โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เพื่อนบ้านเล่าถึง "น้องทีน กะเพราอ้วนตรึ้ม" เปิดร้านได้ 2-3 วันก่อนเข้า รพ.

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

อัพเดต 17 ก.พ. 2566 เวลา 03.03 น. • เผยแพร่ 17 ก.พ. 2566 เวลา 09.43 น.

จากกรณีข่าวเศร้าการเสียชีวิตของ"น้องทีน" กะเพราอ้วนตรึ้ม ตะหลิวตัด เด็กหนุ่มสู้ชีวิต ล่าสุด วันที่ 17 ก.พ. 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังร้านกะเพราอ้วนตรึ้ม ของน้องทีน ในจุดที่น้องขายของ ภายในซอยบางแค 4 แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร โดยทีมผู้สื่อข่าว ไปพบกับ นาย โชติ หอยจับ อายุ 60 ปี เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร และเป็นเพื่อนบ้านน้องทีน ที่อยู่ข้างๆร้าน กะเพราอ้วนตรึ้ม ได้เล่าว่า

เพื่อนบ้านเล่านิสัย น้องทีน กะเพราอ้วนตรึ้ม เศร้าพึ่งร้านได้ 2-3 วัน

"น้องได้ย้ายมาอยู่ที่ร้านแห่งนี้ประมาณหนึ่งเดือน หลังเปิดร้านขายของได้ 2-3 วันน้องเริ่มมีอาการขาอ่อนแรงยืนไม่ไหว เหมือนคนหมดแรงโดยภายในร้านจึงต้องปิดร้านตั้งแต่บ่าย ตอนนั้นลูกจ้างก็ได้ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยวันรุ่งขึ้นทางน้องก็ไม่ได้มาขายของเพราะเข้าโรงพยาบาล นายโชติเล่าว่าน้องเองมีโรคประจำตัวหลายโรค เบาหวานความดัน

เพื่อนบ้านเล่านิสัย น้องทีน กะเพราอ้วนตรึ้ม เศร้าพึ่งร้านได้ 2-3 วัน

สำหรับอุปนิสัยของน้อง เป็นคนมีอัธยาศัยดีเป็นคนสู้ชีวิต ไม่เคยย่อท้อ ก่อนหน้านี้ ตัวน้องขายของอยู่ข้างถนนพร้อมกับรถเข็น โดยมีคนอุปการะอีกคนหนึ่งชื่อน้องต่อ โดยน้องต่อเป็นคนหาที่ทางให้น้องเพื่อขายของ ตนเองก็รู้สึกเสียใจที่สูญเสียน้องเพราะตัวน้องเป็นคนสู้ชีวิตมาก ก็ขอให้น้องได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีแล้วไม่ลำบากอย่างนี้"

เพื่อนบ้านเล่านิสัย น้องทีน กะเพราอ้วนตรึ้ม เศร้าพึ่งร้านได้ 2-3 วัน
เพื่อนบ้านเล่านิสัย น้องทีน กะเพราอ้วนตรึ้ม เศร้าพึ่งร้านได้ 2-3 วัน

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...