โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

รัฐลดค่าไฟมีผลต่อเงินเฟ้อ “สนค.” จับตาข้าวถูกกีดกัน

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 09 ม.ค. เวลา 06.27 น. • เผยแพร่ 09 ม.ค. เวลา 06.27 น.
พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์

สนค.แถลงเป้าเงินเฟ้อปี’68 อยู่ระหว่าง 0.3-1.3% ค่ากลาง 0.8% คาดเศรษฐกิจไทยโต 2.3-3.3% ได้แรงหนุนท่องเที่ยว กำลังซื้อผู้บริโภคกระเตื้อง จับตา Geopolitical กระทบข้าว-น้ำมันปาล์ม แถมนโยบายลดค่าไฟฟ้า อาจฉุดเงินเฟ้อลดไปด้วย

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) แถลงตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) ของไทยปี 2568 โดยคาดการณ์ว่าจะอยู่ระหว่าง 0.3-1.3% มีค่ากลางที่ 0.8% ภายใต้สมมุติฐานจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ 2.3-3.3% น้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 70-80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 34-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

และยังมีแรงหนุนจากเศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และจากการขยายตัวของการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน การท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันดีเซลที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในไตรมาส 1 และ 2 ปี 2567

เป้าเงินเฟ้อปี’68 เพิ่มขึ้น 0.8%

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค.วางกรอบอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 อยู่ระหว่าง 0.3-1.3% ค่ากลาง 0.8% ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย (1) เศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปี 2567 ทั้งการขยายตัวของการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้อุปสงค์ต่อสินค้าและบริการปรับตัวเพิ่มขึ้น (2) ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2567

ขณะที่ปัจจัยที่กดดันให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ประกอบด้วย (1) ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่าไฟฟ้าและการตรึงราคาก๊าซ LPG (2) ฐานราคาผักและผลไม้สด ปี 2567 อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลจากเอลนีโญและลานีญา ขณะที่ในปี 2568 คาดว่าจะไม่รุนแรงและส่งผลต่อราคาไม่มากนัก และ (3) การชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์และการจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศ จะส่งผลให้ค่าเช่าบ้านและราคารถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างจำกัด

“ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อเดือนมกราคม 2568 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.25% และไตรมาส 1 เฉลี่ยจะสูงกว่า 1% ส่วนไตรมาส 2 และ 3 จะลดลงไม่น่าถึง 1% จากนั้นจะกลับมาสูงขึ้นในระดับ 1% ขึ้นไปในไตรมาส 4”

ลดค่าไฟฟ้ากระทบกรอบเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นหรือต่ำลง จากการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้า ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนนโยบายส่งออกสินค้าเกษตรของผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น ข้าว น้ำมันปาล์ม ซึ่งจะมีผลต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เบื้องต้นไม่มีผลกระทบต่อเงินเฟ้ออย่างมีนัยสำคัญ แต่ทั้งนี้ ทางสำนักงานอยู่ระหว่างการศึกษาและประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะนโยบายการลดค่าไฟฟ้า ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะพิจารณาทบทวนกรอบเงินเฟ้ออีกครั้ง

นายพูนพงษ์กล่าวอีกว่า สำหรับเงินเฟ้อของไทยเดือนธันวาคม 2567 เท่ากับ 108.28 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น 1.23% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 โดยปัจจัยหลักมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะฐานปีก่อนราคาต่ำ รวมถึงราคาสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวสูงขึ้นจากราคาผลไม้สด เครื่องประกอบอาหาร และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์

ทั้งปี’67 เงินเฟ้อเพิ่ม 0.4%

ทั้งนี้ หากรวมเงินเฟ้อทั้งปี 2567 เพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ว่าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 0.2-0.8% ค่ากลาง 0.5% สำหรับสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อทั้งปีสูงขึ้น หลักมาจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป ผลไม้สด และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม มีสินค้าสำคัญที่ราคาลดลงจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำมันดีเซล สำหรับไตรมาส 4 ปี 2567 เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566 สูงขึ้น 1.00% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2567 เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ลดลง 0.26% ทำให้ภาพรวมทั้งปีเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบที่คาดการณ์ไว้

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รัฐลดค่าไฟมีผลต่อเงินเฟ้อ “สนค.” จับตาข้าวถูกกีดกัน

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...