ปลอดภัยทุกคน ท่าอากาศยานไทย-สุวรรณภูมิ ปฎิบัติตามแผน 'เครื่องบิน Aeroflot' ขอลงจอดฉุกเฉิน
ท่าอากาศยาน ชี้แจงเพิ่มเติม เรื่องการปฎิบัติตามแผนกรณีที่สายการบิน Aeroflot เที่ยวบินที่ SU277 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานภูเก็ตเมื่อช่วงบ่าย 15.20 น.เมื่อวานนี้ (10 ก.พ.68) มุ่งหน้ากรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย ได้เกิดข้อขัดข้องในระบบทางเทคนิค ไม่สามารถทำการบินไปสนามบินปลายทางได้ โดยได้มีการบินวนประมาณ 5 ชั่วโมง ก่อนจะขอ Divert และขอลงจอดฉุกเฉิน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) สั่งการให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เตรียมการรองรับเหตุฉุกเฉิน โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนแผนเผชิญเหตุ ควบคู่กับการปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของหน่วยงานกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด และให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและอากาศยาน
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ได้ดำเนินการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัย รวมถึงฝ่ายแพทย์ เตรียมความพร้อมทุกด้านเป็นไปตามแผนเผชิญเหตุ ทั้งอุปกรณ์และกำลังพล เมื่อเวลา 21.11 น. เที่ยวบินลำดังกล่าวสามารถลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างปลอดภัย โดยใช้ทางวิ่ง 01 R และเข้าจอดที่หลุมจอด 115 ขณะลงจอดและลำเลียงผู้โดยสารลงจากเครื่องได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแล รวมถึงแจกน้ำดื่มให้ผู้โดยสารและได้รับแจ้งจากสายการบินในเบื้องต้นว่าจะนำลูกเรือ 15 คนและผู้โดยสาร 331 คน เข้าพักโรงแรมภายนอก และทางสายการบินจะดำเนินการจัดสรรเที่ยวบินให้ผู้โดยสารต่อไป
นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า แม้สถานการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้ประกาศใช้แผนฉุกเฉินของสนามบิน แต่สนามบินสุวรรณภูมิเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่และจากการที่สายการบิน Aeroflot เลือกมาลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในมาตรฐานความปลอดภัย และความพร้อมในการรองรับหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น
ตำรวจ บก.ตม.2 ได้รับการประสานงานว่า เที่ยวบิน SU 277 มีผู้โดยสารชาวรัสเซีย 327 คน,ชาวเบลารุส 3 คน ,ชาวมาเลเซีย 3 คน,ชาวบริติช 1 คน และลูกเรือรัสเซียทั้งหมด 15 คน รวม 349 คน ซึ่งจะมีรถบัสไปรับผู้โดยสารทั้งหมดจากบริเวณที่จอดเครื่องบินเฉพาะกรณีฉุกเฉิน เพื่อพาผู้โดยสารมาที่อาคารผู้โดยสาร (ขาเข้า) และนำเข้าพักในเมือง ระหว่างรอเครื่องบินมารับเดินทางกลับประเทศรัสเซีย
#สายการบินAeroflot
#ขอลงจอดที่สุวรรณภูมิ
Cr.ขอบคุณข้อมูล-ภาพ ฝ่ายประชาสัมพันธ์กระทรวงคมนาคม