“กลุ่มคาราบาว” ส่ง “ตะวันแดง IPA” เบียร์ตัวที่ 5 สไตล์แปซิฟิกครั้งแรก เคาะราคา 45-60 บาท หวังเป็นหมัดเด็ดชิงส่วนแบ่งตลาดเบียร์ 2.6 แสนล้านบาท ย้ำเป้าท็อป 3 ตลาด
วันที่ 18 มีนาคม 2567 หลังจากช่วงพฤศจิกายน ปี 2566 “กลุ่มคาราบาว” เขย่าตลาดเบียร์มูลค่า 260,000 ล้านบาท ผ่านแบรนด์ เบียร์คาราบาว และ เบียร์ตะวันแดง 4 ตัว คือ
1. เบียร์คาราบาว 2 รสชาติ ได้แก่
- Lager Beer (เบียร์ลาเกอร์)
- Dunkel Beer (เบียร์ดุงเกล)
2. เบียร์ตะวันแดง เปิดตัว 2 รสชาติ ได้แก่
- Weizen Beer (เบียร์ไวเซ่น)
- Rose Beer (เบียร์โรเซ่)
ล่าสุด เบียร์ตะวันแดง เตรียมเปิดตัวหมัดเด็ดที่ 5 คือ IPA Beer (เบียร์ไอพีเอ) รับช่วงไฮซีซั่นสงกรานต์ปี 67 ที่จะถึงนี้
นายเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “กลุ่มคาราบาว” เปิดเผยว่า เราเตรียมเปิดตัว “เบียร์ตะวันแดง IPA” ได้รับการขนานนามว่าเป็น Creative Beer เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับคนไทย ซึ่งเป็นเบียร์ไอพีเอ สไตล์แปซิฟิก ครั้งแรกในประเทศไทย และราคาจับต้องได้ แบ่งเป็น
- กระป๋องเล็ก 45 บาท
- กระป๋องใหญ่ 60 บาท
“ที่ผ่านมาคนมักติดภาพว่าเบียร์ IPA ต้องขมนำ และปริมาณแอลกอฮอล์สูง ตะวันแดงไอพีเอเน้นเข้าถึงทั้งกลุ่มนักดื่มตัวยง และผู้ดื่มทั่วไป แอลกอฮอลล์ 5.5%”
ด้านช่องทางการจำหน่าย เบียร์ ตะวันแดง IPA จะปูพรมจำหน่ายในร้านค้าในเครือข่ายของกลุ่ม คาราบาว ได้แก่
- CJ MORE ที่มีมากกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ
- ร้านถูกดี มีมาตรฐาน ที่มีร้านค้าอยู่ทั่วประเทศ
- หน่วยรถในศูนย์กระจายสินค้าทั้ง 30 แห่ง ที่สามารถเข้าถึงร้านค้าปลีกทั่วประเทศ
- โมเดิร์นเทรด อาทิ Lotus’s, GO Wholesale, กูร์เมต์ มาร์เก็ต, ท็อปส์, Lawson108, Foodland และ วิลล่า มาร์เก็ท
- ช่องทาง On-premise ร้านอาหาร ผับบาร์ต่างๆ
โดยวางเป้าหมายกระจายภายในเดือนมีนาคม 2567 และเทรดดิชันนอลเทรดพร้อมกระจายสินค้าตรงสู่ “ตัวแทนจำหน่ายประจำพื้นที่ระดับอำเภอ” ทุกอำเภอทั่วประเทศ เพื่อทำให้สินค้าสามารถเจาะเข้าถึงร้านค้าย่อยหรือโชห่วยทั่วประเทศได้รวดเร็ว
ตลาดเบียร์มูลค่า 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใหญ่ที่สุด โดยกลุ่มคาราบาวได้ทุ่มงบลงทุนถึง 4,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตเบียร์ที่จังหวัดชัยนาท ด้วยเทคโนโลยีการผลิตมาตรฐานโลกจากเครื่องจักรที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด
โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 400 ล้านลิตร ช่วงแรกนำร่องการผลิตที่ 200 ล้านลิตร ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุด นับจากการลงทุนโรงสุราตะวันแดง1999
รวมถึงทุ่มงบการตลาดครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 20 ปี โดยทั้ง 2 แบรนด์ลงเล่นในเซ็กเมนต์อีโคโนมี และสแตนดาร์ด ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของตลาดเบียร์ถึง 95% เพื่อสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมในทุกกลุ่ม โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด 30% ในปีแรก และขึ้นเป็นผู้เล่นหลัก 1 ใน 3 ของตลาดเบียร์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :