฝ่ายยังคงสูงและหล่อเหลาเหมือนในความทรงจำ เพียงแต่คิ้วกับดวงตาของเขาดูลึกล้ำขึ้นและบุคลิกก็ดูเงียบขรึมกว่าแต่ก่อน

หญิงสาวเห็นพ่อผู้แก่ชราของตนพูดกับชายหนุ่มว่า "อี้โจว ครอบครัวของฉันต้องขอโทษเธอแล้ว"

เขาส่ายหัว "พ่อชิงหยวน คุณสบายดีใช่ไหมครับ เรื่องในอดีตมันเป็นเพราะความโชคไม่ดีของผมเอง"

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะตะโกนใส่ชายผู้มาเยี่ยมหลุมศพตน "อย่ามาที่นี่อีก!"

“คุณลืมไปแล้วหรอว่าฉันปฏิบัติต่อคุณยังไง?”

“ทำไมคุณถึงดื้อรั้นได้ขนาดนี้”

แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยินอะไรเลย

เป็นเวลาหนึ่งปีที่เสิ่นอี้โจวหยุดมาเยี่ยมที่หลุมศพของเธอ

หญิงสาวคิดว่าในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ไปแล้ว

แต่แล้วก็มีเสียงสวดมนต์แว่วมาจากเนินเขาด้านหลัง คนที่เดินนำขบวนมาคือ เสิ่นอี้หลินที่เติบโตจากเด็กกลายเป็นชายหนุ่มแล้ว เขาถือป้ายวิญญาณอยู่ด้านหน้า ก่อนจะตามมาด้วยกลุ่มฝูงชนที่เข้ามาร่วมขบวน

เธอวิ่งตามไปอย่างบ้าคลั่ง

เขาจะตายได้ยังไง?

คนดีอย่างเขาจะตายได้ยังไงกัน?

เสิ่นอี้หลินตะโกนขึ้นว่า "พี่ชาย ผมได้ทำตามคำขอและฝังร่างของพี่ไว้ข้างหลังเธอแล้วนะ พี่จะมองดูเธอได้ทุกวัน และเธอจะได้ไม่คิดว่าพี่อาย"

มีภูเขาตั้งอยู่ระหว่างหลุมฝังศพของเขาและเธอ

เขาถูกฝังไว้บนเนินเขาข้างหลังหลุมศพของหญิงสาว เขามองเห็นเธอแต่เธอกลับมองไม่เห็นชายหนุ่มเลย

แม้ตอนตาย เขาก็ยังรักอย่างถ่อมตัว

เมื่อได้ยินแบบนั้น เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง ราวกับว่าเธอกำลังจะหมดสติไป

ผีอย่างเธอจะรู้สึกเจ็บปวดได้ด้วยหรือ?

ผีสาวทิ้งตัวลงบนโลงศพที่คลุมด้วยธงสีแดง ดินที่ถูกตักลงมาเพื่อฝังโลงศพ ตกลงมาผ่านร่างโปร่งใสของเธอ

เขากําลังจะถูกฝังที่นี่

เซี่ยชิงหยวนร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตา

หญิงสาวตะโกนสุดเสียงว่า "เสิ่นอี้โจวฉันไม่เคยอยากให้คุณเป็นแบบนี้!"

“คุณคิดว่าฉันจะรักคุณมากจริง ๆ เหรอ?”

“คุณต้องการทําให้ฉันรู้สึกผิดและลืมคุณไม่ได้ใช่ไหม?”

“เสิ่นอี้โจวเพื่อฉันแล้วคุณต้องลุกขึ้นมาสิ!"

หญิงสาวสะอื้นไห้ ท้องฟ้าที่มืดครึ้มก็เริ่มมีฝนตกลงมา ทันใดนั้นโลกของเธอก็ดำมืดลง


เซี่ยชิงหยวนลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าคือหลังคาเต็นท์สีขาว

เธอมองไปรอบ ๆ ก็เห็นกําแพงอิฐสีแดง ตู้เสื้อผ้าสีแดง หน้าต่างแกะสลักเป็นลวดลายดอกไม้ นี่ไม่ใช่บ้านใหม่ที่เธอกับเสิ่นอี้โจวมีในตอนนั้นหรอกหรือ?

จากนั้นเซี่ยชิงหยวนก็มองไปที่ปฏิทินที่แขวนอยู่บนผนัง ปี 1983!

บนกระจกข้างเตียงสะท้อนใบหน้าที่สวยสดแต่ซีดเซียว

นั่นคือหน้าตาในวัยเยาว์ของเธอ

นี่เธอย้อนกลับไปเมื่อตอนอายุยี่สิบเอ็ดปีอย่างนั้นหรือ?

"คุณตื่นแล้วเหรอ" ร่างสูงเดินออกมาจากประตู

เสิ่นอี้โจวสวมกางเกงขายาวสีเขียวของทหาร เสื้อเชิ้ตสีขาวทับอยู่ข้างในเสื้อผ้าที่เปียกชื้นห่อหุ้มร่างกายของชายหนุ่มเอาไว้

ในขณะที่ก้าวเดิน กล้ามเนื้อต้นขาและแขนที่แข็งแรงของเขากำลังเต้นตุบ ๆ แต่ร่างกายของชายหนุ่มก็ไม่ได้ใหญ่เทอะทะ มันกลับเต็มไปด้วยพลังที่พร้อมจะระเบิดออกมา

เนื่องจากการฝึกฝนหลายปี ฝีเท้าของเขาจึงมั่นคงและทรงพลัง นอกจากนี้ร่างกายของเสิ่นอี้โจวยังสูงและคล่องแคล่วว่องไว

เซี่ยชิงหยวนจ้องมองอีกฝ่ายที่เดินมาหาเธอด้วยสายตาว่างเปล่า

เมื่อชายหนุ่มเดินใกล้เข้ามา คิ้วและดวงตาที่พร่าเลือนในความทรงจำของเธอก็ชัดเจนขึ้น

คิ้วหนาเฉี่ยวคมดั่งดาบ ดวงตาเรียวชี้ขึ้นคล้ายนกฟีนิกซ์ ริมฝีปากบางเม้มเล็กน้อย ทุกส่วนของเขาดูดีมาก แม้จะมีอาการหนาวสั่นเล็กน้อยก็ตาม

นี่คืออดีตสามีในชีวิตก่อนของเธอ และตอนนี้ก็ยังเป็นสามีคนปัจจุบันของเธอ เขาคือเสิ่นอี้โจว

ดีเหลือเกินที่ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่

ดวงตาของหญิงสาวเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เธอพยายามที่จะกลั้นก้อนสะอื้นไว้ในลำคอ

หญิงสาวอ้าแขนออกและกำลังจะโผเข้าหาอีกฝ่าย แต่เธอกลับได้ยินเขาพูดว่า “ถ้าคุณต้องการหย่าจริง ๆ ผมก็จะทำให้คุณ"

เซี่ยชิงหยวนหยุดชะงักไปทันที "หย่า?"

เสิ่นอี้โจวเหลือบมองดวงตาที่เปียกชื้นของหญิงสาวด้วยแววตาที่อธิบายไม่ได้ น้ำเสียงของเขาแหบแห้งแต่หนักแน่น "คุณเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะหย่ากับผมไม่ใช่เหรอ?"

หญิงสาวตกตะลึง

อะไร? นี่มันเกิดอะไรขึ้น

ความทรงจำในอดีตปรากฏขึ้นทีละน้อย

หญิงสาวตระหนักได้ทันทีว่า เพราะคําพูดของป้าเสิ่นอี้โจวในตอนนั้น บวกกับความแค้นที่เธอมีต่อเขามาเป็นเวลานาน เธอจึงบังคับให้เขาหย่ากับเธอด้วยการกระโดดลงไปในแม่น้ำ

และเสิ่นอี้โจวก็เป็นผู้ช่วยชีวิตเธอ

แต่ปฏิกิริยาของเขาในความทรงจําของเธอมันไม่ใช่แบบนี้!

ชั่วขณะนั้น เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถเข้าใจได้ หญิงสาวรู้เพียงว่าตอนนี้เธอจะสูญเสียเขาไปไม่ได้อีกแล้ว!

ดังนั้นเธอจึงกอดเอวของเสิ่นอี้โจว และฝังศีรษะของตนไว้ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม "ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น"

เมื่อพูดจบ เธอก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของชายหนุ่มแข็งทื่อไป จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ "ชิงหยวน ผมบอกคุณแล้วว่าจะปล่อยคุณไป ดังนั้นคุณไม่จําเป็นต้องทำอะไรอีก"

คําพูดของเสิ่นอี้โจวทำร้ายหัวใจของเซี่ยชิงหยวนทีละน้อย แต่มันกลับชัดเจนในความรู้สึกของเธอมาก

ในเวลานี้ของชาติที่แล้ว เธอไม่ไว้ใจใครเลย คิดว่าสามีไม่รักเธอและเข้าใจผิดเกี่ยวกับเขาหลายเรื่อง เธอจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขอหย่ากับเขา

เขาคิดว่าเธอโกหกเขาอีกแล้วหรือ?

ด้วยความสำนึกผิดที่เพิ่มขึ้นในใจของเธอ เซี่ยชิงหยวนจึงทำได้เพียงกอดชายหนุ่มให้แน่นขึ้น

เธอเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยน้ำตาที่ไหลอาบหน้า "อี้โจว คุณไม่ต้องการฉันแล้วเหรอ"

การกระทำที่นุ่มนวลและน้ำเสียงที่น่าสงสารของหญิงสาว เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยแสดงต่อหน้าเสิ่นอี้โจวเลย

เซี่ยชิงหยวนเอนกายพิงผู้เป็นสามี และในไม่ช้า เสื้อผ้าของเธอก็เปียกโชกตามอีกฝ่ายที่ยังไม่มีเวลาผลัดเปลี่ยนมัน

หน้าอกอันนวลนุ่มของเธอกดลงบนตัวของอีกฝ่ายอย่างแนบแน่น และอุณหภูมิร่างกายที่เย็นกว่าเขาเล็กน้อยก็ถูกส่งไปยังร่างกายหนาที่อยู่ตรงหน้าผ่านเสื้อเชิ้ตบางที่เปียกอยู่

ความรู้สึกของเขาสั่นไหวและเจือด้วยความหงุดหงิด

มันไม่ควรเป็นแบบนี้

เขาอยากจะยื่นมือออกไปเพื่อผลักอีกฝ่ายออก แต่เมื่อฝ่ามือใหญ่ของเขาสัมผัสแขนเรียวของเซี่ยชิงหยวน ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง

ผู้หญิงคนนี้บอบบางและอ่อนนุ่มเกินไป

เขากลัวว่าถ้าไม่ระวัง เขาอาจจะทำให้เธอบาดเจ็บได้

แม้แต่ในเวลานี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงหญิงงามที่ตนเองคิดถึงเป็นบางคราว

เอวบางที่เขาสัมผัสโดน และดวงตาที่ร้องไห้จนแดงก่ำของหญิงสาว

เธอในตอนนี้คล้ายกับเธอในเวลานั้นมาก

เสิ่นอี้โจวหลับตาและหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง "ชินหยวนปล่อยผม"

เธอคงคิดว่าเขาจะทุกข์ใจและพูดกับเธออย่างหนักแน่นเหมือนที่เคยทํามานับครั้งไม่ถ้วนในอดีต "ฉันจะไม่หย่ากับคุณ"

แต่เขาจะไม่หวั่นไหว

เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้น มองเข้าไปในดวงตาที่เย็นชาของอีกฝ่าย "ชินหยวนเป็นคุณที่ไม่ต้องการผม"

เมื่อได้ยินแบบนั้น หญิงสาวก็ยืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและคุกเข่าลงบนเตียง

เธอเอื้อมโอบรอบคอของเขา และดึงชายหนุ่มเข้าหาตัว "ฉันไม่คิดที่จะปล่อยมือจากคุณ"

ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันของเธอขึ้นสีชมพูอ่อน ใบหน้านั้นซีดเล็กน้อยเพราะตกลงไปในน้ำ

หุ่นของเธอเพรียวบาง ในขณะที่เขาแข็งแรงกำยำ หญิงสาวเกาะร่างของเขาเอาไว้แน่นราวกับดอกหญ้าอ่อนแอที่น่ารังแก

เสิ่นอี้โจวจ้องมองไปที่หญิงสาวตรงหน้า ความปราถนาที่จะบดขยี้อีกฝ่ายปรากฏขึ้นอีกครั้ง

เซี่ยชิงหยวนเมินเฉยต่อเสียงหัวใจของชายหนุ่มและจูบไปที่ริมฝีปากบางของเขา

เสิ่นอี้โจวไม่สามารถตอบสนองได้ทันการ เขาหลบเลี่ยงเล็กน้อย แต่คอของเขาก็โน้มตามอีกฝ่ายไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

สัมผัสที่เย็นและนุ่มนวลพร้อมกลิ่นหอมจาง ๆ ของสาวน้อยทำให้เขาหายใจติดขัด

เซี่ยชิงหยวนฉวยโอกาสกัดริมฝีปากอีกฝ่ายเบา ๆ

เสิ่นอี้โจวเผลอส่งเสียง "อืม" ออกมา

จากนั้นเขาก็ถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อหลบเลี่ยงจากอีกฝ่าย

ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มกลับประคองเอวของเธอด้วยฝ่ามือใหญ่ข้างนั้น และจะยอมปล่อยหลังจากเขาแน่ใจว่าหญิงสาวทรงตัวได้แล้วเท่านั้น

“ช่วงนี้ผมอยู่ที่บ้าน คุณลองคิดดูให้ดีแล้ว ส่วนเรื่องพ่อแม่กับงาน ผมจะลองหาทาง…”

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังพูดนั้นเอง เสียงสาปแช่งของหญิงคนหนึ่งก็ดังมาจากข้างนอก "บ้าอะไร ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ?”

“หน้าตาดีมีประโยชน์อะไร?”

“เธอไม่ใช่แม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ใช่รึไง?”

“คำพูดของฉันมันผิดตรงไหนฮะ? เธอถึงกับรนหาที่ตายเลยเรอะ?”

“เพราะนังนั่นคือครอบครัวของแก แกถึงหวงแหนมันราวกับสมบัติ!”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนก็เปลี่ยนไป

แววตาของเสิ่นอี้โจววาวโรจน์ขึ้น ก่อนจะหันไปหาหญิงสาวและพูดว่า "คุณพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะออกไปดูเอง"

ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงได้ออกไป

เสียงสาปแช่งที่ดังขึ้นด้านนอกประตูยังคงไม่หยุด เซี่ยชิงหยวนที่นั่งอยู่บนเตียง อดไม่ได้ที่จะกําผ้าปูที่นอนด้วยมือบอบบางของเธอ

ถ้าไม่ใช่เพราะการดูถูกและการยั่วยุของผานเยว่กุ้ย เธอจะกลั้นหายใจและกระโดดลงไปในแม่น้ำโดยไม่คิดหน้าคิดหลังอย่างนั้นหรือ?

อาศัยความเป็นป้าของเสิ่นอี้โจว อีกฝ่ายถึงกับบุกรุกบ้านของเธอเพื่อรบกวนความสงบและกล้าชี้หน้าสั่งหน้าพวกเธอได้อย่างไม่เกรงกลัว

หากอีกฝ่ายคิดว่าเธอยังคงเป็นเซี่ยชิงหยวนคนเดิมที่ถูกรังแกได้ง่าย ๆ เช่นเมื่อก่อน บอกเลยว่าเธอคิดผิดถนัด!

เซี่ยชิงหยวนลุกจากเตียงทันที หญิงสาวประคองร่างกายที่อ่อนแอของตนก่อนจะเดินออกไป

บทที่ 2 ฉันขอโทษ

บทที่ 2 ฉันขอโทษ
เมื่อเสิ่นอี้โจวออกมายังลานบ้าน ผานเยว่กุ้ยก็ยังคงสาปแช่งและคุกคามหลินตงซิ่วอยู่

ด้วยใบหน้าอันยาวแหลม โหนกแก้มสูง และแก้มที่มีเนื้อมาก จึงทำให้อีกฝ่ายดูดุร้ายที่สุดเท่าที่ใบหน้าของคนคนหนึ่งจะทำได้

หญิงคนนั้นยังคงเท้าสะโพกด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างกำลังชี้ไปทางแม่ของเสิ่นอี้โจวและตำหนิอีกฝ่าย "ตงซิ่ว ทำไมแกถึงเลี้ยงลูกสะใภ้แบบนี้เอาไว้อีก?"

“รีบให้อี้โจวหย่ากับลูกสะใภ้ของแกซะ!”

“หลานสาวคนโตของฉันยังดีกว่านังนั่นตั้งเยอะไม่ใช่หรือไง?”

“ถ้าแกเต็มใจ ฉันจะกลับไปบ้านแม่ และบอกลาแกที่นี่เลย!"

หลินตงซิ่วถูกผานเยว่กุ้ยกดขี่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ตอนนี้เองก็เช่นกัน แต่ด้วยนิสัยที่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงของเจ้าตัว เธอจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกไปว่า "พี่สะใภ้หยุดพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เถอะค่ะ"

เสียงของผานเยว่กุ้ยดังเสียจนเพื่อนบ้านยังได้ยิน ทำให้หลายคนออกมายืนอยู่หน้าลานบ้านเพื่อมองหาต้นเหตุของมัน

เสิ่นอี้โจวยืนอยู่ที่หน้าประตู ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที "คุณป้า"

เมื่อเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น ผานเยว่กุ้ยก็เงียบไป

เธอเคยชินกับการที่ตนสามารถควบคุมทุกอย่างที่บ้านเอาไว้ได้ และเธอก็มักจะโลภอยากได้ผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ จากครอบครัวนี้อยู่เป็นประจำ แต่ทั้งหมดนี้ก็ทำเฉพาะตอนที่เสิ่นอี้โจวไม่อยู่ที่บ้านเท่านั้น

ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาอีกฝ่ายด้วยท่าทางดุดัน บรรยากาศรอบกายของเขาเย็นเยียบเสียจนน่ากลัว "วันนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณป้าด้วย?"

นี่เป็นการตั้งคําถามกับหญิงตรงหน้าอย่างชัดเจน

เมื่อเผชิญหน้ากับเสิ่นอี้โจวที่ตัวสูงกว่าเธอมาก ผานเยว่กุ้ยก็รู้สึกกลัวขึ้นมา

อย่าได้มองเพียงแค่รูปลักษณ์ที่เป็นมิตรยามปกติของชายหนุ่ม เพราะใบหน้าในตอนนี้ที่อีกฝ่ายแสดงออกอย่างตรงไปตรงมานั้น ค่อนข้างน่ากลัวมากเลยทีเดียว

แต่คำพูดก็หลุดออกไปแล้ว เธอจึงไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้อีกต่อไป

แต่การกระทำของเธอก็ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนเมื่อก่อน ผานเยว่กุ้ยพูดด้วยความกระวนกระวายเล็กน้อย "แต่ที่ฉันพูดก็เป็นความจริง เซี่ยชิงหยวนแต่งงานมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่ท้องของเธอกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยสักนิดไม่ใช่เหรอ?"

“แล้วยังไงคะ? ที่คุณป้าต้องการขับไล่ฉันออกไปอย่างรวดเร็วแบบนี้ ก็เพื่อที่จะได้มีที่ว่างสำหรับหลานสาวของคุณป้าใช่ไหม?” เสียงที่ไพเราะของหญิงงามดังขึ้น

เซี่ยชิงหยวนวางมือลงบนกรอบประตูและมองไปที่ผานเยว่กุ้ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย

เธอสวมชุดเดรสติดกระดุมลายดอกไม้สีชมพูที่มีลายแต้มสีขาวอยู่บนเนื้อผ้าสีชมพูสวย ด้วยเอวที่คอดของหญิงสาว ยิ่งทำให้เธอดูสง่างามยิ่งขึ้น

ใบหน้าที่สดใสและมีเสน่ห์ ข้างใต้เรียวคิ้วหนาสวยประหนึ่งภูเขาเรียงรายนั้น มีดวงตากลมโตเหมือนลูกแอปริคอตที่ใสแจ๋วและเต็มไปด้วยความเสน่หา

ทว่าในขณะนี้ แววตาคู่นั้นกลับมีเพียงความเย็นชาที่ทำให้ผู้คนตัวสั่นขึ้นมา

เนื่องจากหญิงสาวเพิ่งตกลงไปในแม่น้ำ ใบหน้าอันงามงดของเธอจึงยังคงไร้สีเลือดฝาด และด้วยรูปร่างเพรียวบางของอีกฝ่าย ทำให้เซี่ยชิงหยวนในเวลานี้ดูสวยงามทว่าเปราะบางยิ่ง

เสิ่นอี้โจวหันกลับไปหาหญิงสาว ก่อนจะเดินเข้าไปช่วยเหลือเธอ "คุณออกมาทำไม"

เมื่อเห็นลูกสะใภ้ของเธอตื่นขึ้นมา หลินตงซิ่วก็ยิ้มและพูดว่า "ไม่เป็นไรแล้วเหรอลูก"

แต่ตอนนี้เซี่ยชิงหยวนได้ยินคำพูดทั้งหมดแล้ว ผู้เป็นแม่สามีจึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

หญิงสาวถือโอกาสพิงไปที่แขนของเสิ่นอี้โจว และตะโกนเรียกหลินตงซิ่วว่า "แม่คะ" ก่อนจะจ้องมองไปทางผานเยว่กุ้ยอย่างเย็นชา

มุมปากของเซี่ยชิงหยวนกระตุกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเธอก็พูดประชดประชันออกมาว่า "ฉันไม่เป็นไรค่ะ แต่ดูเหมือนจะมีบางคนกลัวว่าฉันจะไม่เป็นไรเอาน่ะสิ"

ในสายตาของผานเยว่กุ้ย แม่สามีและลูกสะใภ้นั้นล้วนจัดการได้ง่ายมาตลอด เธอจึงไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเยาะเย้ยเธอต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้

เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายทำให้เธอตกตะลึงได้ จากนั้นผานเยว่กุ้ยก็ทำท่ายืดคอและพูดว่า "เธอมองมาที่ฉันทำไม ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อย"

เซี่ยชิงหยวนสวนกลับมาอย่างเย็นชาว่า "ฉันบอกว่าเป็นคุณป้าหรือไงคะ จะร้อนตัวทำไมกัน?"

หญิงสาวยืนตัวตรงและขึ้นเสียงอีกเล็กน้อย "คุณป้ากลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ถึงแผนการที่ซ่อนอยู่เต็มท้องของตัวเองหรือยังไงกันคะ?"

“คุณป้าเคยได้ยินคํานี้ไหมคะ? ที่ว่าโลภกับไม่รู้จักพอน่ะ”

“คุณดูแลแค่เรื่องห่วย ๆ ในบ้านของตัวเองก็พอ อย่าสอดแขนเข้ามาให้มากนัก ระวังจะโดนฉัน…"

เซี่ยชิงหยวนหยุดพูดชั่วคราว ก่อนจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย ป้องมือขึ้นกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า “สับมันทิ้งซะ!”

คำพูดของเธอทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายซีดขาวในทันที

ผานเยว่กุ้ยชี้มาที่เธอ ผ่านไปพักหนึ่งกว่าเธอจะพูดขึ้นว่า “ผี…นี่มันผี! เธอต้องโดนพรายน้ำสิงแน่ ๆ”

ด้วยคําอุทานของผานเยว่กุ้ย เพื่อนบ้านจึงพากันมองไปที่เซี่ยชิงหยวนอย่างพร้อมเพรียง

เซี่ยชิงหยวนกัดริมฝีปากแน่นจนแทบไร้ความรู้สึก

ดูเหมือนว่าการที่หญิงสาวไม่ยอมให้ผานเยว่กุ้ยกดขี่เหมือนชาติที่แล้ว ทำให้อีกฝ่ายมุ่งร้ายมาทางเธอยิ่งกว่าเดิม จนเกิดการใส่ร้ายครั้งใหญ่นี้

ในเวลานั้น ชายหนุ่มพลันเข้ามาปกป้องเซี่ยชิงหยวน โดยกันเธอให้อยู่ด้านหลังเขา

เมื่อมองไปยังผานเยว่กุ้ยอีกครั้ง แววตาของเธอกลับดูกังวลเล็กน้อย "คุณป้า สาธารณรัฐประชาชนจีนก่อตั้งมาสามสิบปีแล้วนะคะ อย่าพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้อีกเลย"

จากนั้นเธอก็เสริมขึ้นอีกว่า "คนที่มีผีในใจล้วนมองว่าทุกคนเป็นผีกันทั้งนั้น"

ผานเยว่กุ้ยก้าวถอยหลัง พลางจ้องเขม็งไปที่หญิงสาวด้วยดวงตาเบิกกว้าง

เธอคิดผิดจริง ๆ !

แม้ว่าเธอในอดีตจะรังแกอีกฝ่ายอย่างรุนแรง เซี่ยชิงหยวนก็จะตอบโต้กลับมาแค่ไม่กี่คำ แล้วซ่อนตัวร้องไห้อยู่ในห้องตามลำพัง แต่วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น?

ใบหน้าของผานเยว่กุ้ยซีดลงอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะพูดว่า "ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามคุณยายหลงกันดูสิ อย่าปล่อยให้มันทำร้ายใครได้อีก!"

ยายหลงเป็นแม่หมอที่อยู่ในหมู่บ้าน

เมื่อพูดจบ ผานเยว่กุ้ยก็กำลังจะจากไป

"เดี๋ยวก่อน" เสิ่นอี้โจวหยุดอีกฝ่ายไว้

ผานเยว่กุ้ยหันกลับมาอีกครั้ง "ทำไม ต้องการจะทำอะไรอีก"

การแสดงออกของเสิ่นอี้โจวยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และชายหนุ่มก็พูดกับอีกฝ่ายว่า "คุณป้า คุณยังไม่ได้ขอโทษชิงหยวนเลย"

เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินคำพูดประโยคนี้ของชายหนุ่ม หัวใจของหญิงสาวก็อบอุ่นขึ้นมาทันที

ชายเลี้ยงสุนัขบอกว่าเขาต้องการที่จะหย่ากับเธอในวินาทีที่แล้ว แต่ต่อมาเขากลับยังคงปกป้องเธอ

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นอี้โจวทันที โดยพยายามส่งสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักไปให้อีกฝ่าย

แต่ใครจะไปรู้ว่าชายหนุ่มจะยืนตัวตรง และสายตาของเขาไม่ได้อยู่ที่เธอเลย!

เมื่อผานเยว่กุ้ยได้ฟังประโยคนั้น เธอก็โกรธขึ้นมาทันที "ทำไมฉันต้องทำ?"

เธอชี้ไปที่เซี่ยชิงหยวนแล้วชี้กลับมาที่ตัวเอง "เธอเป็นผู้น้อย ส่วนฉันเป็นผู้อาวุโส! อี้โจวแกสับสนอะไรหรือเปล่า? "

เธอหันไปหาหลินตงซิ่วอีกครั้งเพื่อระบายความไม่พอใจ "ฟังนะ ลูกชายที่ดีของแกกำลังหลงใหลในนังจิ้งจอกตัวนี้!"

ช่างเป็นเรื่องตลกเสียจริง ถ้าขอโทษเซี่ยชิงหยวน แล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

หลินตงซิ่วก็ดูจะละอายใจเช่นกัน เพราะตั้งแต่แต่งงานเข้าตระกูลมา เธอก็เคยชินกับการถูกรังแกไปแล้ว

ยกเว้นก็แต่เสิ่นอี้โจวที่จะช่วยทวงความยุติธรรมให้กับเธอเมื่อพบเจอกับอีกฝ่าย พอเป็นแบบนี้แล้ว ใครจะกล้าขอให้ผานเยว่กุ้ยขอโทษกัน?

ผู้เป็นมารดาส่งสายตาอ้อนวอนไปทางชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว แต่บุตรชายเพียงแค่ส่งสายตาอ่อนโยนมาให้ แล้วเธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก

เรื่องนี้ลูกสะใภ้ย่อมผิดแน่นอน

แต่ถ้าลูกชายไม่ยืนหยัดเพื่อเธอ เขาจะยังเป็นผู้ชายของเธอได้อยู่อีกหรือ?

สายตาของเสิ่นอี้โจวมืดลง "เมื่อก่อน ชิงหยวนอดทนกับคุณป้าเพราะเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ในตระกูล”

“แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ใหญ่ก็ควรทำตัวสมกับเป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน”

“คุณป้าจะได้รับความนับถือได้ยังไง ถ้าคุณป้ายังไม่ทำตัวให้สมกับอายุ หรือจะอ้างความอาวุโสเพื่อรังแกคนอื่น? คุณป้าควรขอโทษที่ใส่ร้ายชิงหยวนตามใจชอบ"

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผานเยว่กุ้ยก็อ้าปากกว้างและอยากจะร้องกรีดออกมาเสียตรงนั้น

เสิ่นอี้โจวกล่าวเสริมขึ้นอีกว่า "หรือว่าผมควรเชิญคุณลุงมาตัดสินเรื่องนี้?"

ทันใดนั้น หญิงชราก็หยุดอยู่แค่นั้น

หากเสิ่นสิงรู้ว่าเธอมาก่อปัญหาที่นี่อีกครั้ง เพราะอี้โจวไม่สามารถส่งเงินแปดหยวนที่ควรจะส่งให้กับครอบครัวทุก ๆ เดือนละก็ อีกฝ่ายได้ตีเธอจนตายแน่

เซี่ยชิงหยวนเองก็รู้ถึงความคิดของอีกฝ่ายดี จึงได้พูดออกมาว่า "เฮ้ เดือนละแปดหยวนเลยนะ"

เมื่อได้ยินแบบนี้ ผานเยว่กุ้ยก็กล่าวสาปแช่งอย่างดุเดือดอยู่ในใจ ‘เจ้าพวกเด็กสารเลว!’

จากนั้นเธอก็พูดสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการออกมาอย่างไม่เต็มใจ "ฉันขอโทษ"

เมื่อเห็นสภาพที่น่าสมเพชของผานเยว่กุ้ย เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกพอใจมาก

เธอกอดอกและหันหูเข้าหาอีกฝ่าย "คุณป้ากำลังพูดว่าอะไรนะ ฉันไม่เห็นได้ยินเลย"

ผานเยว่กุ้ยหน้าแดงก่ำไปด้วยความโกรธทันที

แม้จะโกรธแต่สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงตะโกนออกไปว่า "ฉันขอโทษ!"

หลังจากพูดจบ เธอก็ไม่สามารถทนอยู่ได้อีกต่อไป จากนั้นจึงหันหลังและเดินจากไป

หลังจากผานเยว่กุ้ยเดินหายไป ผู้ชมต่างพูดคุยกันสองสามคำก่อนจะแยกย้ายกัน

หลินตงซิ่วแลดูกังวล แต่ก็ยังไม่พูดอะไรและเข้าไปในครัว

เซี่ยชิงหยวนยื่นมือออกไปกระตุกชายเสื้อของชายหนุ่ม และยิ้มอย่างสดใส "อี้โจว ขอบคุณนะ"

สายตาของเสิ่นอี้โจวมองไปที่มือของเธอที่จับเสื้อผ้าของเขาอยู่ ดวงตาของเขาก็ลุ่มลึกขึ้นและขมวดคิ้วเล็กน้อย

ก่อนที่หญิงสาวจะได้ยินอีกฝ่ายพูดว่า "ชิงหยวน ฉันขอโทษ"

เซี่ยชิงหยวนนิ่งอึ้งไป "…"

บทที่ 3 การหย่าร้าง

บทที่ 3 การหย่าร้าง

เซี่ยชิงหยวนตกตะลึง "ทําไมคุณถึงขอโทษฉันล่ะ"

เขาเพิ่งจะปกป้องเธอ

เสิ่นอี้โจวมองไกลออกไปทางภูเขาที่สูงตระหง่านและคดเคี้ยว และดวงตาของชายหนุ่มก็ถูกย้อมไปด้วยสีดำ

เขาพ่นลมหายใจออกมาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว และมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย “มันเป็นเพราะผมเองที่ทำให้คุณต้องประสบกับคําวิพากษ์วิจารณ์พวกนี้"

“เรื่องเด็กผมอยากจะอธิบายให้คุณฟังว่าเรายังไม่ต้องการเขาในตอนนี้”

“หนึ่งปีมานี้ผมรู้ว่าตัวเองล้มเหลวในเรื่องการดูแลครอบครัวของเรา และละเลยคุณ คุณควรตําหนิผม"

ชายหนุ่มหยุดพูดชั่วครู่ เพราะมันยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ "แน่นอนว่า สิ่งที่ผมหวังคือต้องการให้คุณจะมีชีวิตที่ดีกว่าใคร ๆ "

“แต่ถ้าคุณต้องการเลือกตู้อวิ๋นเซิง ผมก็หวังว่าคุณจะคิดให้ดี ๆ เขาไม่ใช่คนดีอย่างที่คุณคิด"

นัยน์ตาของชายหนุ่มลุกโชน เขาไม่คิดหลบเลี่ยงสายตาของผู้เป็นภรรยา แต่ในดวงตาคู่นั้นกลับเก็บซ่อนความอดกลั้นและความเจ็บปวดเอาไว้

ตู้อวิ๋นเซิงที่ชายหนุ่มพูดถึงนี้คือ ชายชู้ของเธอในสายตาของทุกคนในชาติที่แล้ว

เซี่ยชิงหยวนต้องการจะอธิบายกับอีกฝ่ายถึงเรื่องนี้ แต่เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหน

เธอรู้ว่าเสิ่นอี้โจวเป็นคนมั่นคงและทุ่มเทกับความรักมาโดยตลอด ดังนั้นหลังจากหย่าร้างกับเธอ เขาก็ครองตัวเป็นโสดมายาวนานถึงสิบปี

แม้ว่าคำพูดของเขาจะเถรตรง แต่ก็มักจะนึกถึงเธอก่อนเสมอ

เพราะเขาเป็นคนแบบนี้ เธอจึงไม่อยากปล่อยเขาไป

เดิมที เธอคิดว่าถ้าได้มาเกิดใหม่และย้อนเวลากลับไปก่อนที่เธอจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เธอจะละทิ้งทุกอย่าง และเริ่มต้นใหม่กับเขาเพื่อชดเชยเวลาที่เราทั้งสองคนทำพลาดไป

ทว่าตั้งแต่ที่ตื่นขึ้นมา ทุกอย่างก็ดูจะต่างไปจากที่เธอคิด

ก็เหมือนคุณเข้าห้องสอบด้วยความมั่นใจ แล้วพบว่าคุณเข้าห้องสอบผิดห้อง

เมื่อคิดได้อย่างนั้น ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนก็เต็มไปด้วยน้ำตา

เธอคว้าแขนอีกฝ่ายและเงยหน้ามองเขา "ไม่ เขากับฉันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ฉัน…"

"ชิงหยวน!" ในเวลานี้เองก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่ง ดังขึ้นนอกลานบ้านขัดจังหวะพูดของเซี่ยชิงหยวน

ผู้มาใหม่มีรูปร่างสมส่วน อีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าสีฟ้าอ่อน และผิวของเธอเป็นสีแทนออกเหลือง ซึ่งเป็นสีผิวปกติของผู้หญิงส่วนใหญ่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้

ริมฝีปากหนาเล็กน้อยและจมูกทรงกลมทําให้หญิงสาวดูเป็นคนซื่อตรงและไว้ใจได้ แต่ความรู้สึกของอีกฝ่ายในตอนนี้กลับถูกส่งผ่านมายังดวงตาที่เปล่งประกาย

หญิงสาวคนนี้คือเพื่อนที่ดีของเซี่ยชิงหยวนตั้งแต่วัยเด็กจนโตในชาติที่แล้ว หวังชุ่ยเฟินซึ่งแต่งงานเข้ามาในหมู่บ้านซีสุ่ยก่อนหน้าเธอ

เมื่อย้อนนึกถึงอดีตทั้งหมด ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

เธอยังไม่ทันได้ไปหาเพื่อชำระความ อีกฝ่ายก็มาหาเธอถึงหน้าประตูเสียแล้ว!

หญิงสาวปล่อยเสิ่นอี้โจว และพบกับหวังชุ่ยเฟินที่เดินเข้ามาอย่างถือวิสาสะ หญิงสาวกัดฟันและพูดตอบออกไปว่า "อืม"

หวังชุ่ยเฟินยิ้มให้เซี่ยชิงหยวนและจับมืออีกฝ่าย "ฉันเห็นว่าประตูหน้าลานบ้านเปิดอยู่ ฉันจึงถือวิสาสะเข้ามา"

ถึงจะพูดกับอีกคน แต่สายตาและรอยยิ้มกลับถูกส่งไปให้ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลัง "อี้โจว กลับมาแล้ว"

เสิ่นอี้โจวไม่แยแสอีกฝ่าย ชายหนุ่มพยักหน้าและพูดกับผู้เป็นภรรยา "คุณคุยกับเธอไปก่อน ผมจะไปผ่าฟืนเดี๋ยวกลับมา"

จากนั้นเขาก็หันหลังและเดินออกไปนอกประตูหน้าลานบ้าน พร้อมถือเครื่องมือไว้ในมือ

หวังชุ่ยเฟินรู้ว่าเสิ่นอี้โจวมักจะดูเย็นชาแบบนี้เสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นว่าอีกฝ่ายบอกกล่าวกับเซี่ยชิงหยวนก่อนจะจากไปแบบนี้

หญิงสาวรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอถูกบีบรัดแน่นขึ้น

ส่วนการสัมผัสมืออย่างใกล้ชิดของหญิงสาวตรงหน้า เซี่ยชิงหยวนใช้ความพยายามอย่างมากที่จะดึงมือออกมาด้วยความใจเย็น และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "เธอมีอะไรจะคุยกับฉันหรือเปล่า"

หวังชุ่ยเฟินพยายามปกปิดความผิดหวังบนใบหน้าของเธออย่างเต็มที่ ทว่าอีกฝ่ายเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว

เซี่ยชิงหยวนคร่ำครวญอยู่ในใจว่า ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำไมเธอถึงไม่สังเกตเห็นพฤติกรรมของหญิงสาวตรงหน้าเลย ทั้งยังทุ่มเทกายใจให้กับอีกฝ่าย

หลังจากออกจากหมู่บ้านซีสุ่ย เธอได้ฟังผู้เป็นแม่พูดถึงหวังชุ่ยเฟินว่า อีกฝ่ายกำลังพยายามเข้าหาเสิ่นอี้โจว เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็เข้าใจได้ในทันทีว่า หวังชุ่ยเฟินมีความคิดสกปรกกับชายหนุ่มผู้เป็นอดีตสามีของเธอในตอนนั้น

เธอไม่แปลกใจเลยที่หญิงสาวตรงหน้าจะพยายามอย่างมาก เพื่อแยกเธอออกจากเสิ่นอี้โจวตั้งแต่แรก

เธอโง่เองที่เข้าใจผิดว่าจิ้งจอกเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์

เมื่อได้กลับมีชีวิตใหม่อีกครั้ง เธอจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้สมปรารถนาอย่างแน่นอน!

หวังชุ่ยเฟินก้มมองฝ่ามือที่ว่างเปล่า หลังจากผู้เป็นเพื่อนงัดมือของเธอออก แต่เธอกลับคิดเพียงว่า อีกฝ่ายคงแค่กำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างเช่นเมื่อก่อน เธอจึงพูดออกไปว่า "ฉันเพิ่งกลับมาถึง แล้วได้ยินเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ ฉันเลยอยากมาดูเธอสักหน่อย"

แต่ภายในใจของหญิงสาวกลับรู้สึกเสียดายที่กลับมาไม่ทันเห็นฉากที่ผานเยว่กุ่ยด่าเซี่ยชิงหยวน

เมื่อเซี่ยชิงหยวนมองไปที่ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของอีกฝ่าย เธอก็อยากจะกระโจนใส่มันและฉีกกระชากใบหน้าจอมปลอมนั่นเป็นชิ้น!

เธอลดสายตาลง "เข้าไปข้างในกันเถอะ"

พูดจบ หญิงสาวก็เดินนําหน้าอีกฝ่ายเข้าไปในบ้าน

หวังชุ่ยเฟินที่ยืนอยู่ข้างหลัง ริมฝีปากยกโค้งขึ้นก่อนจะเดินตามไป

ทันทีที่ผู้เป็นแขกนั่งลง เธอก็พูดขึ้นว่า "วันนี้เป็นวันหย่าใช่ไหม เสิ่นอี้โจวตกลงหย่าไหม?"

เซี่ยชิงหยวนมองไปยังหวังชุ่ยเฟินที่กําลังจ้องมองเธอตาไม่กะพริบ หญิงสาวเยาะเย้ยในใจ และแสร้งทําเป็นพูดด้วยท่าทางสบาย ๆ "ฉันไม่ต้องการหย่ากับเขาแล้ว"

"เธอทำแบบนั้นไม่ได้!?" ทันทีที่หวังชุ่ยเฟินได้ยินประโยคนั้นของเซี่ยชิงหยวน เธอก็ยืนขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ

เมื่อตระหนักได้ว่าตนแสดงออกชัดเจนมากเกินไป เธอก็นั่งลงอีกครั้ง
จับมืออีกฝ่ายและพูดด้วยท่าทางจริงจัง "ชินหยวน ทำไมเธอถึงโง่แบบนี้!"

“เสิ่นอี้โจว ชายคนนั้นไม่ได้อยู่บ้านทั้งวันเพราะงานเส็งเคร็งนั่น เขาปล่อยเธอไว้ตามลำพังในห้องที่ว่างเปล่า นี่ไม่เรียกว่าเป็นการดูถูกเธอเหรอ?”

“อีกอย่าง ครอบครัวใหญ่ของลุงเขาก็ทำแต่เรื่องแย่ ๆ ทั้งวัน”

ขณะที่พูดนั้น อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาหาหญิงสาวด้วยสีหน้าซับซ้อน "ถ้าเธอไม่หย่า ตู้อวิ๋นเซิงจะทำยังไง"

เมื่อได้ยินแบบนี้ ความเกลียดชังในดวงตาของเซี่ยชิงหยวนก็ยิ่งชัดเจนขึ้น

หากไม่ใช่เพราะผู้หญิงตรงหน้ากับตู้อวิ๋นเซิงร่วมมือกัน จงใจล่อลวงให้เธอไปพบกับชายหนุ่ม เธอก็จะไม่ถูกจับได้จนนําไปสู่การหย่าร้างของเธอกับเสิ่นอี้โจว

ตู้อวิ๋นเซิงเจ้าคนเห็นแก่ตัวนั่น กล่าวหาว่าเธอยั่วยวนจนเขาหลงผิด

และหวังชุ่ยเฟินผู้เป็นตัวต้นคิดและเฝ้าต้นทาง กลับกลายเป็นทูตแห่งความยุติธรรมเพื่อกล่าวโทษเธอ โดยแสร้งบอกว่าตนเองพยายามห้ามเซี่ยชิงหยวนแล้วแต่อีกฝ่ายไม่ฟัง

วินาทีนั้น เซี่ยชิงหยวนยังไม่ทันรู้ตัวว่าเธอโง่มากแค่ไหน

ทว่าหนึ่งก้าวที่ผิดพลาดไม่เพียงทำให้ชายหนุ่มเสียชีวิตในต่างแดน แต่เสิ่นอี้โจวยังเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่มอีกด้วย

เซี่ยชิงหยวนลูบแขนเสื้อของอีกฝ่ายก่อนพูดว่า "ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา ในอนาคตอย่าพูดคําพูดพวกนี้อีก"

“แล้วเธอที่เป็นแบบนี้ หากคนอื่นไม่รู้ พวกเขาจะคิดว่าเธอมีอะไรอยู่ในใจ"

ตั้งแต่ต้นจนจบ ความสัมพันธ์ของเธอกับตู้อวิ๋นเซิงมีแต่ความคลุมเครือเท่านั้น และข่าวลือทั้งหมดก็มาจากปากของหวังชุ่ยเฟินผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเธอนี่เอง

คําพูดของเซี่ยชิงหยวนทําให้หวังชุ่ยเฟินตกใจจนเหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาที่แผ่นหลัง

อีกฝ่ายดูสงบนิ่งมากเสียจนทำให้เธอรู้สึกแปลกพิกล

ดูจากปฏิกิริยาของเซี่ยชิงหยวนแล้ว หรือว่าจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง?

หากเป็นเรื่องหยอกล้อระหว่างเธอกับตู้อวิ๋นเซิงในอดีต แม้จะบอกไม่ได้เต็มปากว่ากระตือรือร้นเป็นพิเศษหรือเปล่า แต่เซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้มีท่าทีเฉยเมยขนาดนี้

ภายในระยะเวลาแค่นี้ ท่าทีของเซี่ยชิงหยวนดูจะผิดปกติเกินไป

หวังชุ่ยเฟินมองหน้าของฝ่ายตรงข้าม เพื่อพยายามค้นหาอะไรบางอย่างจากท่าทีของนาง

เธอไม่คาดคิดว่าแค่การขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็สามารถแสดงออกว่าเธอรู้สึกไม่สบายใจได้

เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากขมวดคิ้วแสร้งทำเป็นรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของอีกฝ่าย "ฉันรู้ว่าเธอกําลังคิดว่าฉันไม่จริงใจกับเธอ"

“ในฐานะน้องสาว ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจที่เธอจะต้องเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว และอดสงสารเธอไม่ได้”

“ครอบครัวของตู้อวิ๋นเซิงมาจากเมืองหลวง และมันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น เขาต้องกลับไปเมืองหลวงแน่นอน”

“ถ้าตามเขาไป เธอก็จะกลายเป็นคนเมืองด้วยไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่ว่ายังไงการไปกับเขาก็ดีกว่าเธออยู่ที่นี่”

สิ่งที่อีกฝ่ายพูดเกือบจะทำให้ชิงหยวนประทับใจ หญิงสาวฟังอย่างตั้งใจแต่ก็ไม่ได้ตอบรับคำของอีกฝ่าย

เมื่อรู้ตัวว่าเธอไม่ควรรีบร้อนเกินไปนัก หวังชุ่ยเฟินจึงยืนขึ้นและกล่าวว่า "ฉันต้องกลับไปทําอาหารแล้ว เธอค่อย ๆ คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เถอะ เราเป็นเพื่อนกันมาหลายปีแล้ว และสิ่งที่ฉันพูดมาทั้งหมดก็เพื่อผลประโยชน์ของเธอเอง"

พูดจบหญิงสาวก็เดินออกนอกประตูไป

เมื่อมองที่แผ่นหลังซึ่งกำลังจะจากไปของหวังชุ่ยเฟิน ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนก็แข็งกร้าวขึ้นเรื่อย ๆ

“หวังชุ่ยเฟิน สิ่งที่เธอกับตู้อวิ๋นเซิงเป็นหนี้ฉัน ฉันจะเรียกคืนทีละน้อย!”

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...