โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

5 วิธีเลิกผัดวันประกันพรุ่งตามหลักจิตวิทยา ฉบับเข้าใจง่าย

Mission To The Moon

เผยแพร่ 06 ก.ย 2565 เวลา 13.43 น.

หากถามว่าสิ่งที่มนุษย์มีร่วมกันทุกคนคืออะไร? “การผัดวันประกันพรุ่ง” อาจเป็นหนึ่งในคำตอบ ไม่ว่าจะเก่งหรือขยันแค่ไหน เราทุกคนล้วนเคยมีอาการขี้เกียจทำงาน แล้วปล่อยให้ตัวเราในวันพรุ่งนี้เป็นคนจัดการกันทั้งนั้น
.
หากทำนานๆ ครั้งคงไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าหากทำบ่อยๆ จนเป็น “นิสัย” คงแย่ เพราะมันอาจส่งผลกระทบต่อทั้งตัวเราเอง หน้าที่การงาน และความสัมพันธ์กับคนรอบๆ ตัว
.
แบบนี้จะแก้อย่างไรดี?
.
ในบทความนี้เราได้รวบรวม 5 วิธีเลิกผัดวันประกันพรุ่งฉบับเข้าใจง่าย และนำไปปรับใช้ได้ทันที แต่ก่อนจะไปรู้จักเทคนิคต่างๆ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมมนุษย์เราถึงชอบผัดวันประกันพรุ่งกันนัก!?
.
.
#จิตวิทยาแห่งการผัดวันประกันพรุ่ง
.
การผัดวันประกันพรุ่ง (Procrastination) เป็นหนึ่งหัวข้อที่มีการศึกษามาหลายทศวรรษ มีการมุ่งหาทั้ง “สาเหตุ” ว่าทำไมมนุษย์เราจึงทำพฤติกรรมนี้ ไปจนถึง “วิธี” ที่จะจัดการกับมัน
.
ปิแอร์ สตีล นักจิตวิทยาและนักวิจัย ได้รวบรวมงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับการผัดวันประกันพรุ่งจากหลายๆ ทศวรรษที่ผ่านมา และทำการศึกษาจากวิจัยทั้งหมดว่า ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้มนุษย์เราวันผัดประกันพรุ่งมีอะไรบ้าง
.
โดยสรุปคือเรามีแนวโน้มจะผัดวันประกันพรุ่งเมื่อ…
[ ] เรารู้สึกว่างานที่ทำนั้นดูจะสำเร็จยาก และไม่มีรางวัลตอบแทนที่น่าพึงพอใจหากทำเสร็จ
[ ] ไม่ได้อะไรตอบแทนในทันที
[ ] มีสิ่งรบกวนหรือสิ่งล่อใจ
[ ] เดดไลน์ยังอีกไกล
.
ด้วยเหตุผลหลักๆ นี้เอง เราเลยเกิดอาการบ่ายเบี่ยงไม่ทำงานอยู่บ่อยๆ
.
เข้าใจสาเหตุกันแล้ว แล้ววิธีแก้ล่ะ พอจะมีอะไรบ้าง? กดดูเนื้อหาในรูปถัดไปได้เลย

1) Chunk your work แบ่งงานใหญ่ๆ ให้เป็นงานเล็กๆ
.
หากได้รับโจทย์ใหญ่ๆ เช่น ทำวิจัย 1 เล่ม เราคงรู้สึกไม่อยากทำแน่นอนเพราะงานมันดูชิ้นใหญ่ ยาก และใช้เวลาเยอะเหลือเกิน!
.
ถ้าเจอแบบนี้ให้ลอง “หั่น” หรือแบ่งงานก้อนโตของเราให้เป็นงานเล็กๆ ดู เมื่อความยากและความใหญ่ลดลง งานที่ต้องทำจะดูง่ายขึ้นและมีแนวโน้มว่าเราจะเริ่มลงมือ (ซึ่งเป็นส่วนที่ยากที่สุด!) ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

2) Set fake deadlines สร้างเดดไลน์ปลอมๆ ขึ้นมา
.
ตัวกระตุ้นให้ลุกไปทำงานได้ดีที่สุดคงจะหนีไม่พ้น “เดดไลน์” ที่ใกล้เข้ามา แต่แม้เราจะมีแรงฮึบและรีบทำจนเสร็จ หลายต่อหลายครั้งเราพบว่าเพราะความรีบ งานจึงไม่มีคุณภาพ แถมยังเหนื่อยและรู้สึกผิดกับตัวเองอีกต่างหาก
.
หนึ่งในวิธีแก้คือลองสร้างเดดไลน์ปลอมๆ ขึ้นมาใหม่ก่อนหน้าเดดไลน์จริงๆ สัก 2-3 วันขึ้นไป
.
และเราอาจลองใช้วิธีนี้กับวิธีแรกร่วมกันก็ได้ โดยการแบ่งงานเป็นชิ้นๆ และสร้างเดดไลน์ปลอมๆ ให้งานแต่ละส่วน เช่น เขียน Outline ภายในวันที่ 5, เขียน Introduction ให้จบในวันที่ 7 , และเริ่มบท 1 ดราฟต์แรกภายในวันที่ 9 เป็นต้น
.
วิธีนี้จะได้ผลเมื่อเราเชื่อในเดดไลน์ที่สร้างขึ้นมาใหม่จริงๆ แต่ถ้าใครรู้สึกว่าไม่สามารถสร้างความสมจริงนี้ขึ้นมาเองได้ ลองชวนเพื่อนๆ ให้มาทำตามเดดไลน์ปลอมด้วยกัน ก็อาจจะเป็นวิธีที่ช่วยให้เราจริงจังกับมันมากขึ้น

3) Reward yourself ให้รางวัลตัวเองในแต่ละขั้น
.
หากเราทำงานยาวๆ รวดเดียวและค่อยไปให้รางวัลตัวเองในตอนจบโปรเจกต์ มีความเป็นไปได้สูงว่าเราจะหมดแรงและเลิกทำกลางคันไปเสียก่อน
.
หรือเลวร้ายกว่านั้นคือ รางวัลตอบแทนที่ดูห่างไกลอาจทำให้เราเบี่ยงบ่ายไปเรื่อยๆ และไม่เริ่มงานเสียด้วยซ้ำ!
.
การให้รางวัลตัวเอง ณ ปลายทางก็สำคัญ แต่ขั้นเล็กๆ ที่เราทำในละวันก็ควรจะมีการให้กำลังใจหรือให้รางวัลตัวเองด้วย เพื่อให้เราทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่ารางวัลไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ อาจจะเป็นการอนุญาตให้ตัวเองทำสิ่งที่เราอยากทำก็ได้ เช่น หากเขียนบทนี้สำเร็จ เราจะอนุญาตให้ตัวเองเล่นโซเชียลมีเดีย 1 ชั่วโมง
.
หากการให้รางวัลภายหลังกระตุ้นเราให้ลุกไปทำงานไม่ได้ เคธี มิลก์แมน นักวิจัยจาก The University of Pensylvania ได้แนะนำอีกเทคนิคที่ชื่อว่า “Temptaion Bundling” หรือการให้รางวัลตัวเองไปพร้อมๆ กับการทำสิ่งที่ต้องทำ เช่น การวิ่งออกกำลังกายไปพร้อมๆ กับการฟัง Audiobook หรือ พับผ้าไปพร้อมๆ กับการดูซีรีส์เรื่องโปรด

4) Turn off your phone ปิดโทรศัพท์
.
ยิ่งมีสิ่งล่อใจที่ทำได้ง่ายกว่า ยิ่งมีแนวโน้มว่าเราจะไม่เริ่มทำงานสักที หรือถ้าหากเริ่มแล้ว เจ้าสิ่งล่อใจพวกนี้ก็อาจจะทำให้เราไขว้เขวและหยุดทำงานกลางคัน
.
ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ลองเลือกเวลาสัก 3-4 ชั่วโมงต่อวันที่เรามีสมาธิที่สุด และใช้เวลานั้นทำงานที่ยากและสำคัญที่สุด แบบไม่มีสิ่งรบกวน เช่นโทรศัพท์ แจ้งเตือนแชตงาน หรืออีเมล
.
เจมส์ เคลียร์ เจ้าของหนังสือดัง Atomic Habits ยังแนะนำอีกว่า เราควรสร้างระยะห่างระหว่าง ‘เรา’ และ ‘เครื่องล่อใจ’ เหล่านี้ให้ได้มากที่สุด เช่น การลบแอปฯ โซเชียลมีเดีย เพื่อป้องกันไม่ให้เรากดเข้าไปเล่นบ่อยๆ หรือการซ่อน Playstation ไว้ในตู้เสื้อผ้า หยิบออกมาเล่นเฉพาะวันที่ให้รางวัลตัวเอง เป็นต้น

5) Use gentle self-talk พูดจาดีๆ กับตัวเอง
.
บางคนยิ่งผัดวันประกันพรุ่ง ยิ่งรู้สึกแย่ และยิ่งพูดไม่ดีกับตัวเอง ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้เรารู้สึกอยากหนีความรู้สึก โดยการทำอะไรที่เรารู้สึกดี อย่างการเล่นโซเชียลมีเดียไปเรื่อยๆ หรือดูซีรีส์
.
ยิ่งไปกว่านั้น หากเราทำเช่นนี้บ่อยเข้า มันอาจจะเป็นแผลใจให้เราไปเลยก็ได้ ทำให้ไม่ว่าจะทำอะไร เราก็จะเริ่มต้นช้าและทำอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เพราะเสียงลบๆ ในหัวได้แต่บอกว่า “เราคงทำได้ไม่ดีหรอก เพราะทำอะไรก็ทำตอนวินาทีสุดท้ายแบบนี้ตลอด”
.
แทนที่จะกล่าวโทษตัวเอง ลองยอมรับความจริงและพูดจาดีๆ เช่น เราย้อนอดีตไปเริ่มงานเร็วๆ ไม่ได้ แต่เริ่มงานตอนนี้ก็ไม่สาย ขอแค่ให้ตั้งใจทำอย่างเต็มที่ก็พอ
.
และนี่ก็คือ 5 วิธีที่เราอยากแนะนำ! แต่ยังมีอีกหลายเทคนิคที่ยังไม่ได้พูดถึง ไว้เราจะรวบรวมมาแบ่งปันกันอีกนะ :)
.
อ้างอิง
- How to stop procrastinating – from a procrastination psychologist :: https://bit.ly/3cCguxO
- Procrastination: A Scientific Guide on How to Stop Procrastinating by James Clear :: https://bit.ly/3e3tUmF
- How to Stop Procastinating by Alice Boyes :: https://bit.ly/3AHpqdk
.
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#softskills

อ่านคอนเทนต์เพิ่มเติม คลิก!

LINE TODAY EXCLUSIVE

วิดีโอ

#LINETODAYPOP พาหนุ่ม ๆ 'Travis Japan' มาทักทายแฟน ๆ ชาวไทย พร้อมฝากอัลบั้มใหม่ ‘s travelers

LINE TODAY POP
วิดีโอ

#LINETODAYPOP ชวน #JAONAAY มาพูดคุยกับเพลงใหม่ 'ทุกนาที (THEM JEANS) Ft. SEXSKI '

LINE TODAY POP
วิดีโอ

POP Challenge | #THX ชวนแดนซ์รอเธอ กับเพลงใหม่ 'โธ่เอ๊ย! (GhOsT CaLL)'

LINE TODAY POP
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...