โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ภาพยนตร์

อ่านเรื่องจริงของ "ฆาตกรผีสิง" ที่กลายมาเป็นพล็อตหนัง The Conjuring: The Devil Made Me Do It

BT Beartai

อัพเดต 12 มิ.ย. 2564 เวลา 11.41 น. • เผยแพร่ 12 มิ.ย. 2564 เวลา 11.38 น.
อ่านเรื่องจริงของ “ฆาตกรผีสิง” ที่กลายมาเป็นพล็อตหนัง The Conjuring: The Devil Made Me Do It

เชื่อว่าแฟน ๆ หนังในแฟรนไชส์ The Conjuring ต่างกำลังรอคอยการมาถึงของ The Conjuring: The Devil Made Me Do It ปฏิบัติการครั้งที่ 3 ของคู่สามีภรรยา เอ็ดและโลเรน วอร์เรน (Ed and Lorraine Warren) ที่มีกำหนดฉายในบ้านเราวันที่ 24 มิถุนายน นี้ถ้าโรงหนังได้กลับมาเปิดบริการอีกครั้งนะ ส่วนอเมริกาและหลาย ๆ ประเทศก็เข้าฉายไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน รอบนี้เอ็ดและโลเรน วอร์เรน ต้องเจอกับงานยาก เมื่อชายหนุ่มนามว่า อาร์นี ไชย์เอ็น จอห์นสัน (Arne Cheyenne Johnson)แทง อลัน โบโน (Alan Bono)เจ้าของบ้านเช่าจนเสียชีวิต แล้วเขาก็บอกผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ว่า ปีศาจสั่งให้เขาทำเช่นนี้

โปสเตอร์หนัง The Conjuring: The Devil Made Me Do It

แรกเริ่มเดิมทีคดีนี้ก็ดูจะเป็นคดีฆาตกรรมธรรมดาทั่วไป เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดหตุแล้วก็สรุปคดีว่า โบโนเจ้าของบ้านวัย 40 ปี ถูกอาร์นีผู้เป็นลูกบ้านแทงด้วยมีดพกจนเสียชีวิต ผลจากการทะเลาะวิวาทกัน แต่สิ่งที่ทำให้คดีไม่ธรรมดาและถูกบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์อเมริกันมาจนทุกวันนี้ก็เพราะ หลังอาร์นีถูกจับกุม เขาก็กล่าวอ้างเหตุผลที่หลายคนไม่อยากจะเชื่อหูว่า ปีศาจสั่งให้เขาทำ มาร์ติน มิเนลลา (Martin Minnella) ทนายจำเลยก็ใช้เหตุผลนี้ในการต่อสู้คดีในชั้นศาลด้วยเช่นกันว่าลูกความเขาบริสุทธิ์แต่ที่ทำลงไปนั้นเพราะอยู่ภายใต้อิทธิพลของปีศาจร้ายที่เข้าสิง พอมีเรื่องเกี่ยวกับภูติผีปีศาจเข้ามาเกี่ยวข้องในคดี ก็เลยร้อนถึงสามีภรรยานักปราบผีต้องเข้ามาตรวจสอบว่าจริงดังกล่าวอ้างหรือไม่

“ตลอดเวลาที่ผ่านมาศาลได้ยอมรับความมีตัวตนของพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ มาวันนี้ศาลจะต้องยอมรับกับการมีตัวตนของปีศาจร้ายด้วยแล้ว”
ข้อความส่วนหนึ่งที่ มาร์ติน มินเนลลา กล่าวในการว่าความต่อสู้คดี

มาร์ติน มินเนลลา

และนี่คือปรากฏการณ์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของศาลอเมริกัน ที่มีการอ้างถึงภูติผีปีศาจมาใช้เป็นเหตุผลต่อสู้คดีในชั้นศาล แม้ว่าวันนี้คดีนี้จะผ่านมากว่า 40 ปี แต่ก็ยังเป็นคดีที่ถูกหยิบมาโต้เถียงกันอยู่ได้เรื่อย ๆ เพราะยังเป็นคดีที่หาข้อสรุปที่แน่ชัดไม่ได้ และในวันนี้คดีนี้ก็จะถูกหยิบมาพูดถึงอีกครั้ง เพราะกลายเป็นพล็อตหนัง The Conjuring: The Devil Made Me Do It ที่กำลังเข้าฉายในหลายประเทศ

เหตุมันเริ่มจากปีศาจ

เหตุการณ์จริงนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ปี 1981 ในเมืองบรูคฟิลด์ รัฐคอนเน็กติคัต ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีเหตุฆาตกรรม ผู้กระทำก็คือนาย อาร์นี ไขย์เอ็น จอห์นสัน ได้แทง อลัน โบโน ผู้เป็นเจ้าของบ้านจนถึงแก่ความตายด้วยมีดพกขนาด 5 นิ้ว กลายเป็นคดีฆาตกรรมครั้งแรกในรอบ 193 ปีบนผืนดินเมืองบรูคฟิลด์ และเป็นคดีที่ไม่มีใครคาดคิดว่า อาร์นีจะเป็นผู้ลงมือทำ เพราะทุกคนรู้จักอาร์นีในฐานะวัยรุ่นธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งที่ไม่มีพิษไม่มีภัย ไม่เคยมีคดีใด ๆ ติดตัวมาก่อน

แต่จะว่าไป ก่อนที่จะเกิดคดีฆาตกรรมร้ายแรงนี้ ก็มีเหตุการณ์แปลกประหลาดหลาย ๆ อย่างที่เริ่มส่อเค้าไม่สู้ดีมาก่อนหน้าประมาณ 1 เดือนแล้ว เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ถูกเล่าโดย มาร์ติน มินเนลลา ระหว่างแถลงการณ์สู้คดีในชั้นศาล ความตอนหนึ่งได้อ้างอิงถึง เดวิด แกลตเซล (David Glatzel) เด็กชายวัย 11 ขวบ ผู้เป็นน้องชายของ เด็บบี้ แกลตเซล (Debbie Glatzel)คู่หมั้นของ อาร์นี ไชย์เอ็น จอห์นสัน

เหตุการณ์แรกนั้นเกิดขึ้นในฤดูร้อนปี 1980 ในช่วงนั้น เดวิดเริ่มเล่าให้พี่สาวฟังซ้ำ ๆ ว่าเขาเจอชายแก่ในบ้านหลังนี้ แล้วชายแก่นี่ก็ชอบดุว่าเขา แต่อาร์นีและเด็บบีก็เข้าใจว่า เดวิดหาเรื่องอ้างที่จะไม่อยากช่วยทำงานบ้าน ก็เลยไม่เก็บเอาเรื่องที่เดวิดเล่ามาใส่ใจ แต่ว่านับแต่นั้น เดวิดก็เล่าว่าเจอชายแก่บ่อยครั้งขึ้น และถี่ขึ้น และเหตุการณ์ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วย เดวิดมักตกใจตื่นขึ้นมาร้องไห้แบบหยุดไม่อยู่บ่อยครั้ง เขาอธิบายว่ามองเห็น “ผู้ชายมีดวงตาโตสีดำสนิท ใบหน้าผอมซูบมองคล้ายสัตว์ มีฟันแหลมคม หูแหลมชี้ บนหัวมีเขา และมีขาเป็นกีบ” ถึงตรงนี้ทั้งอาร์นีและเด็บบีเริ่มจะเชื่อตามที่เดวิดกล่าวแล้ว ทั้งคู่ไม่รอช้ารีบนิมนต์บาทหลวงจากโบสถ์ใกล้บ้ามาทำพิธีปัดเป่า แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ความหวังต่อไปของอาร์นีและเด็บบีก็คือ เอ็ดและโลเรน วอร์เรน คู่สามีภรรยานักปราบผีชื่อดัง

“อาการของเดวิดเค้ามักจะเตะ กัด ถ่มน้ำลาย และสบถถ้อยคำหยาบคาย บางครั้งเขาก็หายใจไม่ออก เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นบีบคอเขาอยู่ เขาทำท่าเหมือนพยายามดึงมือคู่นั้นออกจากคอ แต่แล้วพลังที่มองไม่เห็นนี่ก็ทำเอาเขาสลบเหมือดไปทันทีทันใด ร่างเค้าอ่อนปวกเปียกเหมือนตุ๊กตาผ้า”
สมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวแกลตเซลเล่าเหตุการณ์

เอ็ด และ โลเรน วอร์เรน ตัวจริง ที่มีบทบาทอย่างมากในคดีนี้

พอมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวแฟนสาว อาร์นีก็เลยมาพักอยู่ที่บ้านนี้เผื่อจะคอยช่วยเหลืออะไรได้บ้าง แต่เหตุการณ์น่าขนลุกเหล่านี้ที่มักเกิดขึ้นกลางดึก เริ่มลามมาถึงกลางวันด้วยแล้ว เดวิดเริ่มเล่าว่าเขามองเห็น
“มีชายแก่หนวเคราสีขาวใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์”
ไม่เพียงแค่เห็นภาพ เดวิดยังบอกว่าเขาได้ยินเสียงประหลาดดังออกมาจากห้องใต้หลังคาอีกด้วย และในช่วงนี้ล่ะที่อาการของเดวิดเริ่มชักจะรุนแรงขึ้น เขาเริ่มส่งเสียงขู่คนรอบข้าง บางทีก็เป็นลมชัก และเริ่มมีเสียงพูดแปลก ๆ แล้วเริ่มพูดบทกวีจากหนังสือโบราณ สวรรค์ลา (Paradise Lost) ที่ดีพิมพ์ไว้ตั้งแต่ปี 1667 และพูดเนื้อความจากไบเบิล

หนึ่งในฉากสยองจาก The Conjuring 3

เมื่อสามีภรรยาวอร์เรนได้ฟังเรื่องเล่า ทั้งคู่ก็ฟันธงว่าเดวิดโดนผีเข้าอย่างแน่นอน แต่จิตแพทย์ของทางการที่มาสืบสวนเรื่องราวนี้ด้วยก็เห็นแย้งว่าอาการของเดวิดเป็นพฤติกรรมส่วนหนึ่งของเด็กที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ (Learning disorder)

แต่สามีภรรยาวอร์เรนก็ดำเนินการตามวิธีถนัดของเขา ด้วยการทำพิธีไล่ผีให้กับเดวิดถึง 3 ครั้ง โดยมีบาทหลวงมาเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด สิ่งที่ทุกคนเห็นในพิธีก็คือ ร่างของเดวิดลอยขึ้นกลางอากาศ ด่า และบางช่วงก็หยุดหายใจ แต่เรื่องที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ เดวิดทำนายว่า อาร์นี ไชย์เอ็น จอห์นสัน จะก่อคดีฆาตกรรมขึ้นในบ้านหลังนี้ เหตุการณ์เริ่มส่อเค้าในระหว่างพิธีไล่ผีในเดือนตุลาคม 1980 ระหว่างที่ปีศาจกำลังสิงร่างเดวิดอยู่นั้น อาร์นีก็ไปตะโกนใส่ร่างเดวิด บอกมันว่าให้หยุดรบกวนเดวิดได้แล้ว “แกมาเอาฉันไปแทนเลย แล้วปล่อยเพื่อนตัวน้อยของฉันซะ”

วันเกิดเหตุฆาตกรรม

กิจการคอกสุนัขของโบโน ทุกวันนี้ก็ยังดำเนินกิจการอยู่

อาร์นีมีอาชีพเป็น รุกขกร หรือผู้เชี่ยวชาญในการตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ ส่วนอลัน โบโน ผู้ตายนั้นเปิดคอกหมา ที่จริงแล้วทั้งคู่นี้เป็นเพื่อนที่สนิทกัน อาร์นีมักมาหาโบโนที่คอกหมาบ่อย ๆ จนกระทั่งวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1981 ที่เป็นวันเกิดเหตุนั้น เวลาประมาณ 18:30 ทั้งคู่เกิดมีปากเสียงกันรุนแรง ถึงขั้นอาร์นีควักมีดพกออกมาและชี้ไปที่โบโน ซึ่งลงเอยด้วยการที่โบโนถูกแทงไปหลายแผลที่หน้าอกและท้อง แล้วเขาก็ถูกทิ้งให้นอนหายใจรวยรินเสียเลือดจนตาย อาร์นีโดนตำรวจตามรวบตัวได้ใน 1 ชั่วโมงให้หลัง

อาร์นีย้อนเล่าเหตุการณ์ว่า เหตุสืบเนื่องจากเขาและโบโนทะเลาะกันโดยมีสาเหตุมาจากความหึงหวงในตัวเด็บบี้แฟนสาวของอาร์นี แต่คู่สามีภรรยาวอร์เรนยืนยันกับตำรวจว่าเรื่องจริงมันมีอะไรมากกว่านั้น สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นไม่นาน อาร์นีได้ไปสำรวจบ่อน้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ละแวกบ้าน เพราะเดวิดเล่าว่าเค้าเห็นร่างของปีศาจร้ายครั้งแรกแถวนี้ พอสามีภรรยาวอร์เรนรู้เรื่องนี้เข้า ก็รีบปรามอาร์นีทันทีว่าอย่าได้ไปใกล้บ่อน้ำนั้นเด็ดขาด แต่อาร์นีก็ไม่เชื่อยังไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น การทำแบบนี้เหมือนว่าอาร์นีไปท้าทายอำนาจของปีศาจร้าย ว่าจะเอาร่างของเขาไปได้จริงไหม หลังจากเขาเคยไปประกาศยั่วยุมันไว้ตอนที่ทำพิธีไล่ผี แล้วอาร์นีก็มาเล่าภายหลังว่าเขาเห็นปีศาจร้ายซ่อนตัวอยู่ในบ่อน้ำนั้นจริง ๆ แล้วเขาก็ถูกมันเข้าสิง แล้วก็ออกจากร่างเขาไปทันทีหลังจากที่สังหารโบโนแล้ว

วันพิจารณาคดี

ภาพสเก็ตซ์ของ อาร์นี จอห์นสัน ขณะให้การบนชั้นศาล

มาร์ติน มินเนลลา ทนายของอาร์นีพยายามแก้ต่างให้ลูกความของเขาด้วยเหตุผลว่า “ไม่มีความผิดเพราะเหตุผลจากการถูกครอบงำโดยปีศาจ” ในการสู้คดีครั้งนี้ มินเนลลายังได้เชิญบาทหลวงที่ร่วมทำพิธีไล่ผีมาให้การในฐานะพยานร่วมอีกด้วย การที่มินเนลลาหยิบพิธีกรรมไล่ผีมาพูดบนชั้นศาลแบบนี้ ถือได้ว่าเป็นการทำลายธรรมเนียมการพิจารณาคดีบนชั้นศาลโดยสิ้นเชิง ตลอดการพิจารณาคดีนี้ มินเนลลาและสามีภรรยาวอร์เรนโดนฝ่ายตรงข้ามพูดจาถากถางเสียดสีอยู่บ่อยครั้ง เพราะพวกเขามองว่าการกระทำของมินเนลลาและวอร์เรนนั้นเป็นการฉวยโอกาสบนความสูญเสีย

“พวกเขาแสดงละครกันได้อย่างยอดเยี่ยมมาก เป็นโชว์ที่ดีนะ”
จอร์จ เครสเก (George Kresge) นักจิตวิทยากล่าวล้อเลียน มาร์ติน มินเนลลา

อาร์นี ไชย์เอ็น จอห์นสั ในวันที่ถูกนำตัวมาขึ้นศาล

สุดท้าย ผู้พิพากษา โรเบิร์ต คัลลาฮาน (Robert Callahan) ก็ไม่รับพิจารณาข้อมูลแก้ต่างของมินเนลลา ด้วยเหตุผลว่าเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถพิสูจน์ชัดได้ บวกกับหลักฐานและพยานทั้งหมดในการแก้ต่างนี้ก็ไม่สามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ และถือว่าไม่ตรงประเด็น

ในการนี้มินเนลลาให้การว่ามีบาทหลวงถึง 4 ท่านได้เข้าร่วมพิธีไล่ผีทั้ง 3 ครั้ง แต่คณะบาทหลวงแห่งเขตบริดจ์พอร์ตไม่ขอยืนยันอย่างเป็นทางการ ทางหัวหน้าบาทหลวงทราบแค่เพียงว่า บาทหลวงเหล่านั้นได้พยายามช่วยเหลือ เดวิด แกลตเซล ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่เท่านั้น และสุดท้าย บาทหลวงทั้ง 4 คนนั้นก็ถูกคำสั่งระงับไม่ให้เผยรายละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าวต่อสาธารณชน

“จะไม่มีบาทหลวงท่านใดพูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และเราขอปฏิเสธที่จะให้การ”
แถลงการณ์จาก สาธุคุณ นิโคลาส วี. กรีโค (Nicholas V. Grieco) โฆษกแห่งพื้นที่การปกครองบริดจ์พอร์ต

อาร์นี ไชย์เอ็น จอห์นสัน รับบทโดย รัวไอรี โอคอร์นเอร์

พอเจอทางตันแบบนี้ มินเนลลาเลยหันไปหาหลักฐานอื่นมาอ้างอิง นั่นก็คือเสื้อผ้าที่โบโนสวมใส่ในวันเกิดเหตุ มินเนลลาอ้างว่าเสื้อผ้าที่โบโนใส่นั้นแทบไม่มีเลือดให้เห็น ไม่มีรู ไม่ฉีกขาด แม้ว่าโบโนจะตายเพราะโดนมีดแทง ซึ่งมินเนลลานำหลักฐานนี้มาสนับสนุนข้อกล่าวอ้างที่ว่า อาร์นีถูกผีเข้า แต่ก็ไม่ได้ผล ไม่มีใครในศาลเชื่อข้อมูลของเขา

ในที่สุด มินเนลลาก็เหลือทางเลือกสุดท้าย คือต้องใช้คำแก้ต่างว่า “กระทำการลงไปเพราะเป็นการป้องกันตัวเอง” แต่แล้วในวันที่ 24 พฤศจิกายน 1981 ศาลก็ตัดสินให้ อาร์นี ไชย์เอ็น จอห์นสัน มีความผิดโทษฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยมีการวางเเผน ไตร่ตรองมาก่อน หรือโดยเจตนา มีโทษให้จำคุก 10 – 20 ปี แต่แล้วอาร์นีก็ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษมาโดยตลอด ทำให้เขาพ้นโทษในระยะเวลาเพียงแค่ 5 ปี

เมื่อคดีดังกลายเป็นหนัง The Conjuring: The Devil Made Me Do It

หนังสือ The Devil in Connecticut

เมื่อคดีนี้ได้รับความสนใจไปทั่วสหรัฐฯ เพราะมีการกล่าวอ้างว่าจำเลยกระทำการฆาตกรรมเพราะถูกผีเข้า ทำให้เรื่องราวของคดีนี้ถูกนำไปเขียนเป็นหนังสือหลายเล่ม รายแรกคือ เจอรัลด์ บริตเทิล (Gerald Brittle) เขียนหนังสือในชื่อ “The Devil in Connecticut” หนังสือได้รับการตีพิมพ์เพราะได้แรงผลักดันจากตัวโลเรน วอร์เรน เอง หนังสือประสบความสำเร็จถูกพัฒนามาเป็นหนังสำหรับฉายทางทีวีเรื่อง “The Demon Murder Case”

ภาพยนตร์ทีวีเรื่อง The Demon Murder Case

เมื่อคดีดังกลายมาเป็นหนังสือและภาพยนตร์ ก็นับได้ว่าเป็นการสร้างรายได้ให้กับหลาย ๆ คน แต่ก็มีบางคนที่ไม่รู้สึกยินดีกับกระบวนการเหล่านี้ หนึ่งในนั้นคือ คาร์ล แกลตเซล พี่ชายของเดวิด ได้กล่าวว่าหนังสือเล่มนี้คือการรุกล้ำสิทธิความเป็นส่วนตัวของพวกเขา คาร์ลให้คำจำกัดความของการตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ว่า “มันคือเจตนามุ่งร้ายที่จะสร้างความหดหู่ทางอารมณ์” คาร์ลยังกล่าวโจมตีไปถึงคู่สามีภรรยาวอร์เรนอีกด้วย ว่าเนื้อหาในหนังสือนี้กุขึ้นโดยทั้งคู่ เป็นการฉกฉวยโอกาสและรายได้จากสภาพจิตของเดวิด แกลตเซล น้องชายของเขา

อาร์นี และ เด็บบี แกลตเซล ในปี 2006

ส่วนอาร์นี ไชย์เอ็น จอห์นสัน นั้นก็แต่งงานกับเด็บบี แกลตเซล ตั้งแต่ยังอยู่ในคุก หลังพ้นโทษออกมาในปี 1986 เขาก็ไปใช้ชีวิตคู่กันอย่างมีความสุขจวบจนทุกวันนี้ ส่วนเด็บบี แกลตเซล หลังจากผ่านโศกนาฏกรรมที่เกี่ยวกับภูติผีนี้มา เธอก็เริ่มให้ความสนใจศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติอย่างจริงจัง เธอให้ความเห็นว่า ความผิดพลาดที่สุดของอาร์นีก็คือการไปท้าทายอำนาจของปีศาจตอนที่เดวิดถูกเข้าสิง

“คุณไม่ควรก้าวล้ำไปในจุดนั้น คุณไม่ควรลองดีกับปีศาจ แล้วอาร์นีก็เริ่มแสดงอาการให้เห็นเหมือน ๆ กับที่เดวิดเป็นตอนที่ถูกเข้าสิง”
แม้ว่าเหตุการณ์สยองนี้จะผ่านมาแล้วกว่า 40 ปีก็ตาม เแต่ก็นับว่านี่เป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่มีประจักษ์พยานรู้เห็นมากสุดเหตุการณ์หนึ่งที่ได้เผยแพร่ออกสู่สาธารณชน หลังจากถูกนำมากล่าวอ้างบนชั้นศาล และนับว่าเป็นคดีใหญ่ระดับชาติที่คู่สามีภรรยาวอร์เรนตัวจริงได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างมาก แน่นอนว่าเมื่อเรื่องราวถูกดัดแปลงไปเป็นภาพยนตร์ก็ย่อมมีการเสริมแต่งเข้าไปเพื่อความบันเทิง แต่เนื้อหาช่วงต้นที่เกิดเหตุฆาตกรรมนั้น ก็ถือว่ามีการเล่าที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาตามที่เหตุการณ์จริงได้ถูกบันทึกไว้

อ้างอิง

อ้างอิง

อ้างอิง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...