คุณเชื่อไหมว่า “มนุษย์เป็นสิ่งสวยงาม”
ผมโยนคำถามนี้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าคล้ายถามไถ่ตัวเองและเพื่อนร่วมโลก แต่ละวันมีเรื่องราวชวนให้เชื่อและไม่เชื่อในคำพูดที่ว่านี้ จนเรามิกล้าตอบอย่างฉับพลันว่าคิดเช่นนั้นหรือไม่ ส่วนตัวแล้วผมเชื่อมั่นเสมอว่าไม่มีใครอยากเป็นมนุษย์ที่ชำรุดและเหลวแหลก แค่บางสถานการณ์บางเงื่อนไขของชีวิตผลักเราไปสู่จุดนั้น
มีเรื่องเล่าเล็กๆ มากมายที่ผมได้พบ ได้ยิน และได้อ่านเจอที่ทำให้ผมยังเชื่อว่ามนุษย์เป็นสิ่งสวยงาม แม้กระทั่งในภาวะอัปลักษณ์อย่างการศึกสงครามก็ยังมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เรื่องราวเหล่านี้เหมือนน้ำหยดน้อยคอยหล่อเลี้ยงหัวใจของเราให้ยังคงมีความงามอยู่ด้วยเช่นกัน
โจเซฟ จาวอร์สกี เล่าผ่านหนังสือ Synchronicity ให้ฟังว่าครั้งหนึ่งเขาได้พบชายชาวอเมริกันแปลกหน้าโดยบังเอิญแล้วมีโอกาสได้นั่งพูดคุยกันช่วงเวลาหนึ่ง ชายผู้นั้นชื่อแมนนี เป็นนักบินรบของกองทัพอากาศอเมริกันผู้ได้เล่าให้เขาฟังว่า ครั้งหนึ่ง ระหว่างการสู้รบอันดุเดือดนอกชายฝั่งอิตาลี แมนนียิงเครื่องบินอิตาลีตก แต่นักบินกระโดดร่มออกมาได้ สิ่งที่แมนนีควรทำมากที่สุดตอนนั้นคือรีบบินกลับฐานเพราะมีเชื้อเพลิงจำกัด แต่แมนนีกลับเลือกที่จะบินวนคอยดูจนแน่ใจว่าร่มชูชีพของนักบินกางเต็มที่และเขาจะไม่เป็นไร แถมยังส่งวิทยุขอความช่วยเหลือให้แก่นักบินที่ร่วงลงไป เขาบินวนรออยู่จนกระทั่งมีคนไปถึงที่นั่น เขาลดเพดานบินลงแล้วชูนิ้วหัวแม่มือให้นักบินอิตาเลียน ข้าศึกของเขาชูนิ้วโป้งตอบ แล้วแมนนีจึงบินจากมา
เมื่อสงครามสิ้นสุดลง แมนนีกลับบ้าน วันหนึ่งเขาได้รับจดหมายจากนักบินอิตาเลียนซึ่งติดตามแมนนีได้จากหมายเลขบนปีกเครื่องบิน นักบินถามว่าขอมาเยี่ยมเขาได้ไหม ทั้งคู่จึงได้พบกัน
นักบินอิตาเลียน-ซึ่งบัดนี้ไม่ใช่ข้าศึกของเขาอีกต่อไป-พูดขึ้นหลังจากใช้เวลาร่วมกันสักพัก “คุณช่วยชีวิตผม ผมรู้สึกว่าต้องติดต่อกับคุณ ผมอยากให้เราได้ทำงานด้วยกัน ครอบครัวผมมีโรงงานเครื่องหนัง ทำรองเท้ากับกระเป๋าหนังได้ คุณจะเป็นหุ้นส่วนกับผมไหม เราเปิดสาขาที่สหรัฐได้”
ทั้งคู่ร่วมทุนกันในธุรกิจเครื่องหนังซึ่งขายในอิตาลี ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ธุรกิจของพวกเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่ที่น่าดีใจกว่านั้นคือ-ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของกันและกัน
ผมอ่านเรื่องราวเล็กๆ นี้แล้วหวนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์มากมายในชีวิต หลากหลายช่วงเวลาที่เราถูกบดบังด้วย “อคติ” ที่สร้างมายาภาพของการแบ่งแยกทำให้เราขีดเส้นของความแตกต่างให้แก่กันตั้งแต่ยังไม่ทันได้พูดจา เชื้อชาติ ศาสนา อุดมการณ์ทางการเมือง ภูมิภาค เพศ สีผิว ฯลฯ อีกมากมาย รวมถึงหลายสถานการณ์ในชีวิตที่ทำให้เราจะเอาเป็นเอาตายกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เกลียด โกรธ กลัว ความรู้สึกเช่นนั้นอาจทำให้เรากระทำรุนแรงทั้งทางกาย วาจา และความคิดต่อบุคคล “อีกฝั่งหนึ่ง” ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทันทีที่ก่อกำแพงแบ่งแยก เราก็ปิดโอกาสที่จะเปิดประตูเข้าหากัน
ทั้งที่-เพื่อนที่ดีที่สุดอาจเป็นคนที่อยู่ “อีกฝั่ง” ของเราก็เป็นได้
เรื่องของนักบินรบทั้งสองคนนี้ทำให้ผมเชื่ออีกครั้งว่า “มนุษย์เป็นสิ่งสวยงาม” เมื่อคนหนึ่งหยิบยื่นความสวยงามให้อีกคนหนึ่ง เมล็ดพันธุ์นั้นย่อมงอกงามในใจของผู้รับ และวันหนึ่งผู้รับนี้เองจะนำดอกผลที่หอมหวานกลับมามอบให้ผู้หย่อนเมล็ดพันธุ์นั้น
บางคนอาจมองว่าการออกจากบ้านในทุกวันเหมือนการออกไปทำศึกสงคราม ขณะที่บางคนที่ออกไปทำศึกสงครามกลับก้าวออกไปด้วยหัวจิตหัวใจแห่งมิตรภาพ
ทุกวันที่ตื่นเช้าขึ้นมา เรามีโอกาสเลือกว่าจะก้าวออกจากบ้านเพื่อเพิ่มจำนวนมิตรสหาย หรือก้าวออกจากบ้านเพื่อเพิ่มศัตรู ทั้งนี้ล้วนขึ้นอยู่กับความเชื่อที่ผมได้เกริ่นถามไว้—คุณเชื่อว่ามนุษย์เป็นสิ่งสวยงามไหม
ลึกลงไปของคำถามนี้คือ-คุณเชื่อว่าตัวคุณเองสวยงามไหม
คุณเชื่อไหมว่า เมื่อคุณสวยงาม คุณจะได้พบด้านที่สวยงามของอีกฝ่ายหนึ่ง
-------------------
ป.ล.
Synchronicity / พลิกชะตา **โดย โจเซฟ จาวอร์สกี แปลโดย วิภาดา กิตติโกวิท สนพ.OMG Books เป็นหนังสือที่ชวนสำรวจด้านในเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตัวเองและสังคม ลึกซึ้งและชวนมองโลกด้วยแว่นตาใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม
ความเห็น 31
ญาณนี แก้ว อินสุริยา
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาในชีวิตจะสวยงามหรือจะดูแย่ในตอนนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการสติ.ฟัง.เห็น.คิด.พูด.ใจ.ถ้าคุณค่อยๆเอาทุกอย่างมาใช้ในชีวิตประจำวันคุณจะมีมุมมองที่อาจจะแตกต่างจากคนอื่นและทุกอย่างๆที่เกิดขึ้นอาจจะดูสวยขึ้นมาเลยที่เดียว.แบบว่าเช้าขึ้นต้องรีบขับรถไปทำงานและต้องเจอกับรถติดก็คิดว่าก็ยังดีที่รถติดเนอะดีกว่ารถสตาร์ทไม่ติดเดียวพรุ่งนี้ตื่นเร็วกว่านี้อีกนิดละกันหรือคุณรองยิ้มให้กับตัวคุณเองกับกระจกและยิ้มแบบนี้ตั้งแต่คุณออกจากบ้านเพื่อไปทำงานและฟังเพลงที่คุณชอบ คุณจะเห็นความสวยงามเพิ่มมากขึ้น
28 ธ.ค. 2561 เวลา 16.00 น.
คนเราเกิดมาใช้ชีวิตในโลกนี้ใดัก็อย่างมากก็แค่
หนึ่งร้อยปี.แต่ก่อนที่เราจะจากโลกนี้ไปแล้วจะเก็บความทุกใว้ทำไม.เกิดมาเพื่อมีแต่ความทุกนั้น
หรือ.ถามว่าถ้าจากโลกใบนี้ไปแล้วเราจะกลับมา
หาความสุขใด้อีกหรือเปล่า.แล้วตอนนี้ขณะยังมี
ชีวิตอยู่เราเลือกที่จะทุกข์หรือสร้างความสุขให้
ตัวเราละ..แค่เรามีรอยยิ้ม.ทั้งคนอื่นและตัวเราก็
พบกับความสุขแล้วละครับผม..
05 ส.ค. 2561 เวลา 05.24 น.
😘😘
25 ก.ค. 2561 เวลา 06.09 น.
WACHI
ใจที่งดงาม เขียนอันใดจึงงดงามเช่นกัน
07 ก.ค. 2561 เวลา 14.54 น.
มนุษย์ เป็น สิ่ง ุเดียว ที่ พระเจ้า ทรง สร้าง
07 ก.ค. 2561 เวลา 04.03 น.
ดูทั้งหมด